ป่าเถื่อน
แคว้กกก
"อร้ายยย...ปล่อยฉันนะ...ปล่อยยยยย..อื้มมม.."
ชายหนุ่มนั่งคร่อมตัวหญิงสาวทั้งใช้ฉีกเสื้อตัวเก่าของเธอมาพันปิดปากของหญิงสาวเอาไว้คนที่คิดจะทำร้ายเขามันต้องเจอบทลงโทษที่สาสม
"อืม...อื้ออออ..ฮือๆๆๆ.."
เมืองรามมัดปิดปากหญิงสาวจนสำเร็จมือหนาถลกผ้าพันตัวของเธอออกจนเผยให้เห็นผิวขาวนวลผ่องเรือนร่างเล็กแต่มีทรวดทรงองเอวที่ซ่อนรูปอยู่พอสมควร
"อืมม..."
ชายหนุ่มไม่รอช้าไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์โกรธของเขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์สวาทคนใต้ร่างตอนไหนแต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็อดใจที่จะไม่ซุกไปที่อกอวบอิ่มตั้งชูชันตรงหน้าไม่ได้
"อื้อ..ฮืออออ..อื้ออออออ"
หญิงสาวพยายามดิ้นหนีมือไม้ปัดป่ายจิกข่วนจนหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มแดงเถือกไปด้วยรอยข่วนเธอเกลียดการกระทำของเขาเป็นที่สุดและรู้สึกขยะแขยงไปทั้งตัวจนน้ำตาเอ่อล้นแทบจะเปียกชุ่มไปทั้งใบหน้า
"อื้มมม..อา.."
เมืองรามเหมือนคนไม่ได้สติเมื่อได้สูดดมเนื้อหอมนุ่มของกายสาวคราแรกเขากะจะสั่งสอนเธอเล่นๆแต่ตอนนี้รู้สึกว่าอารมณ์สวาทที่พลุ่งพล่านทวีคุณในตัวมันทำให้เขาหยุดการกระทำนี้ไม่ได้เสียแล้ว
"อื้ออ...ฮือๆๆๆ"
นรีนาถกรีดร้องอยู่ได้แต่ในลำคอเธอส่ายหัวพัลวันในขณะที่เมืองรามกำลังจะแทรกตัวเข้ามาที่ระหว่างกลางเรียวขาเล็กของเธอ
"ไอ้ราม..."
"ฮึก..ฮือๆๆๆๆ...."
การกระทำของเมืองรามหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของพันแสงนั้นเรียกหญิงสาวเองก็เบาใจไปเปราะหนึ่งเหมือนกันที่เหมือนสวรรค์ทรงโปรดให้คนมาเรียกคนที่กระทำป่าเถื่อนกับเธอให้หยุดลงในตอนนี้
"อะไรวะ"
เมืองรามรีบพันผ้าขาวม้าให้เรียบร้อยก่อนเดินออกไปด้านนอกทั้งถามเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่เข้ามาขัดจังหวะ
"กูเอาข้าวกับเสื้อผ้ามาให้..."
พันแสงวางปิ่นโตกับถุงเสื้อผ้าตรงหน้าเมืองรามทั้งไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดอะไรนักหนา
"มาทำไมตอนนี้วะ"
เมืองรามสบถเบาๆพร้อมถอนหายใจ
"อ้าว..แล้วมึงจะกินมั้ยข้าวน่ะ..ทำไมตัวมีแต่รอยวะ"
พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสังเกตุรอยแดงที่ตัวของเพื่อนเขาอย่างครุ่นคิด
"เรื่องของกู"
เมืองรามตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"อย่าบอกนะว่ามึง..สอยนางฟ้าไปแล้ว"
พันแสงพอจะเดาออกแล้วว่ารอยแบบนี้มันเกิดจากอะไรเพราะเขาเองก็คนเคยมีเมียมาก่อนรู้ดีว่ารอยข่วนที่หลังจากเล็บผู้หญิงมันเป็นรอยแบบไหน
"ก็เรื่องของกูอีกนั่นแหละ"
เมืองรามถลึงตาใส่พันแสงหากเพื่อนรักของเขาคนนี้ไม่มาขัดจังหวะเขาคงได้ปลดปล่อยอารมณ์กับเครื่องระบายอารมณ์ที่อยู่ด้านในไปแล้ว
"เออ..งั้นกูไปแล้ว..อ่อ..อีกเรื่องสายที่มึงจ้างไปส่งจดหมายมาบอกว่าชู้เมียมึงกับเมียมึงยังไม่มีกำหนดกลับ"
ตอนนี้พันแสงพอจะรู้ตัวแล้วว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงอารมณ์เสียใส่เขาแบบนี้เขาคงมาผิดเวลาจริงๆทั้งรีบบอกเรื่องสายที่ส่งข่าวมาแล้วให้กับเมืองรามได้รู้
"ท่าจะเริงรื่นกันหนำใจเลยล่ะสิ"
เมืองรามเหลือบตาอย่างหมั่นไส้ในใจ
"มึงหึงมากหรอวะ"
พันแสงแกล้งถามเมืองรามอย่างอยากรู้
"กูแค้นโว้ยย..."
เมืองรามไม่ขอใช้คำว่าหึงเพราะนั่นมันใช้กับคนที่เขายังรักอยู่แต่นี่เขาเกลียดจึงแค้นใจเสียมากกว่า
"ฮือๆๆๆๆ.. อึก.. ฮืออออ"
หลังจากที่พันแสงกลับไปแล้วเมืองรามก็หยิบปิ่นโตและถุงเสื้อผ้าเข้ามาด้านในเช่นเดิมทั้งมองหน้าคนที่เนื้อตัวสั่นเทานั่งหลบมุมมองเขาอย่างหวาดระแวงด้วยใบหน้าที่มีแต่น้ำตาด้วยสายตาเยือกเย็นอย่างที่คนกลัวเดาอารมณ์ไม่ถูก
"ร้องให้ตายไปเลย.. เอ้าเสื้อผ้าใส่ซะ"
ชายหนุ่มอดที่จะกัดหญิงสาวไม่ได้เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึงหน้าชู้รักของเมียเก่าและล้วงเสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่นปาไปที่หน้าของหญิงสาวและเดินออกไปสงบสติด้านนอกครู่หนึ่งเพราะรู้ว่าหากเขาอยู่ด้านในแม่คุณหนูเมืองกรุงก็คงจะอิดออดเอียงอายใส่เสื้อผ้าไม่ได้กันพอดี
"...อึก..ฮือออ...."
เมื่อเห็นชายหนุ่มออกไปแล้วนรีนาถจึงรีบหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ทั้งน้ำตาอย่างเร่งรีบกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้ามาเสียก่อนที่เธอจะใส่เสร็จ
"...."
เมืองรามให้เวลาหญิงสาวอยู่พักใหญ่จึงเดินเข้ามาด้านในและใส่เสื้อผ้าต่อหน้าหญิงสาวทำให้เธอต้องนั่งหลับตาเพราะไม่อยากมองคนหน้าไม่อายเช่นเขา
"เงียบ...แล้วกินข้าว"
เมืองรามใส่เสื้อผ้าเสร็จจึงแกะผ้าปิดปากที่มัดเอาไว้แน่นออกด้วยในเวลาไม่กี่วินาทีแล้วจึงเปิดปิ่นโตวางตรงหน้าหญิงสาวเรียกเธอกินข้าวเขาเองก็จะกินด้วยเพราะเวลานี้เขาก็หิวเหมือนกัน
"......"
นรีนาถยังคงมองชายหนุ่มอย่างระแวงกลัวว่าเขาจะกระทำกับเธออย่างเมื่อก่อนหน้าทำให้เธอไม่กล้าขยับตัวอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวว่าจะไม่ถูกใจและจะถูกทำโทษแบบที่เธอไม่อยากให้เกิดอย่างเมื่อครู่อีกหากเขาใช้การกระทำแบบนี้ทำโทษเธอให้เขาเอาปืนยิงเธอให้ตายเสียยังดีกว่า
"ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น...ไม่มีอารมณ์แล้ว"
เมืองรามเหลือบมองหน้าหญิงสาวเล็กน้อยและหันมาใส่ใจกับอาหารตรงหน้าเพราะอารมณ์ของเขาหมดไปตั้งแต่ถูกขัดจังหวะจากพันแสงแล้ว
สองวันต่อมา
บางกอก
"อะไรคนหายทั้งคนยังตามไม่เจอกันอีกหรือไง"
สิงหนาทนั่งคุยกับนายตำรวจหนุ่มในเรือนธิติลักษณ์หลังจากกลับมาจากทำงานผลการรายงานทำให้เขาต้องกุมขมับและหัวเสียเป็นอย่างมาก
"ผมต้องขอโทษจริงๆครับคุณสิงห์ตอนนี้ทางเราก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วครับ"
นายตำรวจหนุ่มเองก็มีสีหน้าอ่อนใจเพราะหลักฐานและพยานรู้เห็นไม่มีเลย
"เฮ้อ... เอาเป็นว่าถ้าได้เรื่องเมื่อไรติดต่อผมด่วนนะครับ"
สิงหนาทรีบควบคุมอารมณ์ตนเองและถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคงจะพึ่งตำรวจอย่างเดียวไม่ได้แล้วในครานี้
22.00 น.
บ้านนารา
"ฮึก..ฮือๆๆ..แม่จ๋าแล้วหนึ่งจะอยู่กับใครล่ะจ้ะ..ฮือๆๆๆ"
หลังจากกลับมาจากงานศพคนเป็นแม่นาราก็กลับมานั่งกอดเข่าร้องให้ในมุมที่เธอชอบนอนตักแม่เป็นประจำเธอคิดถึงแม่เธอแทบใจจะขาดเหมือนชีวิตของเธอตอนนี้ไม่มีเสาหลักอะไรทั้งนั้น
แกร๊ก
"พี่สิงห์"
"ทำไมมาอยู่ที่นี่ฉันบอกให้เธออยู่ที่บ้านฉันไง"
สิงหนาทคิดเอาไว้แล้วว่านาราจะต้องอยู่ที่นี่เขาจึงรีบดึงมือเธอให้กลับบ้านไปกับเขา
"หนึ่งอยากอยู่ที่นี่ค่ะ"
นาราถูกสิงหนาทขอร้องให้ไปอยู่บ้านหลังเล็กของสิงหนาทเพราะเขาต้องการรับผิดชอบกับหารกระทำที่ทำให้แม่เธอนั้นเสียแต่นาราไม่ได้ติดใจอะไรและรู้ว่าแม่เธอมีโรคประจำตัวอยู่แล้วเธอจึงไม่อยากพึ่งพาอะไรสิงหนาทและอีกอย่างเธอก็อยากอยู่บ้านเล็กแห่งนี้ที่เธอรักด้วยเพราะมันมีความทรงจำดีๆมากมายตอนที่เธอได้อยู่กับแม่
"เป็นผู้หญิงอยู่ที่นี่คนเดียวมันอันตราย"
สิงหนาทยังคงลากราราขึ้นมานั่งบนรถของเขาจนได้และดึงมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
"หนึ่งไม่กลัวค่ะ"
"ไปกับฉัน"
"หนึ่งไม่ไปค่ะ"
"เธออย่าหาเรื่องปวดหัวให้ฉันเพิ่มได้มั้ยแค่เรื่องน้องหญิงกับเรื่องงานฉันก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว"
สิงหนาทถึงขั้นต้องบอกสิ่งที่อยู่ในใจว่าตอนนี้ไม่อยากห่วงและรู้สึกผิดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้วแค่เรื่องงานกับเรื่องน้องเขาก็หัวจะระเบิดอยู่แล้วหากจะต้องนั่งห่วงหญิงสาวเรื่องความเป็นอยู่ความปลอดภัยเขาก็ประสาทกินพอดี
"ฮึก..อือ"
นาราได้ยินเช่นนั้นเธอจึงยอมไปกับสิงหนาทแต่โดยดีถึงเธอจะรักบ้านเธอมากแต่หากต้องทำให้ใครมาลำบากใจเพราะเธอตัวเธอเองก็ไม่สบายใจอยู่ดี
