บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 เป็นห่วงข้าเสมอ

หมี่ซู่จินทอดสายตาหยางจิ้นที่เดินเข้าไปยังกระโจมหลังขนาดใหญ่ ซึ่งกระโจมหลังนั้นพึ่งทำแล้วเสร็จเมื่อวันวาน

นางจึงเข้าไปในกระโจมของอิ๋งเป่ย ทอดสายตามองกระโจมที่เรียบง่ายตามวิสัยของเขาที่ชอบสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อในยามศึกสงครามและกลียุคเช่นนี้

“ดื่มน้ำชาก่อน” อิ๋งเป่ยบอกนาง นางนั่งลงบนตั่งยกสูง และรับถ้วยน้ำชาร้อนกรุ่นของเขาจากมือ และดื่มทันที เขานั่งลงบนฟูกนั่งพร้อมกับเฟยหรง

“ท่านแม่ทัพอิ๋งเป่ย ตั้งแต่ที่ข้าเข้าวัง ข้าก็ไม่ได้พบเจอท่านอีกเลย ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนสกุลหมี่ เพลาที่ข้ามีปัญหาข้าจะมาหาท่านเป็นคนแรก ท่านเองก็ช่วยข้าแก้ปัญหาให้ข้าทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม” นางเอ่ยบอกแล้ววางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กที่อยู่บนตั่ง

“เมื่อหลายวันก่อนหยางเล่อกงจู่ ส่งพระราชสาส์นมาถึงกระหม่อมว่าต้าหวางประชวรหนัก ฟูเหรินมีภัย กระหม่อมรู้สึกแปลกใจ จึงส่งเฟยหรงไปดูวังหลวง” อิ๋งเป่ยเอ่ยบอก

“เว่ยจวงมีตำแหน่งเป็นไท่โฮ่วแล้ว นางคิดจะกำจัดข้าให้พ้นหูพ้นตา แต่นางไม่รู้ว่าข้าถือพระราชโองการฉบับสุดท้ายของต้าหวางองค์ก่อนอยู่” ซู่จินเอ่ยบอกเช่นนี้ ทำให้พวกเขาหันมามองใบหน้ากันทันที

“พระราชโองการฉบับสุดท้ายหรือ” อิ๋งเป่ยเอ่ยขึ้นมา ซู่จินใช้มือเรียวล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ พวกเขาเห็นว่าในมือของนางมีกล่องใบเล็ก นางจึงเปิดกล่องออก ทำให้พวกเขาเห็นกระดาษที่พับเอาไว้ประมาณสามถึงสี่ทบ นางส่งกระดาษให้อิ๋งเป่ย อิ๋งเป่ยเปิดจดหมายดูทันที

“ลูกข้าหยางจิ้น ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์ เมตตา เปี่ยมด้วยคุณธรรม จึงยกบัลลังก์แก่หยางจิ้นหวางเย่” อิ๋งเป่ยเอ่ยพูดตามเนื้อความในกระดาษ อีกทั้งยังมีตราประทับของหยางไป๋ ทำให้เขาล่วงรู้ว่ากระดาษแผ่นนี้เป็นพระราชโองการของอดีตต้าหวาง

“เหตุใดฟูเหรินไม่เอาพระราชโองการแย้งกับเว่ยไท่โฮ่ว” เฟยหรงเอ่ยถามด้วยความสงสัย อิ๋งเป่ยส่งพระราชโองการให้กับนาง นางรับไว้ใส่กล่องไม้เช่นเดิม

“ขุนนางในราชสำนักคือคนของนาง ก่อนที่ต้าหวางจะสวรรคต นางก็เข้าหาขุนนางให้เป็นพวกของนาง ถึงข้าจะเอาพระราชโองการนี้ไปบอกต่อหน้าขุนนาง คิดหรือว่าพวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ซ้ำร้ายพวกเขาจะหาว่าข้าแอบอ้างเบื้องสูง พวกท่านก็รู้ว่าเว่ยจวงเกลียดข้าแค่ไหน ใต้เท้าเฟยท่านก็เห็นอยู่ว่าข้าโดนลอบโจมตี” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฟูเหรินถูกลอบทำร้ายด้วยหรือ” อิ๋งเป่ยหันไปเอ่ยถามเฟยหรงที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“ใช่ เป็นคำสั่งของเว่ยไท่โฮ่ว” เฟยหรงเอ่ยบอก

“ทหารวังหลวงมีประมาณแสนสองหมื่นนาย ส่วนทหารที่อยู่กับข้าประมาณห้าหมื่นยังไม่รวมกองกำลังที่เข้าสวามิภักดิ์อีกสามหมื่น” อิ๋งเป่ยเอ่ยบอกและคำนวณทหารออกมา

“เช่นนี้ เราก็สามารถบุกเมืองเสียงหู่ได้แล้วสิ” เฟยหรงเอ่ยบอก

“ไม่ได้พวกเขาคือคนของเรา เป็นคนของแคว้นเซี่ย จะมาห้ามหั่นแบบนี้ไม่เห็นสม ข้าจะกลับไปเมืองหลวงอีกครั้งเพื่อขอแรงสนับสนุนจากหานตงต้าซื่อคง” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง นางล่วงรู้ว่าหานตงจงรักภักดีกับอดีตต้าหวางเป็นอันมาก และเขายังเป็นสหายกับอดีตต้าหวางอีกด้วย ทำให้นางรู้จักหานตงพอสมควร (ต้าซื่อคง แปลว่า อำมาตย์)

“ถ้าพระนางเสด็จไปตอนนี้ หวางโฮ่วคงไม่ปล่อยพระนางไว้แน่นอน” เฟยหรงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เช่นนั้นข้าจะส่งหวางเปินไปเชิญตัวต้าซื่อคงมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องนี้” อิ๋งเป่ยเอ่ยบอกเช่นนี้

“...”

หลังจากหมี่ซู่จินออกไปจากกระโจมของอิ๋งเป่ยสักพักหนึ่งแล้ว เขาก็หารือเรื่องส่งหวางเปินไปเจรจากับหานตงที่เมืองหลวง อิ๋งเป่ยเขียนเรียนเชิญหวางเปิ่นมาค่ายทหาร พร้อมลงตราประทับแม่ทัพใหญ่ ตำแหน่งต้าเจียนจวิน อิ๋งเป่ยม้วนกระดาษใส่กระบอกไม้ไผ่ เมื่อหวางเปินรับได้รับสาน์สเขาก็เดินทางออกจากค่ายเป็นการเร่งด่วน เขาคิดว่าไม่เกินห้าวันก็คงถึงมือหานตง

อิ๋งเป่ยก้าวเดินออกมานอกกระโจมมองดวงดาวบนฟากฟ้าในยามค่ำคืนมากมายนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นเขากลับได้ยินเสียงคนเป่าผายเซียว ดังมาจากกำแพงค่ายทหารเป็นเพลงที่ดูเศร้าหัวใจยิ่งนัก อีกทั้งเพลงนี้เขาเคยเล่นให้หมี่ซู่จินฟังอยู่สามครั้ง ครั้งแรกคือครั้งที่เขาหัดเล่นใหม่ๆ กับเตี่ย ครั้งที่สองคือเล่นให้นางฟังในเทศกาลซีซี และครั้งสุดท้ายเขาเล่นให้นางฟังก่อนเข้าวังหลวง

เขามองเห็นว่าหมี่ซู่จินเล่นผายเซียวบนกำแพงค่ายทหารฝั่งทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศทางที่ตั้งของแคว้นเซี่ย เขาต้องการให้นางและลูกของนางไปครองอำนาจตามที่อดีตต้าหวางสั่งเสียเอาไว้ เขายังล่วงรู้มาตลอดอีกว่าหยางหลี่เป็นคนไม่เอาไหน มัวเมากับสุรานารีตั้งแต่เป็นไท่จื่อ ซึ่งทำให้ขุนนางส่วนหนึ่งไม่ชอบเขาเป็นอันมาก แต่ดีที่ว่าเว่ยจวงคอยเก็บกวาดให้หยางหลี่ แต่ยังไม่วายที่หยางหลี่ไปฉุดฟูเหรินของขุนนางผู้หนึ่งมาเป็นผิงเฟย

อิ๋งเป่ยก้าวเดินขึ้นมาบนกำแพงค่าย ทหารต่างก้มหัวคารวะเขาอย่างนอบน้อม อิ๋งเป่ยเดินท่าทางสง่างามไปหาซู่จินที่กำลังเป่าผายเซียวอยู่ นางรู้ว่าเขาเดินมาหานาง และนำเสื้อคลุมหนังหมีสีดำวางบนไหล่ของนางทั้งสองข้าง นางจึงลดผายเซียวลงมองมายังเขา เขาจึงถวายบังคมนาง

“ไม่ต้องมากพิธี” นางเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วจัดเสื้อคลุมให้กระชับยิ่งขึ้น

“อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ทำไมไม่เสด็จเข้าไปในกระโจม” อิ๋งเป่ยเอ่ยถามนาง

“อาเป่ย เจ้าก็ยังเป็นห่วงข้าเสมอ” นางเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเองก็ทำให้ข้าเป็นห่วงอยู่เรื่อย” เขาเอ่ยบอกนางด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าข้าไม่เข้าวังในวันนั้น ชีวิตของข้าคงไม่ต้องระหกระเหินเช่นนี้”

“ข้าจะพาเจ้าและหวางเย่กลับแคว้นเซี่ยอย่างสมพระเกียรติ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าขอเจ้าเพียงอย่างเดียว อย่าก่อสงครามภายในให้เดือดร้อนเหล่าทหาร ข้าไม่ยากเห็นพวกเขาต้องหลั่งเลือด ถึงอย่างไรพวกเขาก็คือคนของแคว้นเซี่ย” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าสัญญาจะไม่ทำให้เหล่าทหารเดือดร้อน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าง่วงแล้ว เจ้าไปนอนเถิด” นางเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วก้าวเดินไปจากตรงนี้ เขามองนางที่เดินลงจากกำแพงค่ายลงไปเบื้องล่างมองนางด้วยสายตาสับสนว้าวุ่นในใจยิ่งนัก

สิบปีมาแล้ว ซู่จินเจ้ารู้ตัวไหมว่า ข้ายังคงรักมั่นคงต่อเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง

........................................

ขออนุญาตเขียนเรื่องราวให้สมูทก่อนน๊า เรื่องนี้ NC 3P จัดเต็มแน่นอนจ้า

อย่าลืม! กดหัวใจ และ เขียนคอมเม้นท์มาพูดคุยกันบ้างน๊า ไรท์จะได้ไม่เหงา

ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกท่าน และพยายามตอบกลับทุกคอมเม้นท์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel