สวาทรัก

71.0K · จบแล้ว
ไอริส
48
บท
52.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อน้องต้องตายเพราะผู้หญิงร่านเพียงหนึ่งคน เขาต้องตอบแทนกลับคืนให้สาสม แต่แล้ว คนที่พ่ายแพ้กลับเป็นเชาเอง ที่ต้องหลงรักเหยื่อแก้แค้นอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

นิยายรักโรแมนติกวิศวกรแก้แค้นโรแมนติก

บทที่ 1

บทที่ 1

ดิษกรย์ จรณบูรณ์ วิศวกรหนุ่มในวัย 34 ปี ยกมือโบกลาให้กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอีกฝ่ายมีน้ำใจขับรถมาส่งเขายังเพนท์เฮ้าส์สุดหรูใจกลางกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์

ดิษกรย์ทำงานให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันยักษ์ใหญ่ในทะเลเหนือ ในประเทศที่ได้สมญานามว่า “ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน” นั่นก็คือประเทศนอร์เวย์

ชายหนุ่มทำงานอยู่ที่แท่นเจาะน้ำมันกลางทะเลเป็นหนึ่งเดือนโดยไม่ได้หยุดพัก และวันนี้ก็ครบกำหนดที่เขาต้องหยุดพักผ่อนแล้ว จึงกลับขึ้นมาบนแผ่นดินพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ซึ่งครบกำหนดพักผ่อนเช่นเดียวกัน

ดิษกรย์ยืนรอกระทั่งเพื่อนร่วมงานได้ขับรถออกไปแล้ว จึงเดินเข้าไปในตึกสูง ชึ่งเพนท์เฮ้าส์ของเขาอยู่ชั้นที่ 12 ของอาคารแห่งนี้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยทักทายตน จากนั้นก็ตรงไปที่ลิฟต์กดเรียกไปยังชั้นที่ตั้งของเพนท์เฮ้าส์ของตน

“นานๆ ได้กลับบ้านที รู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับบรรยากาศในบ้านเอาซะเลย”

ดิษกรย์เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ ใช่! เขาไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศภายในบ้านจริงๆ เพราะเขาจะอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลเป็นส่วนมาก

เมื่อกดเปิดไฟให้ความสว่างไสวทั่วห้อง และวางกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมลงกับพื้นแล้ว ดิษกรย์ก็เดินตรงไปยังโทรศัพท์บ้าน พร้อมกับกดเปิดเครื่องบันทึกเสียง เพื่อฟังว่าใครได้โทร.มาหาบ้างในตอนที่เขาไม่ได้อยู่บ้าน

บรั่นดีที่เก็บไว้บนชั้นเคาน์เตอร์บาร์ ถูกรินลงมาครึ่งแก้ว ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาคมจะค่อยๆ ยกขึ้นจิบ และทรุดตัวลงนั่งเอนกายพิงกับพนักโซฟาหนานุ่มขณะฟังข้อความจากบรรดาเพื่อนๆ ที่ได้โทร.มาฝากข้อความเสียงไว้ และไม่ใช่มีแค่บรรดาเพื่อนๆ เท่านั้น แต่ยังมีสาวๆ ที่เคยเป็นคู่เดทได้โทร.มาหาเขาด้วย

‘ที่รัก...เมื่อไรจะขึ้นบกสักที ซูซี่คิดถึงมากๆ ค่ะ’

‘คุณดิษขา...แองจี้เหงามาก แองจี้ยังรอคุณดิษอยู่ที่โรงแรมเดิมนะคะ’

ดิษกรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับน้ำเสียงของสาวๆ ที่โทร.ฝากข้อความออดอ้อนราวกับอยากพบเขาใจจะขาด แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้รักหรือซื่อสัตย์กับเขามากมาย ระหว่างที่เขาไปทำงานอยู่กลางทะเล พวกเธอก็คบกับผู้ชายคนอื่นไม่ซ้ำหน้า

“เฮ้อ...อยากรู้จริงๆ ถ้าผมไม่มีเงินถุงเงินถัง พวกคุณยังจะโทร.หาผมไหม”

ถ้าหากเขาไม่รวยมากพอ สาวๆ เหล่านี้ก็ไม่ติดต่อหาเขาแน่นอน ดิษกรย์บ่นอุบ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปรินบรั่นดีใส่แก้วอีกครั้ง กำลังจะยกขึ้นดื่ม ก็มีอันต้องนิ่งงันกับข้อความที่กำลังดังมากระทบโสตประสาท

‘ดิษ...ดิษ...พ่อ...ตาย...แล้ว...’

เพล้ง!!!

แก้วบรั่นดีหลุดจากมือกระทบพื้นหินอ่อนแตกกระจาย ร่างใหญ่นิ่งชาราวกับถูกน๊อกด้วยหมัดหนักๆ ต้องใช้เวลานานหลายนาทีกว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้

“คุณพ่อตายแล้ว...”

ดิษกรย์พึมพำแทบไม่พ้นลำคอ ขอบตาของลูกผู้ชายถึงกับร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อคำพูดปนสะอื้นของมารดาที่โทร.มาฝากข้อความไว้ได้แล่นเข้าสู่โสตประสาทอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณพ่อถึงตาย”

คำถามวิ่งวนอยู่ในหัวสมอง ดิษกรย์เดินลากเท้าอย่างหมดเรี่ยวแรงไปคว้าโทรศัพท์ แล้วกดโทรทางไกลระหว่างประเทศกลับประเทศไทยในทันที

แค่ไม่กี่นาทีระหว่างรอให้ปลายทางกดรับสาย ใจที่ร้อนราวกับนั่งอยู่บนกองเพลิงกลับรู้สึกว่าช่างเนินนานจนแทบทนรอไม่ไหว และเมื่อปลายทางกดรับสาย ดิษกรย์ก็รีบเอ่ยถามในทันที

“แป้ง...คุณแม่อยู่ไหน”

เพราะคิดว่าเด็กรับใช้ในบ้านเป็นผู้รับโทรศัพท์ ดิษกรย์จึงเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น แต่แล้วก็ต้องงุนงงยิ่งกว่าไก่ตาแตก เมื่อเจอคำถามๆ กลับคืนมาว่า

“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณโทร.มาหาใครคะ”

ดิษกรย์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะถามกลับบ้าง “แป้ง นี่เธอจำฉันไม่ได้หรือยังไง คุณดิษกรย์ยังไงละ”

“เอ่อ...ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ชื่อแป้งค่ะ”

คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้ดิษกรย์งุนงงหนักกว่าเดิม แต่ในใจก็คิดว่ามารดาอาจจะเปลี่ยนเด็กรับใช้คนใหม่ก็ได้ เด็กคนนี้ถึงจำน้ำเสียงของเขาไม่ได้

“งั้นไม่เป็นไร คุณแม่ คุณท่านอยู่ไหน บอกว่าคุณดิษโทร.มาหา”

“คุณจะพูดกับใครคะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านค่ะ”

“คุณท่านไปไหน”

“คุณท่านที่คุณถามหา หมายถึงคุณลัลน์ลลินหรือเปล่าคะ”

“ไม่ใช่” ดิษกรย์ตอบเสียงห้วน ก่อนจะบอกต่อว่า “ฉันหมายถึงคุณแม่มณีวรรณ คุณแม่อยู่บ้านหรือเปล่า”

“ขอโทษนะคะ คุณโทร.มาผิดแล้วค่ะ ที่นี่ไม่มีคนชื่อมณีวรรณค่ะ”

“อะไรนะ”

ดิษกรย์ถามเสียงหลง มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กดหมายเลขโทรศัพท์ผิด แล้วทำไมเด็กรับใช้ถึงบอกว่าไม่ใช่บ้านของคุณแม่ของเขา

“นี่หมายเลข...ใช่ไหม” ดิษกรย์ทวนหมายเลขโทรศัพท์บ้าน เพื่อความมั่นใจว่าเขาไม่ได้กดผิดแน่นอน

และปลายทางก็ตอบกลับมาว่า “ใช่ค่ะ แต่ไม่มีคนชื่อมณีวรรณค่ะ บ้านนี้มีแค่ดิฉันอยู่กับคุณลัลน์ลลินสองคนเท่านั้นค่ะ”