ตอนที่ 8 หมอหญิง "อวิ่นซูหรัน"
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”
“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"
“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”
“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”
จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น
‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’
“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”
“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ”
หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตามท่านหมอเวินไปเท่านั้น เฟิ่งเซียวเดินไปหาซินเยว่แต่เมื่อนางเห็นเขาเดินมาจึงรีบร่ำลาหมอจางทันที
“ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เจ้าค่ะ อากาศค่อนข้างร้อนก็เลยดูเหมือนว่าข้าจะยังไม่หาย เช่นนั้นข้าขอตัว…”
“ซินเยว่นี่เจ้าจะกลับแล้วงั้นหรือ”
“ท่านหมอเฉิน”
เฉินเฟิ่งเซียวหันมามองจางหลงจื่อที่คำนับให้เขา
“ข้าน้อยคิดว่าซินเยว่น่าจะยังมีไข้อยู่ กำลังว่าจะจัดยาให้สักชุดแต่นางยืนกรานว่าหายแล้วขอรับ”
“เจ้ายังไม่หายหรือไหนมาดูหน่อยสิ”
เฟิ่งเซียวหมายจะเดินเข้าไป แต่ซินเยว่ถอยออกมาเล็กน้อยและรีบเอ่ยขึ้นทันที มือที่เอื้อมออกไปก็ชะงักลงเช่นกัน
“ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ ท่านหมอทั้งสองกังวลเกินไปแล้ว ไม่เอาน่า พวกท่านลืมแล้วหรือว่าผู้ใดที่หายามาส่งให้พวกท่าน ข้าจะป่วยได้เช่นไรกันเล่า เอาล่ะ ในเมื่อท่านยังต้องดูแลแขกสำคัญข้าก็ไม่กวนแล้ว อีกสองสามวันยาที่เหลือข้าจะจัดการส่งมาให้ ขอตัวก่อน”
“ข้ายังไม่วางใจ หากเจ้าป่วยขึ้นมาจริง ๆ ก็คงแย่ มาเถอะให้ข้าตรวจสักหน่อย อย่างน้อยจะได้ช่วยดูยาให้เจ้าด้วย”
เฟิ่งเซียวดึงแขนของซินเยว่เข้ามาที่ห้องตรวจต่อหน้าจางหลงจื่อที่ได้แต่มอง สตรีที่ยืนดูอยู่ไกล ๆ ก็นึกสนใจเมื่อเห็นว่าเฟิ่งเซียวถึงกับจับมือนางและพาเดินเข้าไปตรวจด้วยตัวเอง
“สตรีผู้นั้นคือใครหรือ”
“คุณหนูอวิ่นหมายถึงคุณหนูที่อยู่กับคุณชายเฉินหรือขอรับ”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าท่าน…เอ่อ พี่เฟิ่งเซียวจะสนใจนางมาก ท่านหมออีกคนก็เช่นกัน”
“นางคือบุตรีของคหบดีชื่อดังในลี่เหมินนามว่าถานซินเยว่ เป็นเจ้าของร้านขายยาสมุนไพรเป่าจิ้นถานในตัวเมือง ครั้งนี้หากไม่ได้ร้านของนางช่วยพวกเราเอาไว้ ทางการก็คงจัดหายามาช่วยได้ไม่ทัน พวกเขาเป็นหมอก็เลยสนิทกับนางมากเป็นพิเศษขอรับ อีกหน่อยท่านเองก็จะสนิทกับนางเช่นกัน คุณหนูถานมีน้ำใจและเป็นมิตรกับทุกคน ท่านเป็นสตรีเหมือนกันน่าจะเข้ากันได้ดี”
“งั้นหรือ ข้าเองก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ขอบคุณท่านหมอเวิน”
ห้องรักษา
“รู้สึกเจ็บคอหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“แต่เสียงของเจ้าเหมือนจะแหบลงนิดหน่อย ช่วงนี้ก็จิบน้ำมาก ๆ แล้วก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าออกไปไหนมาไหนบ่อยนัก และห้ามนอนดึก จริงสิต้องดื่มยาที่ข้าจัดให้ชุดนี้ให้หมด”
“ท่านหมอเฉิน หมอหญิงผู้นั้นเป็นศิษย์น้องของท่านงั้นหรือ”
เฟิ่งเซียวมิได้ตอบนางทันที เขาสังเกตว่าน้ำเสียงที่นางถามเขานั้นดูหงอยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่แล้วล่ะ ข้าเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ นางเชี่ยวชาญเรื่องการต้มยาและเคยช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาก่อน อีกอย่างก็เป็นหมอที่เก่งและช่วยเหลือข้าได้ก็เลย…”
“ท่านชอบนางหรือ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ซินเยว่รีบถามด้วยความรวดเร็ว นางอยากรู้เพราะไม่เคยเห็นเฟิ่งเซียวที่บอกว่าไม่สนใจสตรี แต่กลับใส่ใจอวิ่นซูหรันและดูเหมือนว่าทั้งสองจะสนิทสนมกันมากกว่านั้น
“ท่านบอกว่าไม่สนใจสตรี แต่ท่านกับนาง…”
“ข้ากับนางร่ำเรียนวิชาแพทย์มาด้วยกัน นางถือเป็นศิษย์น้องของข้า เจ้าถามทำไมหรือ”
“แต่ท่านหน้าแดง หรือว่าท่านจะแอบรักนางข้างเดียว เช่นนั้น...”
“ถานซินเยว่! พอได้แล้วนี่มันเรื่องส่วนตัวของข้า อีกอย่างเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์จะถาม..เอ่อ ข้าหมายความว่าเรื่องนี้…”
เขาไม่ทันเห็นสีหน้าของนางที่ซีดและสลดลง เมื่อเขาเอ่ยวาจาที่หนักเช่นนี้ออกไป เขาเองก็ไม่ทันรู้ตัวว่าเหตุใดต้องโมโหเมื่อนางถามถึงอวิ่นซูหรันเช่นนั้น
“ไม่เป็นไร เป็นข้าเองที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวท่านมากเกินไป เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน ขอบคุณสำหรับยาเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวข้าเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกท่านหมอเฉิน แม่นางอวิ่นพึ่งจะเดินทางมาถึง ท่านคงต้องช่วยนางอีกหลายอย่างอย่ามัวเสียเวลาเลย ข้าขอตัวกลับก่อน แล้วพบกันใหม่”
“เอ่อ… ซิน…”
นางรีบเดินออกไปแล้ว พร้อมกับความอายจนไม่อยากมองหน้าเขา นางพลาดไปเสียแล้วที่ไปถามเรื่องที่เขาไม่อยากตอบ
“มองก็รู้แล้วว่าเขาชอบนาง ข้าไม่ควรถามเลย โง่ชะมัด!”
เรือนพักหมออวิ่น
เฟิ่งเซียวเดินมาที่เรือนรับรองของอวิ่นซูหรัน เมื่อเห็นว่านางเริ่มจัดของเข้าที่แล้วจึงชักชวนเขาเดินมาดื่มชาที่หน้าเรือน
“ขอโทษด้วยที่ต้องเรียกเจ้ามาช่วยกะทันหัน”
“ท่านอ๋องทรงตรัสเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันหรือจะมีเรื่องยุ่งเกินกว่าจะช่วยงานพระองค์ได้”
“เอ่อ ที่นี่ข้าเป็น…”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ท่านคือท่านหมอเฉินเท่านั้น ท่านหมอเวินเล่าให้ข้าฟังแล้ว จริงสิแม่นางน้อยผู้นั้นคือเจ้าของร้านยาที่นำสมุนไพรมาช่วยหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วล่ะ เมื่อครู่นี้วุ่นวายไปหน่อยเลยไม่ทันแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกัน นางชื่อถานซินเยว่ เป็นบุตรสาวของคหบดีในเมือง ก่อนหน้าที่ข้าจะมาที่นี่ก็ได้นางช่วยพวกผู้ประสบภัยเอาไว้ ทั้งยาและของบรรเทาภัยหลายอย่าง”
“ดูเหมือนว่าท่านจะชื่นชมในตัวนางนะ”
“ข้าหรือ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ”
“ข้าไม่เคยเห็นท่านพูดถึงสตรีคนใด ด้วยสีหน้าที่เบิกบานเช่นนั้นมาก่อน หากไม่เคยรู้จักนิสัยของท่านก็คงคิดว่าศิษย์พี่เอ่ยถึงสตรีในใจเป็นแน่”
“เจ้าจัดของเรียบร้อยแล้วงั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะได้คุยรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อยากให้เจ้าช่วย”
“ท่านเปลี่ยนเรื่องเร็วเช่นนี้ เหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดน่าจะมีส่วนถูกสินะ”
เฟิ่งเซียวชะงักไปนิดหน่อยเมื่ออวิ่นซูหรันพูดขึ้นมาเช่นนี้ เขาหันไปยกน้ำชาขึ้นมาดื่มและทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องที่นางพึ่งจะพูดเมื่อครู่นี้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อย
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนเรื่อง แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะข้าเองก็พึ่งจะรู้จักกับถานซินเยว่ได้ไม่นาน อีกอย่างมิใช่ว่าพึ่งจะมาช่วยพวกเรา แต่นางช่วยทุกคนมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่การช่วยเหลือจากทางการเสิ่นโจวของข้าจะเข้ามาถึงที่นี่ด้วยซ้ำไป”
“เป็นเช่นนั้นเองหรอกหรือ ข้าก็แอบคิดว่าท่านจะชอบสตรีที่สดใสและซื่อตรงเช่นนางเสียอีก ดูท่าทางแล้วนางเองก็เหมือนจะชอบท่านอยู่ไม่น้อยเลยนะ”