บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ท่านหมอเฉินหน้านิ่ง

เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น

“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”

“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”

“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”

เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง

“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”

เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”

“ขอรับคุณชาย”

“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”

“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”

“ขอรับ”

เฟิ่งเซียวเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจวนด้านหน้าโดยมีสวนกั้น เมื่อเข้าไปและหยิบรายงานขึ้นมาอ่านดูก็รู้ว่าเรื่องราวของถานซินเยว่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้

“นางเป็นบุตรคนรองซึ่งเกิดจากภรรยาเอก มีพี่ชายหนึ่งคนแต่มีพี่สาวอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกของอนุที่คหบดี แต่งเข้ามาหลังจากภรรยาคนแรกคลอดลูกคนโต ภรรยาเอกตาตอนคุณหนูถานอายุเพียงสิบปี”

“เพราะมีพี่สาวต่างมารดานางจึงกลายเป็นบุตรคนที่สาม แล้วพี่ชายของนางเล่าไปที่ใดแล้ว”

“ตายแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เพราะเหตุเรือสินค้าล่มหลังจากที่มารดาของนางสิ้นใจไปสามปี”

“สามปีสูญเสียคนในครอบครัวสองครั้ง ก็นับว่าหนักหนา เช่นนั้นความสัมพันธ์ของนางกับอนุของบิดาเล่า”

“เห็นว่าไม่ค่อยดีนักพ่ะย่ะค่ะ บิดานางพอจะรู้นิสัยของอนุหลี่ แต่เป็นเพราะนางคือบุตรพ่อค้าเหมือนกันจึงไม่สามารถทำอะไรได้ อีกอย่างการค้าบางอย่างยังต้องให้นางเป็นผู้ออกหน้า ส่วนคหบดีถานต้องไปคุมเรือสินค้าแทนบุตรชายที่ตายไป ดังนั้นจึงฝากให้คุณหนูรองศึกษาวิชายาสมุนไพรกับอาจารย์หวังที่ร้านขายยาของตระกูลถานพ่ะย่ะค่ะ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างเถอะเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับข้า ดูแลอย่าให้ยาขาดก็พอ ในเมื่อนางคือเจ้าของร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในลี่เหมิน เช่นนั้นเราคงต้องให้นางช่วยเรื่องนี้อีกมาก จนกว่าเหตุการณ์ที่นี่จะดีขึ้น”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“จริงสิจิ่นหาว คหบดีถานมีบุตรสาวสองคน แล้วอีกคนหนึ่งเล่า”

“อีกคนเห็นว่าช่วยมารดาดูแลร้านผ้าที่ตรอกเย่าหยี ในตัวอำเภอชื่อว่าร้านจินหงพ่ะย่ะค่ะ”

“ตรอกเย่าหยี แล้วร้านยาของถานซินเยว่เล่า”

“ร้านยาของคุณหนูรองอยู่อีกสองตรอกถัดไป”

“ไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอกหรือ”

“ไม่พ่ะย่ะค่ะทั้งสองกิจการดูเหมือนว่าจะแยกกันดูแล ร้านยาของคุณหนูรองอยู่ที่ตรอกอิ๋งเตียนพ่ะย่ะค่ะ”

“มีอะไรงั้นหรือ”

“เห็นว่าเป็นตรอกที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา อีกอย่างร้านนั้นก็แทบไม่มีคนพูดถึงเพราะเป็นร้านเก่าแก่ แต่มีหมอคนหนึ่งเก่งมากชื่อหวังเย่เหอ น่าจะเป็นอาจารย์ของคุณหนูสามพ่ะย่ะค่ะ”

“เหตุใดหมอที่เก่งถึงได้ไปหลบอยู่ในตรอกที่ไร้ผู้คนขนาดนั้น”

“นั่นเพราะหมอผู้นี้เลือกจะรักษาคนที่เดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่ลี่เหมินมีร้านยาอยู่สี่แห่ง ร้านใหญ่สองแห่ง อีกร้านเป็นของคนต่างเมืองซึ่งไม่เคยให้การช่วยเหลือทางการเลย อีกสองร้านใหญ่แม้จะส่งยามาช่วยแต่ก็น้อยกว่าเป่าจิ้นถานของนางมาก ดูแล้วเมืองลี่เหมินแห่งนี้คงจะหาคนที่มีน้ำใจจริง ๆ ยากเสียแล้วกระมัง”

“ท่านอ๋องคิดว่า…”

“เอาเถอะ ช่วงสองวันมานี้คนป่วยลดลงแล้ว พรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะไปเดินเที่ยวในตัวอำเภอลี่เหมินสักหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“จิ่นหาว แม้นว่าจะอยู่กันสองคนเจ้าก็รีบพูดคำสามัญให้ชินเถอะ อย่าได้หลุดเป็นอันขาด”

“พ่ะ… ขอรับคุณชาย”

วันถัดมา

เฟิ่งเซียวใช้ม้าในการเดินทางเข้ามาในตัวอำเภอลี่เหมิน เขาพบว่าที่นี่คึกคักต่างกับนอกอำเภอที่เขาอยู่มาก ดูเหมือนว่าในเมืองจะมิได้รู้สึกว่าด้านนอกเมืองนั้นยังมีผู้ที่ประสบภัยอยู่มากมาย เป้าหมายของเฟิ่งเซียวในวันนี้ร้านแรกที่เขามาอยู่ที่ตรอกเย่าหยี

“ร้านผ้าจินหง ช่างหรูหราสมกับเป็นร้านของพ่อค้าที่ร่ำรวย เข้าไปกันเถอะ”

เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้านก็พบกับพับผ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นผ้าที่ดูหรูหราราคาสูง อีกด้านเมื่อคนในร้านเห็นพวกเขาก็เดินมาต้อนรับทันที

“คุณชายท่านนี้ วันนี้มาดูผ้าแบบใดดีขอรับ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมงานปักชั้นยอดจากเจียงหนาน หรือผ้าแพรอย่างดีจากเล่าหยางล้วนมีให้เลือก เชิญด้านในเลยขอรับ”

“ที่นี่คือร้านผ้าสกุลถานใช่หรือไม่”

เพียงแค่เอ่ยถาม เถ้าแก่เนี้ยซึ่งเป็นสตรีสูงวัยที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รีบหันมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเฟิ่งเซียวจึงได้รีบปลีกตัวมาต้อนรับด้วยตนเอง

“คุณชายทั้งสอง ข้าน้อยเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือเจ้าคะ”

“เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยงั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีเลย ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อย มีที่ให้นั่งคุยหรือไม่”

“มีเจ้าค่ะเชิญทางนี้ ปาเล่อยกน้ำชา เชิญเจ้าค่ะคุณชาย ไม่ว่าท่านอยากจะได้ผ้าประเภทใด ทางร้านของเราก็มีให้เลือกทุกอย่างเชิญนั่ง”

เฟิ่งเซียวเดินเข้ามาด้านในและนั่งตามคำเชิญของ “หลี่ฮั่วเจิน” ซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่

“ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจอยากจะซื้อผ้าไปตัดชุดใหม่ หรือซื้อไปให้มารดาเจ้าคะ”

“เหตุใดจึงถามข้าเช่นนั้น ข้าดูไม่เหมือนคนที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ”

“แหมคุณชายช่างพูดเล่นแล้ว ข้าน้อยมิกล้าเสียมารยาท เพียงใคร่อยากจะถามว่าท่านเป็นขุนนางใหม่ของลี่เหมินที่พึ่งย้ายมา หรือว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใดหรือเจ้าคะ ข้าไม่คุ้นเคยเหมือนว่าท่านดูจะมิใช่คนที่นี่”

“เสียมารยาท”

“จิ่นหาว ไม่เป็นไรเถ้าแก่เนี้ยก็แค่ถามตามประสาคนค้าขาย ย่อมไม่น่าแปลกขอโทษแทนเขาด้วย ข้าเป็นหมอที่ถูกส่งมาจากเมืองเสิ่นโจว มาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาซื้อผ้าที่สามารถใช้พันแผลได้”

“ที่แท้ก็เป็นท่านหมอนี่เอง มิน่าเล่าเช่นนั้นข้าจะให้เด็ก ๆ เอาผ้ามาให้ท่านเลือก ข้าจะคิดราคาพิเศษให้นะเจ้าคะ”

“เช่นนั้นก็ดี ข้าได้ข่าวว่าหลายร้านในลี่เหมินล้วนให้ความช่วยเหลือทางการเป็นอย่างดี เห็นว่าร้านยาที่ชื่อว่า…เป่าจิ้นถาน มอบยาให้ผู้ประสบภัยมากเลยทีเดียว”

สีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยถึงร้านยาของซินเยว่ นางทำท่ารังเกียจโดยการย่นจมูกเล็กน้อย น้ำเสียงที่ใช้กับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป

“คุณชายหากท่านหวังว่าข้าจะใจดี หรือจะมาขอผ้าไปใช้แล้วล่ะก็ ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจทำตามประสงค์ของท่านได้ อีกอย่างข้าทำการค้า ผ้าของร้านจินหงมีคุณภาพดีเกินกว่าที่จะ…”

“เอาล่ะ ๆ ข้าเข้าใจที่เถ้าแก่เนี้ยพูดแล้ว แต่ข้าก็ยังมิได้บอกสักคำว่าจะไม่ซื้อผ้าของท่านนี่ จริงหรือไม่"

“ขออภัยคุณชาย ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด ท่านเอ่ยเกริ่นมาว่าร้านอื่น ๆ ในลี่เหมินยินดีจะช่วยผู้ประสบภัย นั่นก็เหมือนเป็นการบีบบังคับเราให้ขายให้ท่านในราคาถูก หรือไม่ก็ให้เราบริจาคมิใช่หรือ”

“เข้าใจผิดแล้วเถ้าแก่เนี้ย”

จิ่นหาวกล่าวขึ้นมา หลี่ฮั่วเจินถึงได้หันมามองเขาแทน

“หมายความว่าอย่างไร”

จิ่นหาวดึงถึงเงินถุงใหญ่ออกมา หลี่ฮั่วเจินถึงกับตาโตเมื่อเห็นถุงเงินที่หนักอึ้งอยู่ตรงหน้า

“เดิมทีคุณชายข้าจะมาเหมาผ้าในร้านของท่าน เพราะคนของทางการแนะนำมาว่าท่านเป็นร้านที่ใหญ่และมีผ้าคุณภาพดี แต่ท่านกลับดูถูกคุณชายของข้าเช่นนี้”

“อะ…อะไรนะ”

เฟิ่งเซียวพับพัดของเขาเสียงดังจนเถ้าแก่เนี้ยตกใจสะดุ้งตัวโยน เขาลุกขึ้นพร้อมกับพูดเสียงเย็น ๆ กับอีกฝ่าย

“ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยไม่ยินดีที่จะขายผ้าให้กับทางการของเสิ่นโจวก็ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าผ้าร้านไหนก็คงจะใช้ได้เหมือนกัน เช่นนั้นเงินนี้ก็เอาไปซื้อร้านที่เต็มใจขายให้พวกเราเถอะ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel