ตอนที่ 2 หมอหลวงจากเสิ่นโจว
“กำไลหยกขาวงั้นหรือ”
ไม่นานทหารองครักษ์ที่สวมเกราะสีเงิน ก็รีบวิ่งนำสิ่งที่ถานซินเยว่ตามหามาให้
“ท่าน…เอ่อ นี่พ่ะ…ขอรับ”
บุรุษหนุ่มหันมามองกำไลหยกขาวในมือที่แตกเป็นสองชิ้น ซินเยว่ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ หมอหลวงจางรีบวิ่งเข้ามาในทันทีเมื่อรู้ว่าซินเยว่ได้รับบาดเจ็บเพราะม้านางตกใจ
“ซินเยว่! เจ้าเป็นอะไร…เอ่อ ถวาย…”
“แม่นางข้าต้องขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจจนได้รับบาดเจ็บ ขาเจ้าคงแพลงและลุกไม่ได้ ขออภัยด้วย หมอจาง! รีบไปเตรียมตัวข้าจะรักษานาง”
“ท่าน!”
ไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามนามของเขา บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็รวบตัวนางขึ้นมาอุ้มท่ามกลางความตื่นตกใจของคณะหมอหลวงและทหารที่ติดตามมานับสามสิบคน ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรทั้งสิ้นจนเขาพานางเข้ามาในห้องรักษา
“โอ๊ย!”
“เจ็บหรือ”
เขาเอ่ยถามเมื่อพานางมาวางที่เตียง ไม่คิดว่าตัวของสตรีจะเบาเช่นนี้ เพราะดูจากอายุของนางน่าจะอ่อนกว่าเขาไม่เกินห้าปี แต่สีหน้าที่ยังนิ่งระคนตกใจและเศร้านี้ทำให้เขานึกสนใจ
“คือว่ากำไลหยกนี่…”
“ท่านหาเจอแล้วหรือ ข้า…. มัน… แตกแล้วหรือ”
“ขอโทษด้วย ข้าเข้าใจว่ามันคล้องกับสายบังเหียนม้าก็เลยตัดสินใจทำให้มันหลุดออกมา ไม่คิดว่ามันจะสำคัญ”
“ช่างเถอะ แต่ข้าขอคืนได้หรือไม่ ท่านคือ…”
“คุณหนูถาน ผู้นี้ก็คือ…”
“ข้าชื่อ “เฉินเฟิ่งเซียว” เป็นหมอหลวงที่เมืองหลวงเสิ่นโจวส่งมาเพื่อช่วยรักษาคนที่นี่”
“ท่านอ๋อง” หันไปปรามหมอเวินและใช้สายพระเนตรบอกเป็นนัยว่าให้แจ้งทุกคนเช่นนั้น หมอเวินคำนับและรีบเดินออกไปในทันที หมอจางที่รออยู่หน้าห้องเองก็ต้องเดินตามไปเช่นกัน
“หมอหรือ ที่แท้พวกท่านก็มาจาก...โอ๊ย! ท่านทำอะไรน่ะ”
เฉินเฟิ่งเซียวจับขานางบิดให้ถูกท่าตามหลักการแพทย์ แต่ไม่ได้บอกนางก่อนเพราะเกรงว่าซินเยว่จะเกร็ง เมื่อจัดกระดูกเสร็จแล้วเขาจึงเริ่มถอดถุงเท้าของนางออกจนซินเยว่ร้องออกมา
“เดี๋ยวก่อน! ท่านจะทำอะไร”
“ข้าก็จะทำแผลให้เจ้า กระดูกพึ่งจะเข้าที่ข้าจำเป็นต้องพันแผลให้เจ้าก่อน กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนอีก”
“ขะ ข้าคิดว่าไม่ต้องก็ได้”
“ไม่ได้ หากปล่อยเอาไว้เจ้าอาจจะกระดูกผิดรูปไปเป็นการถาวร เชื่อข้าสิข้าเป็นหมอนะ”
“ท่านจะเก่งกว่าหมอเวินที่เป็นแพทย์หลวงของท่านอ๋องแห่งเสิ่นโจวได้เช่นไรกัน ให้เขามารักษาข้าก็ได้”
“เจ้าไม่มั่นใจงั้นหรือว่าข้าจะรักษาเจ้าได้”
“ก็ท่านทำให้ข้าเจ็บ โอ๊ะ! อย่านะ ท่านจะทำอะไรก็ช่วยบอกข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าเจ็บมาสองสามรอบแล้วท่านอย่าเล่นทีเผลอสิ”
“ข้าไม่ได้เล่น ข้ากำลังรักษาข้อเท้าให้เจ้า”
“ข้าหมายถึง… ช่างเถอะแล้วจะทำอะไรต่อ”
“ใส่ยาและพันแผล บอกเท่านี้ได้ใช่หรือไม่”
“ไม่ต้องเปิดมากใช่หรือไม่”
เฟิ่งเซียวหันไปมองใบหน้าที่แดงจัดของดรุณีน้อยตรงหน้า เขาคิดว่านางดูไร้เดียงสาและน่าสนใจยิ่งนัก แม้จะยังไม่ทราบว่านางคือผู้ใดมาจากไหนก็เถอะ แต่ดวงตากลมดุจลูกกวางน้อยที่แม้จะสดใสแต่กลับมองแล้วเศร้ายิ่งนักคู่นั้น สะกดให้เขาอยากรู้เรื่องของนางขึ้นมา
“เจ้าคือใคร เหตุใดจึงได้มาที่นี่”
“ข้าชื่อถานซิวเยว่ เป็นบุตรสาวของพ่อค้าในเมือง โอ๊ย! เจ็บนะ! ท่านทำเบา ๆ หน่อยสิ ข้าว่าให้ท่านหมอเวินมาทำจะดีกว่า หรือไม่ก็หมอจางก็ได้ ข้าสนิทกับเขานะเขาเป็นคนมือเบา…”
เฉินเฟิ่งเซียวปล่อยให้นางพูดไปเรื่อย ๆ เพราะเขาเริ่มทำแผลแล้ว จะดีมากหากว่านางลืมความเจ็บปวดนี้ได้ แต่เมื่อเขาค่อย ๆ ดึงขากางเกงนางออกกลับรู้สึกแปลกใจที่เห็นรอยฟกช้ำที่ขาของนาง และเมื่อดึงขึ้นก็ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายรอย แต่ว่าซินเยว่รู้ตัวเสียก่อน
“ท่านทำอะไรน่ะท่านหมอ! ข้าคิดว่าท่านพันแผลให้ข้าก็พอแล้ว”
“แต่เหมือนว่าขาของเจ้า”
“ไม่มีอะไรหรอก ตอนที่โดนม้าลากเมื่อครู่คงบาดเจ็บน่ะ เอาไว้กลับไปข้าทำแผลเอง”
“เช่นนั้นข้าจะจ่ายยาให้เจ้า”
“ไม่ต้อง! บ้านข้าเป็นร้านขายยา ข้าจัดการเองได้ รีบ ๆ พันแผลเถอะข้าไม่อยากกลับร้านเย็นนักเดี๋ยวจะโดนดุ”
“เช่นนั้นรอสักครู่นะ”
เฟิ่งเซียวเก็บความสงสัยนี้เอาไว้และมิได้เอ่ยสิ่งใดอีกจนพันแผลให้นางจนเสร็จ เขาสังเกตว่าซินเยว่เริ่มระแวงและไม่ปล่อยให้เขาจับต้องร่างกายนางมากแล้ว หลังจากที่เขาบาดแผลของนาง
“ช่วงสองสามวันนี้ เวลาเดินเจ้าก็ต้องระวังให้มากเล่า”
“รู้แล้ว ๆ ข้าก็พอจะรู้ว่าต้องดูแลตัวเองยังไง มิใช่ว่าพึ่งจะเจ็บ…เอ่อ ช่างเถอะข้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านขายยา ขอบคุณที่ช่วยทำแผลให้…!!”
“ระวัง!”
ซินเยว่ไม่ทันได้คิดว่าตอนนี้นางขาพลิกและยังไม่สามารถลุกพรวดพราดได้เหมือนแต่ก่อน พอลุกแล้วก็มิอาจทรงตัวได้ ร่างบางจึงเซไปหาบุรุษหนุ่มตรงหน้า เขารับนางเอาไว้ได้แต่ตัวนางก็โถมเข้ามาจนริมฝีปากของทั้งคู่ชนกันอย่างไม่ตั้งใจ ซินเยว่รีบดันตัวออกมาทันทีเมื่อดึงสติได้ นางไม่เคยทำเช่นนี้กับใครและนี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ใกล้บุรุษจน…
“ขออภัยด้วยข้า...ข้า... ไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
เฉินเฟิ่งเซียวมิได้กล่าวสิ่งใด เขาแค่ยืนนิ่ง ๆ และมองดูนางเท่านั้นเฉินเฟิ่งเซียวมิได้กล่าวสิ่งใด เขาแค่ยืนนิ่ง ๆ และมองดูนางเท่านั้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงตกใจขนาดนั้น "ก็แค่ปากชนกันเองมิใช่หรือ" นั่นคือความคิดของเขาในตอนนี้
“ขาของเจ้ายังเดินไม่ค่อยถนัด ระวังหน่อยนะ”
“ทะ ท่าน…นี่ท่าน…”
“ข้าทำไมหรือ”
ซินเยว่แทบจะไม่กล้าหันไปมองใบหน้าคมคายนั่น นางพึ่งจะมารู้ตัวและสังเกตเขาในตอนนี้เองว่าบุรุษหนุ่มในชุดขาวตรงหน้ารูปร่างสูงโปร่งแข็งแรง ตัวของเขาล่ำกว่าที่เห็นภายนอกมาก อีกอย่างใบหน้าดุจหยกประดับและกลับนิ่งราวก้อนหินนี้ทำให้นางหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“ข้า…”
“ข้าว่าควรหาไม้ที่พยุงเจ้าให้ดีกว่า เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนข้าจะให้ท่านหมอเวินหาไม้พยุงให้เจ้า”
เฟิ่งเซียวเดินออกไปแล้วนางจึงนั่งลงที่เตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกได้จนต้องใช้มือทาบอกเอาไว้
“ให้ตายเถอะ ใจเย็น ๆ หน่อยซินเยว่ อีกฝ่ายนิ่งราวกับท่อนไม้ไร้ความรู้สึก เจ้าจะคิดอะไรมากมาย ก็แค่อุบัติเหตุเท่านั้น”
เฟิ่งเซียวเดินออกมา และเรียกท่านหมอเวินเข้าไปทันที
“ท่านหมอเวิน”
“ถวาย…”
“อย่า! ข้าบอกท่านแล้วว่าอยู่ที่นี่ ให้เรียกว่าหมอเฉิน”
“แต่ว่าท่านอ๋อง เช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามาเป็นการส่วนตัว ท่านก็บอกให้คนอื่น ๆ ทำตามก็พอ ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านแตกตื่นและทำตัวไม่ถูก”
“เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่... คุณชายต้องการสิ่งใดหรือขอรับ”
“ข้าอยากได้ไม่พยุงสำหรับเดินให้แม่นาง…เอ่อ...”
“คุณหนูถานหรือขอรับ เช่นนั้นข้าจะรีบให้หมอจางเอาไปให้นางเดี๋ยวนี้เลย”
“หมอจางหรือ จางหลงจื่อสินะเช่นนั้นก็ฝากท่านด้วย เสร็จแล้วท่านก็มาคุยกับข้าสักหน่อย”
“ได้ขอรับ”
เฟิ่งเซียวเดินไปสั่งยา เขาพึ่งจะสังเกตเห็นสมุนไพรที่อยู่ในห้องเก็บยาซึ่งมีจำนวนมากและพอต่อการใช้งาน
“ท่านหมอเวินเหตุใดจึงมีสมุนไพรมากถึงเพียงนี้ ไหนบอกว่าที่นี่ขาดแคลนยามิใช่หรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เห็นว่าเป็นร้านขายยาเป่าจิ้นถานของแม่นางน้อยเมื่อครู่นี้นำมาให้ท่านหมอเวินพ่ะย่ะค่ะ เพราะมีนางคอยส่งทั้งสมุนไพรที่จำเป็น เครื่องนุ่งห่มและอาหารมาให้ ที่นี่ก็เลยไม่ขาดยา ขาดก็แต่หมอที่ช่วยรักษาชาวบ้านที่พึ่งประสบภัยมาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ถาน… สกุลถานงั้นหรือ”
จวนรับรอง
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ สกุลถานเป็นตระกูลพ่อค้าอันดับหนึ่งของอำเภอลี่เหมินซึ่งทำการค้าขายทางเรือ แต่เพราะเกิดประสบภัยเสียก่อนบิดาของคุณหนูถานจึงติดอยู่ที่เมืองเสวี่ยหง คงอีกหลายเดือนกว่าจะเดินเรือกลับเข้าฝั่งได้”
“ถานซินเยว่ บุตรีคนที่สามของคหบดี “ถานต่งซุน” ช่างเป็นดรุณีน้อยที่น่าสนใจยิ่งนัก”