สะบายดี ครั้งที่ 1: ไกด์ผี[2/1]
การข้ามชายแดนจากไทยมาประเทศลาวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมสักเท่าไหร่นัก แค่มีพาสปอร์ตก็ผ่านเข้ามาได้ฉลุยแล้ว ไม่นานนัก รถบัสที่ผมนั่งข้ามผ่านมายังลาวก็พาไปส่งที่ตลาดเช้าซึ่งเป็นท่ารถในนครหลวงเวียงจันทน์ ลงจากรถได้เท่านั้น ผมก็ถูกบรรดาสามล้อรับจ้างรุมทึ้งทันที พร้อมกับเรียกค่าจ้างเป็นเงินไทยประมาณห้าสิบบาทเพื่อไปส่งยังโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ดีที่ผมหาข้อมูลมาก่อนเลยปฏิเสธสามล้อพวกนั้นไปหมดและตั้งใจว่าจะเดินไปยังเกสต์เฮ้าส์ตามแผนที่ GPS ในโทรศัพท์
ทว่าพอผมเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ สายตาก็ปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด
ใช่... ผู้ชายคนนั้นคือคนเดียวกับที่ผมเหวี่ยงกระเป๋าไปโดนก่อนหน้านี้
อุตส่าห์แยกกันไปแล้วยังจะวกกลับมาเจอกันอีก!
รู้เลยว่าโลกใบนี้โคตรจะกลม ผมมองไอ้บ้านั่นก้าวเดินฉับๆ อยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งถือกระเป๋ากระสอบสายรุ้งสะพายบ่า มองจากทางด้านหลังแล้ว ผมก็สงสัยนะว่ามันกล้าแต่งตัวอย่างนี้เดินตามท้องถนนได้ยังไง เรื่องอากาศร้อนอะไรมันไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องแต่งตัวไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านเมืองนี่มันทำให้มันดูเหมือนคนบ้า
ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องของผม ชะลอฝีเท้า ทิ้งระยะห่างสักหน่อยก่อนเดินตามไปเงียบๆ
ต้องใช้คำว่าเดินตามจริงๆ เพราะตอนแรกที่ผมเห็นมันเดินนำหน้าก็แค่คิดว่าคงจะไปทางเดียวกันแล้วไปแยกย้ายกันอีกทีตามตรอกซอกซอย หากแต่ไม่ใช่เลย ผมเดินตามหลังมันต้อยๆ ตามมายันเกสต์เฮ้าส์ที่ผมจองเอาไว้
เดี๋ยวนะ...มึงก็พักที่นี่เหรอ!?
พักที่นี่อย่างแน่นอน มันมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเกสต์เฮ้าส์ที่ชื่อว่า ‘สะบายดีเวียงจันทน์’ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายเกสต์เฮ้าส์ราวกับว่าไม่แน่ใจนักว่ามันคือที่หมายที่มันต้องการมาไหม อะไรไม่ว่า มายืนขวางทางเข้าอยู่นานสองนาน ทำเอาผมที่แบกกระเป๋าเป้ใบบักเอ้กชักทนไม่ไหว ต้องเดินมาบอกมันอย่างไม่มีทางเลือกแม้ว่าจะไม่อยากเสวนาด้วยเลยก็ตาม
“ขอโทษนะครับ ขอผมเข้าไปหน่อย” ผมพูดออกมาเป็นภาษาไทย
ผู้ชายคนนั้นหันมามองผม สีหน้าดูงุนงง ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าอาจจะไม่ใช่คนลาวเพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะด่าผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไท้ไทยใส่ไป
“เอ็กซ์คิ้วมี แคนยูพลีส...” หลบหน่อย... แม่งพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไงวะ ใช้ภาษามือเลยแล้วกัน
โบกมือปัดหย็อยๆ เป็นสัญญาณบอกว่าให้มันหลีกทางให้ อีกฝ่ายมองผมแล้วจู่ๆ ก็หัวเราะในลำคอดังหึขึ้นมา จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน ปล่อยให้ผมยืนมองอย่างงุนงง
ไอ้ที่หัวเราะหึเมื่อกี้มันคืออะไร ทำไมรู้สึกเหมือนโดนดูถูกเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลยวะ
ขุ่นใจขึ้นมาอีกระลอกทั้งที่ไม่อยากจะอารมณ์เสียเลย แต่พอมองตามหลังผู้ชายคนนั้นที่ไปติดต่อยังล็อบบี้และหายขึ้นไปยังชั้นบน ผมก็ถอนหายใจออกมา
ช่างมันเถอะ คนต่างชาติ ต่างภาษาก็ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว ไม่แปลกถ้าเขาจะมารยาทไม่ดี
เพราะปลงเรื่องนี้ได้ ผมเลยไปติดต่อพนักงานที่ล็อบบี้เพื่อขอกุญแจเข้าห้องพักบ้าง โชคดีที่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับผู้ชายคนนั้นเพราะผมอยู่เกสต์เฮ้าส์แบบแชร์ห้อง เพื่อนร่วมห้องผมเป็นเด็กนักศึกษาจากไทยอีกสามคนที่มาเที่ยวกันวันสุดท้ายก่อนจะกลับไทยพรุ่งนี้ วันนี้ผมก็เลยมีเด็กๆ พวกนั้นช่วยนำเที่ยวในเวียงจันทน์
ไปกับเด็กพวกนั้น ทุกอย่างมันก็ดูง่ายไปหมดเพราะเด็กๆ วางแผนเที่ยวกันมาดี ข้อมูลแน่น แถมยังอยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย ผมที่แทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยได้พึ่งใบบุญตะลอนทัวร์ไปด้วยแต่ก็เป็นแค่การเที่ยวในละแวกเกสต์เฮ้าส์เท่านั้น
เด็กๆ บอกว่าเที่ยวเวียงจันทน์ไม่ยากหรอก ไปตามแผนที่ GPS ในโทรศัพท์แค่นั้นเอง มันก็ไม่ยากสักเท่าไหร่หรอก วันใหม่มาถึง ผมก็ไปตะลอนเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ ตามลำพัง
ไอ้ไปเที่ยวตามที่พวกนั้นน่ะไม่ยากเลย ที่ยากก็คือทำยังไงให้ไม่ถูกพวกมิจฉาชีพในคราบพ่อค้าแม่ค้าโกงเงินต่างหาก!
กลับมาถึงเกสต์เฮ้าส์ได้ ผมก็ออกอาการหัวเสียเมื่อคิดทบทวนว่าวันนี้ถูกหลอกเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์และโดนโก่งราคาค่ารถ ค่าอาหารไปมากแค่ไหน ยิ่งมาอ่านพวกรีวิวบนเว็บไซต์เรื่องกลโกงของคนพวกนี้ ผมยิ่งแค้นใจเข้าไปใหญ่
เสียไปไม่ใช่น้อยเลยนะวันนี้ อย่างน้อยก็แบงก์เทาใบนึงล่ะวะ
เป็นการเสียเงินที่ไม่ควรจะเสียเลยแม้แต่น้อย เอาเงินนั่นไปจ้างไกด์นำเที่ยวยังจะดีกว่าเสียไปเปล่าๆ ให้พวกขี้โกงนั่นอีก แค่ในเวียงจันทน์ยังขนาดนี้ แล้วออกไปจังหวัดอื่น ผมจะต้องถูกโกงเพราะตามไม่ทันคนพวกนี้อีกขนาดไหน
คิดแล้วก็น่ากังวลนัก ผมเลยตัดสินใจลงไปติดต่อกับพนักงานที่ล็อบบี้ว่าจะขอให้เขาช่วยหาไกด์ให้สักคนเพราะอีกไม่กี่วัน ผมก็จะเดินทางไปเที่ยวยังหลวงพระบางและต่อด้วยวังเวียง หากแต่ก็ต้องผิดหวังด้วยพนักงานล็อบบี้แจ้งว่าไกด์ผู้ชายติดงานกันหมด จะเหลือก็แต่ไกด์ผู้หญิง
ความจริงจะจ้างไกด์ผู้หญิงมันก็ไม่มีปัญหาแหละ เคยดูหนังเรื่องสบายดีหลวงพระบางที่ อนันดา เอเวอร์ริงแฮม แสดงนำ เรื่องนั้นก็ยังจ้างไกด์ที่เป็นผู้หญิงเลย แต่พอมานึกๆ ดูแล้ว ไกด์ผู้หญิงคงจะนำเที่ยวแบบสมบุกสมบันไม่ได้ ผมเป็นพวกง่ายๆ อยากเที่ยวสไตล์ลุยๆ มากกว่าเลยตัดสินใจพูดออกไป
“แล้วพอจะหาไกด์ที่เป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนของเกสต์เฮ้าต์ให้ได้บ้างไหมครับ”
คำตอบคือไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่รับงานกันข้ามเกสต์เฮ้าส์หรือโรงแรม แต่เป็นเพราะไม่มีคนจริงๆ ผมก็เกือบจะตัดใจอยู่แล้วถ้าเกิดว่าไม่มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาถามผมขณะที่ผมยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
ภาษาไทยสำเนียงเหน่อนิดๆ ดังออกมาจากปากของผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม
มองปราดเดียวผมก็จำเธอได้ว่าคือคุณแอน เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ที่นี่ เมื่อวานเจอไปทีนึงแล้วแต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แค่ทักทายกันนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น และผมก็ไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมเธอถึงพูดไทยได้คล่องปร๋อขนาดนี้แม้ว่าสำเนียงจะแปร่งๆ ไปบ้างก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะคนลาวดูรายการโทรทัศน์จากไทยและต้องทำเข้าสินค้าจากไทยเกือบทั้งหมด ทำให้คนลาวกว่าแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สามารถพูดและอ่านภาษาไทยได้
ส่วนผม พอเห็นเจ้าของกิจการมา ผมก็เลยรีบบอกความต้องการของตัวเองออกไป
“อ๋อ ผมอยากจะได้ไกด์น่ะครับ ก็เลยมาถาม”
“ไกด์เหรอ ตอนนี้เหมือนจะเหลือแค่ผู้หญิงนะคะ”
“นั่นแหละครับปัญหา” ผมยิ้มให้กับคุณแอนเล็กน้อย
ไม่ต้องพูด คุณแอนก็พอจะเข้าใจว่าผมต้องการอะไรเลยพูดขึ้นมาอีก
“คุณเป็นผู้ชายนี่เนอะ จะให้ไปค้างอ้างแรมกับไกด์ผู้หญิงก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ เอ เอาไงดี” จากนั้นก็ทำท่าครุ่นคิดไป
ผมเกือบจะบอกคุณแอนไปอยู่แล้วว่าไม่เป็นไร ในเมื่อไม่มี ผมก็ไปตายเอาดาบหน้าก็ได้ ทว่าเธอก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“จริงๆ แล้วก็พอจะมีคนอยู่นะคะ แต่เขาเพิ่งจะมาทำงานวันนี้เป็นวันแรกเอง ถ้าคุณดื้อไม่ถือสาอะไรก็ให้เขาพานำเที่ยวก็ได้ค่ะ”
“เขาเป็นคนลาวหรือเปล่าครับ”
“จะว่างั้นก็ไม่เชิง ลูกครึ่งไทย-ลาวน่ะค่ะ” คุณแอนยิ้ม
“เชี่ยวชาญเส้นทางในลาวหรือเปล่าครับ”
“อาจจะต้องให้เขาปรับตัวนิดนึง พอดีเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกาน่ะค่ะ ไม่ได้อยู่ลาวซะหลายปี”
พอได้ยินอย่างนี้ ผมเลยพยักหน้ารับเร็วๆ
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ แค่ขอให้เขารู้ทันกลโกงนักท่องเที่ยว ไม่ทำผมถูกโก่งราคา เท่านี้ก็พอแล้ว”
ตกปากรับคำไปเสียอย่างนั้น ในใจคิดว่าแค่ขอให้เป็นไกด์ผู้ชาย แล้วก็ทำให้ผมไม่ต้องถูกโกงอีก แค่นี้ก็พอแล้ว คุณแอนก็เลยบอกผมมาสั้นๆ
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ จะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะคะ ขอเวลาให้ได้บรีฟงานเขาสักหน่อย”
ผมพยักหน้ารับ ดูท่าแล้วน่าจะเสียเวลาเที่ยวไปวันนึง แต่ยังไงแพลนเที่ยวของผมก็เปลี่ยนได้ตลอด นอนพักผ่อนเล่นๆ อยู่ที่ห้องสักวันก็คงจะไม่เป็นไร
ระหว่างที่ผมรอให้คุณแอนไปคุยกับไกด์ให้เรียบร้อยแล้วค่อยเริ่มวางแพลนเที่ยวอย่างจริงจัง ผมก็ใช้เวลาทั้งวันในการนอนเล่นอยู่ในห้องอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อวาน ตกเย็นถึงได้ลงมานั่งเล่น กินดื่มที่บริเวณบาร์หน้าเกสต์เฮ้าส์ แขกเหรื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็มานั่งผ่อนคลายที่นี่เช่นกัน บ้างก็รู้จักกันมาก่อน บ้างก็เพิ่งมารู้จักกัน
เห็นเขาพูดคุยกันสนุกสนาน ผมก็อยากจะไปร่วมวงนะ แต่ดันพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง...
อย่าเรียกว่าไม่คล่องเลย แทบจะไม่ได้เลยจะดีกว่า แบบงูๆ ปลาๆ มากๆ เรียนจบมาพักนึงแล้วด้วย แทบจำไม่ได้แล้วว่าต้องเรียงประโยคยังไง ผมเลยได้แต่นั่งจิบเบียร์แกร่วอยู่คนเดียว
ฉับพลันก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ตัดสินใจนั่งแกร่วอยู่คนเดียว เพราะไม่ทันไร กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติพวกนั้นก็มีเพื่อนใหม่มาแนะนำตัวทำความรู้จักและร่วมวงดื่มกินหน้าตาเฉย
เพื่อนใหม่คนนั้น...ไอ้บ้ากระเป๋ากระสอบสายรุ้งเมื่อวานนี้
ผมเลี่ยงที่จะไม่มองหน้ามันเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้เกิดเหม็นขี้หน้ามันขึ้นมาแปลกๆ ยิ่งเห็นมันพูดคุยกับพวกนักท่องเที่ยวหัวทองอย่างออกรส ผมก็เกิดหมั่นไส้มันขึ้นมา
พูดอังกฤษปร๋อเลยนะมึง พูดมั่วใช่ไหม กูรู้หรอก สารรูปมึงไม่น่ามีความรู้...
อคติสุดๆ ทั้งที่ผมไม่เคยที่จะดูถูกคนไม่รู้จักอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต ก่อนที่นิสัยเสียของผมจะถูกระงับเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคุณแอนเดินเข้ามาหา
“คุยกับไกด์ให้แล้วนะคะคุณดื้อ”
“อ้อ ครับ” ผมรีบปรับท่าทางให้สุภาพขณะตอบรับ
คุณแอนยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่เขียนเบอร์โทรกับอีเมลของใครบางคนมาให้ ผมมองแล้วก็ย่นคิ้วเล็กๆ
“อะไรเหรอครับ”
“เบอร์ติดต่อกับเมลของไกด์ค่ะ ฉันให้เบอร์ติดต่อของคุณกับไกด์ไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงจะโทรไปหา”
ผมร้องอ๋อตอบรับก่อนจะยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดู ถึงจะเขียนเป็นภาษาลาว แต่ผมก็พอจะอ่านออก
ปั้นรัก...
ไกด์ของผมชื่อปั้นรัก
ชื่อน่ารักอย่างนี้ ตัวจริงต้องน่ารักแน่ๆ
คิดถึงหนุ่มน้อยท่าทางสำอางหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ถ้าได้ไกด์แบบนั้น ทริปของผมก็คงจะมีบรรยากาศดีไม่ใช่น้อยเลย
ทว่าความคิดมโนของผมก็ต้องมลายหายไปเมื่อจู่ๆ คุณแอนก็พูดขึ้น
“เอ้า ปั้นรักอยู่ที่นี่พอดีเลย เดี๋ยวฉันให้เขามาคุยกับคุณดื้อเลยก็แล้วกันค่ะ”
พูดมาอย่างนั้น ผมก็มองตามทางที่คุณแอนมองไปทันที ก่อนจะต้องชะงักกึกเมื่อเห็นว่าคุณแอนมองไปยังโต๊ะคนต่างชาติพวกนั้น ทำเอาผมเอะใจขึ้นมา
“เดี๋ยวนะครับ ไกด์ที่บอกว่าเป็นลูกครึ่งไทย-ลาว เพิ่งกลับมาจากอเมริกา หมายถึงฝรั่งเหรอ”
เดาไปโน่นเพราะเห็นฝรั่งนั่งกันเต็มโต๊ะ แต่คุณแอนส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“ต้องเป็นคนเอเชียสิคะ คนนั้นต่างหากล่ะ หัวดำที่นั่งอยู่ตรงนั้น”
ชี้นิ้วไปแล้วด้วย ผมมองแล้วก็นิ่งอึ้งไปมากกว่าเดิม
นั่นมัน...ไอ้เวรกระเป๋าสีรุ้ง!
“อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือ...ปั้นรัก?”
ถามออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา คุณแอนพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ”
อ้าปากค้างตามมาด้วยได้ ผมก็จะทำแล้ว
พีคกว่านั้นคือพอคุณแอนบอกผมว่าไกด์ของผมคือคนไหน เธอก็ตะโกนบอกไอ้บ้านั่นแล้ว
“ปั้น! คุณดื้อคือคนนี้นะ เดี๋ยวมาแนะนำตัวด้วย”
พีคไปอีกตรงที่ไอ้เวรนั่นลุกขึ้นยืนมาชะโงกมองผม ตอนนี้เองที่ผมได้เห็นสภาพมันชัดๆ
โอ้โห สภาพมึงนี่มันกุ๊ยชัดๆ เลย เคยตัดผม โกนหนวดโกนเคราบ้างไหม แล้วกางเกงขาเดฟกับเสื้อลายสก๊อตมึงนี่มันอะไร จะมานำเที่ยวหรือพาไปตัดอ้อย!?
