สามีไร้ยางอาย

44.0K · จบแล้ว
Lalyblue,Woohoo,พิมพ์พรรษ
51
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"คุณกลับมาได้ไงน่ะ ?!"คิ้วหนาขมวดมุ่น เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นจากภรรยา"ผมก็ต้องนั่งเครื่องบินกลับมาสิ ใครเขาจะว่ายน้ำกันล่ะ"แหวนเพชรที่ถูกอีกฝ่ายตอบคำถามด้วยท่าทางยียวนเหวี่ยงค้อนส่งไปให้เขา แล้วกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือของตนเพื่อบอกลาเพื่อนรักทันที"แค่นี้ก่อนนะแก ไว้ค่อยคุยกันใหม่"รอยยิ้มกว้างระบายขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่พึ่งมาถึง แต่สาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะกรีดร้องใส่เขาก็คือสองแขนแกร่งที่อ้าออกกว้าง ราวกับกำลังรอให้เธอกระโจนเข้าไปกอดอย่างไรอย่างนั้นทำเพื่อ !?

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันตลกรักหวานๆสัญญาทางรักเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทที่ 1

"แต่งงาน!"

เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นกลางบ้านรพีภัทร และเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น 'แหวนเพชร รพีภัทร' หลานสาวเพียงคนเดียวของหม่อมหลวงนฤนาถ รพีภัทร สาวสังคมชั้นสูงที่ทุกคนต่างก็รู้จักและมักพบเห็นได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง

ทว่าสิบปีที่ผ่านมา สมบัติของตระกูลรพีภัทรกลับร่อยหรอลงเรื่อยๆ เพราะนิสัยใช้เงินมือเติบของนงสินี ลูกสาวคนเล็กของนฤนาถ

แต่แค่นั้นก็ดูเหมือนว่าเคราะห์กรรมที่โหมเข้าใส่ตระกูลรพีภัทรจะยังน้อยเกินไป เบื้องบนถึงได้ดลบันดาลให้ลูกชายและลูกสะใภ้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แถมยังทิ้งหลานสาวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดให้ท่านเลี้ยงดูต่ออีกด้วย

และก็เพราะแหวนเพชรเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวนี่ล่ะ นฤนาถถึงได้วางแผนอนาคตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาไว้ให้เธอ โดยไม่คิดจะเอ่ยถามความเห็นของหลานสาวเลยสักคำ

"หนูไม่แต่งค่ะ"

"นี่ไม่ใช่คำถาม แต่นี่เป็นคำสั่ง"

"คุณย่า หนูไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แล้วหนูจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง นี่มันปี 2021 แล้วนะคะ เขาหมดยุคจับลูกหลานคลุมถุงชนไปตั้งนานแล้ว" แหวนเพชรเอ่ยเสียงดังจนเกือบจะเรียกได้ว่าตะโกน เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถทำได้ในตอนนี้

"แล้วไง แกชอบหาว่าฉันเป็นพวกล้าสมัยดึกดำบรรพ์นักไม่ใช่หรือแม่แหวน" ผู้เป็นย่าสวนกลับทันควัน แถมยังใช้คำพูดของหลานสาวมาย้อนคืนเจ้าตัวเสียด้วย

"ไม่รู้ล่ะค่ะ ยังไงหนูก็ไม่แต่ง"

"เอ๊ะ! ฉันเลี้ยงแกมาจนโตป่านนี้ ใจคอแกจะทำให้ฉันสบายใจสักเรื่องหน่อยไม่ได้เลยหรือยังไงกัน"

"มีเรื่องอื่นตั้งมากมายที่หนูทำให้คุณย่าสบายใจ อย่างน้อยหนูก็คว้าใบปริญญามาจากต่างประเทศได้ตั้งสองใบ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูลเราจะตาย น่าอวดกว่าเรื่องดองกับคนมีเงินตั้งเยอะ" คนไม่ยอมใครตอบกลับไปอย่างไม่ยอมลดราวาศอก ตามแบบฉบับนิสัยของเธอ

"เหอะ เดี๋ยวนี้คนในวงสังคมเดียวกันกับเราเขาก็จบนอกทั้งนั้น ใบปริญญาของแกน่ะมันก็แค่กระดาษ"

เสียงแหลมสูงของคนที่เพิ่งมาถึงเรียกให้สองย่าหลานที่กำลังโต้เถียงกันอย่างออกรส หันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว

"ก็แค่กระดาษที่อานงไม่มีสักใบน่ะเหรอคะ"

"นังเด็กเหลือขอ"

"โอ้โห นี่บ้านเรายังมีอะไรให้ขออีกเหรอคะเนี่ย หนูคิดว่าอานงเอาสมบัติคุณย่าไปโปรยเล่นหมดแล้วซะอีก"

นงสินีกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้าน เมื่อถูกคนอายุน้อยกว่าพูดแทงใจดำอย่างไม่ไว้หน้า จนแม้แต่นฤนาถยังต้องยกมือขึ้นมาอุดหูด้วยความรำคาญ

"หยุดร้องแรกแหกกระเชอสักทีเถอะแม่นง ตอนที่แกเกิดมาฉันไม่ได้ให้แกกินนกหวีดแทนข้าวนะ"

"คุณแม่!"

"แล้วนี่ไปไหนมา ทำไมกลับมาเสียมืดค่ำ" นฤนาถเอ่ยถามบุตรสาวพร้อมส่งสายตาตำหนิ

"โถ่ หนูก็ต้องออกไปพบปะเพื่อนฝูงของหนูบ้างสิคะคุณแม่ จะให้นั่งอุดอู้อยู่ที่บ้านทั้งวันคงไม่ไหว นี่ดีนะคะที่พวกเราไม่ใช่ผู้ถือหุ้นหลักแล้ว เลยไม่ต้องคอยปวดหัวเข้าไปแก้ปัญหาที่บริษัทเหมือนเมื่อก่อน"

ผู้เป็นแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่รู้สึกระเหี่ยใจ เพราะถ้าหากว่าไม่จวนตัวจริงๆ ท่านคงไม่มีทางขายหุ้นในมือของตนให้คนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่จะให้ถือไว้เพื่ออะไรเล่า ในเมื่อคนบ้านนี้ไม่มีความสามารถในการบริหารธุรกิจเลยสักนิด