ตอนที่ 6 คนบ้าอะไรเนี่ย!
“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”
“ไปกันเถอะ”
เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด
“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”
“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”
“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”
ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ
“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”
“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”
“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”
“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”
ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย
“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”
ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมองเฟิ่งเซียวที่พยายามมองหน้านางเพื่อดูอาการที่ผิดปกติ มิใช่เขาอยากรู้แต่เพราะท่านอ๋องคิดว่านางป่วยจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาเท่านั้น
“คุณหนูถานขนมของท่านได้แล้ว แต่ว่าท่านจะถือไปเช่นไรมันเยอะมากนะ”
“มาเถอะข้าถือให้นางเอง นี่เงินค่าขนมไม่ต้องทอน”
“ขอบคุณคุณชายขอรับ ยอดไปเลยคุณหนูถานผู้นี้คือว่าที่สามีของท่านหรือขอรับ”
“ท่านพูดอะไรน่ะ! เขา… ใช่ที่ไหนกัน ข้าขอตัวก่อน”
“อ้าว! คุณหนูถานโกรธเสียแล้ว”
“เอ่อ… เช่นนั้น อีกห้าชิ้นข้าถือไปได้เลยหรือไม่”
“ขอรับคุณชาย ขอบคุณนะขอรับ”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่เหตุใดนางต้องโกรธถึงเพียงนั้นด้วย ก็แค่เข้าใจผิดนิดหน่อยเองมิใช่หรือ”
“ปกติแล้วคุณหนูถานชอบช่วยเหลือคน นางมีน้ำใจกับทุกคนขอรับแต่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นนางจะเดินกับผู้ชายสองต่อสอง ท่านเป็นคนแรก”
“คนแรกแล้ว… อย่างไรหรือ”
“เอ่อ… ข้าน้อยพูดมากไปแล้ว ขอตัวก่อนนะขอรับ”
“อ้อ ข้าเองก็ต้องรีบไปเช่นกัน”
คนขายน้ำตาลปั้นเข็นรถไปแล้ว เฟิ่งเซียวยังยืนถือน้ำตาลปั้นอยู่ในมือและรีบเดินตามซินเยว่กลับไปทันที เมื่อเข้ามาในร้านก็พบว่าจิ่นหาวอยู่หลังร้านกับผู้ดูแลของซินเยว่ แต่ที่เขาแปลกใจก็คือซินเยว่ที่วิ่งเข้าไปด้านในและถูกรายล้อมด้วยเด็กเล็ก ๆ สามสี่คน นางกำลังแบ่งน้ำตาลปั้นให้เด็กและหันกลับมา
“ท่านหมอเฉิน รีบ ๆ เดินเข้าสิเด็ก ๆ รอขนมของท่านอยู่นะ”
“อ้อ เอ่อ…ได้สิ”
“ข้าน้อยเองขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าจัดการเองเจ้าไปจัดการเรื่องยาเถอะ”
จิ่นหาวเดินมาหมายจะเอาน้ำตาลปั้นในมือของเฟิ่งเซียวไปให้ซินเยว่ แต่เขากลับสั่งให้จิ่นหาวจัดการเรื่องยากับผู้ดูแล
“นี่”
“เอาล่ะเด็ก ๆ ทีนี้ก็ทยอยเดินไปรับขนมจากท่านหมอ ไม่ต้องตกใจหน้าเขานิ่งเหมือนก้อนหินแบบนั้นเองแต่ไม่ดุพวกเจ้าหรอก พี่สาวตรวจดูแล้วเขาเป็นคนปกติ ไปได้แล้ว ฉู่อี้ ชิงอันพาพวกเขาไปสิ”
เด็ก ๆ เมื่อเห็นคนแปลกหน้าคนใหม่ก็ไม่กล้าจะเดินมาหยิบขนม เฟิ่งเซียวหันไปมองซินเยว่ที่ยืนแจกขนมให้เด็ก ๆ โดยการดึงให้คนละอัน เขาจึงได้เริ่มทำตาม
“ไม่ต้องแย่งกันนะ เอานี่ของเจ้า เด็กน้อยเจ้าชื่อว่าอะไรหรือ”
“ข้าชื่ออาตงขอรับ”
“อาตง…. เอ่อ วันหลังพี่ชายจะซื้อขนมกับของเล่นมาให้พวกเจ้าอีก เจ้าชอบกินอะไร”
“อาตงอยากกินถังหูลู่ขอรับ แต่พี่เยว่ซินบอกว่ามันเปรี้ยว นางยังบอกว่ากลัวกินแล้วจะติดคอเลยยังไม่ได้ซื้อมาให้”
“เช่นนั้นวันหลังพี่ชายจะซื้อมาให้อาตง ดีไหม”
“ขอรับ พี่ชายชื่อว่าอะไร”
“พี่ชื่อว่า...เฟิ่งเซียว”
“พี่เฟิ่งเซียว ชื่อท่านเพราะมากเลย ขอบคุณขอรับ”
“งั้นหรือ…”
เด็กน้อยรับขนมและเดินกลับไป เขาสังเกตเห็นขาที่ผิดปกติของ “อาตง” เด็กในวัยน่าจะไม่เกินหกขวบ เมื่อเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ก็พบว่าทุกคนต่างก็คอยดูแลเขาเหมือนกับเป็นน้องคนเล็ก ซินเยว่เดินกลับมาหาเขาอีกครั้งเฟิ่งเซียวจึงได้เอ่ยถาม
“เด็กเหล่านี้คือ…”
“พวกเขาเป็นลูกของชาวบ้านที่ประสบภัย บางคนพ่อแม่ตายตอนที่ถูกน้ำท่วม บางคนมาป่วยตายที่ค่าย แต่ละคนล้วนต้องเอาตัวรอด เด็ก ๆ ที่ไม่มีบ้านไม่มีพ่อแม่เลยไร้ที่อยู่ไม่มีคนดูแล ข้ากับอาจารย์ก็เลยพามาที่นี่”
“แล้วพวกเขาได้เรียนหนังสือหรือไม่”
ซินเยว่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบให้กับเขา สีหน้าของนางเศร้าลงทุกครั้งเมื่อมองไปที่เด็ก ๆ
“ข้ามีกำลังพอแค่หาที่พักให้พวกเขา หาอาหารและที่นอนให้ ส่วนเรื่องการเรียนนั้น ข้ากับอาจารย์กำลังคิดหาทางอยู่”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ เช่นนี้”
“พวกเขาไม่มีพ่อแม่ ข้าเองก็ไม่มีแม่ แม้ว่าจะมีท่านพ่อ แต่ตั้งแต่ออกเดินเรือครั้งก่อนและเจอมรสุมก็ไม่ได้รับข่าวของท่านพ่ออีกเลย เด็กพวกนี้ไม่ต่างจากข้า ดังนั้นเมื่อเห็นพวกเขาก็อดที่จะช่วยไม่ได้ พวกเขาต้องสูญเสียทั้ง ๆ ที่ยังเล็ก”
ซินเยว่หันไปมองและยิ้มให้เด็กน้อยที่โบกมือมาให้นางพร้อมกับป๋องแป๋งอันใหม่ที่พึ่งจะได้รับมา เด็ก ๆ มีความสุขกับของเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวหันไปมองอาตงที่นั่งเล่นป๋องแป๋งจึงอดถามไม่ได้
“ขาของอาตงเป็นเช่นนั้นตั้งแต่เกิดหรือว่า...”
“อาตงถูกไม้ใหญ่ที่พัดมากับน้ำซัดจนขาของเขาผิดรูป ข้ากับอาจารย์ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้แต่แม่ของเขากลับถูกกระแสน้ำพัดหายไปต่อหน้า ถึงจะช่วยชีวิตได้ แต่ขาของเขากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
“ให้ข้าลองรักษาเขาดูดีหรือไม่”
“ท่านช่วยได้จริงหรือ แม้แต่อาจารย์ข้าที่เป็นหมอยาและฝังเข็มยังยากที่จะรักษา ท่านแน่ใจหรือ”
“เจ้าไม่เชื่อใจข้างั้นหรือ”
“มิใช่เช่นนั้นเพียงแต่ว่า... การรักษาที่ผ่านมาทำให้อาตงเจ็บปวดมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็มีความหวังว่าจะหายแต่ก็อย่างที่ท่านเห็น หากจะต้องเจ็บอีกครั้ง ข้าก็ไม่อยากให้เขาคาดหวังซ้ำยังต้องเจ็บตัวซ้ำไปซ้ำมาอีก”
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นจะลองอ่านตำราวิชาแพทย์เพิ่มเติม ดูว่าพอจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยเขาได้”
“หากท่านยอมช่วยก็ขอบคุณมากจริง ๆ อย่างน้อยเวลาที่เขาวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ….”
ซินเยว่มิอาจพูดออกมาได้จนจบ นางพยายามกลั้นเสียงมิให้สั่นและหันหน้าไปทางอื่น แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นเริ่มแดงและปริ่มไปด้วยน้ำใส ๆ เพียงแค่ได้เห็น หัวใจของเฟิ่งเซียวก็พลันอ่อนยวบลงมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ขอโทษท่านด้วย จริงสิท่านมาที่นี่ต้องการยามากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ข้าไปช่วยตาแก่นั่นดูดีกว่าเผื่อว่าขาดอะไรจะได้ช่วยท่านจัดหาได้ครบ”
“เอ่อ…”
ซินเยว่รีบเดินไปที่รถม้าซึ่งกำลังจัดเตรียมยาให้กับเฟิ่งเซียว ท่านอ๋องหันไปมองดูเด็ก ๆ และลุกขึ้นมา จินหาวเดินมาพร้อมกับรายการยาที่จัดเตรียมเกือบเสร็จแล้ว
“คุณชาย รายการยาเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปจ่ายเงินเถอะ”
“เอ่อ เรื่องนี้เถ้าแก่บอกว่า ให้ท่านคุยกับคุณหนูถานเอาเองขอรับ”
เฟิ่งเซียวหันมามองหน้าองครักษ์ข้างกายด้วยท่าทีแปลกใจ
“ทำไมเล่า ยามากมายขนาดนี้ หรือว่านางต้องใช้เวลาคิดเงินนานงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ส่งรายการเก็บเงินไปที่จวนของข้าก็ได้”
“ไม่ใช่ขอรับ ผู้ดูแลหวังบอกว่าหากเป็นยาที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัยที่จวนท่านหมอ นางจะไม่คิดเงินและยังสั่งให้เพิ่มปริมาณยาทุกอย่างเป็นสองเท่าด้วย คุณหนูถานเคยพูดกับผู้ดูแลหวังเอาไว้ ว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่นางพอจะช่วยผู้อื่นได้ขอรับ”