สวาทรัก

207.0K · จบแล้ว
พิชามญธุ์
97
บท
38.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้นฉันจะไป” “นี่คุณปล่อยฉันนะ ทำบ้าอะไร”แรงกระชากจากด้านหลังทำให้เธอโวยขึ้น “คุณไม่สนใจผมงั้นเหรอ"เสียงทุ่มกระซิบที่ข้างหู "ไม่" "แต่ร่างกายคุณสน"

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันรักหวานๆดราม่าเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทที่ 1 พบเจอ

“คนของคุณชบามาแล้วครับ”

“เข้ามาได้” ร่างสูงใหญ่นั่งเอนกายอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ในคอนโดใจกลางเมืองเชียงใหม่ วันนี้เป็นอีกวันที่ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่าย การปลดปล่อยหรือหาที่ระบายเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชาย

ร่างเย้ายวนเดินตรงเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หญิงสาวตื่นเต้นมากหลังจากได้รับโทรศัพท์จากเจ๊ชบา

เธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้บริการเขาถึงที่ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าอยู่ในชุดคุมอาบน้ำคอเสื้อแหวกลึกลงไปให้เห็นอกแกร่งที่มีไรขนบาง ๆ มองแล้วมันเซ็กซี่มากในความคิดของผู้หญิงหลายคน

“จะดื่มอะไรก่อนไหมคะ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจจะลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“ไม่ต้อง จัดการเลย” พูดจบเจ้าของร่างแกร่งก็สะบัดเสื้อคลุมออกจากร่างกายเผยให้เห็นความสมบูรณ์แบบ ที่ผู้หญิงเห็นแล้วต้องน้ำลายหก

หญิงสาวตาโตเมื่อเห็นอาวุธคู่กายขนาดใหญ่ของเขา ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพอใจ ใครบ้างจะไม่ชอบ

“ตามบัญชาค่ะ” ร่างเย้ายวนนั่งคุกเข่า ปาดลิ้นเลียริมฝีปาก กลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นใกล้ๆ มือบางกอบกุมมันอย่างเบามือ รูดขึ้นลงเป็นจังหวะเพื่อปลุกให้มันตื่นตัว นี่ขนาดไม่ตื่นยังขนาดนี้ถ้ามันตื่นเต็มที่จะขนาดไหน

อัศวินหลับตาเอนหลังกับโซฟาปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจตัวเอง เขาผงกหัวขึ้นมองเมื่อรับรู้ถึงความชุ่มชื่นสัมผัสเข้าที่ส่วนอ่อนไหว

“อืม” เสียงครางออกมาจากปากที่ไม่ว่าง มันคับปากไปหมด

ปลุกเร้าได้ไม่นานร่างกายส่วนนั้นของชายหนุ่มก็ตื่นตัว ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียไปตั้งแต่ส่วนหัวจนถึงโคนแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงครางอย่างที่เธอตั้งใจไว้ เธอจัดการมันต่อ เหลือบมองใบหน้าหล่อเหล่าที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

เขาเย็นชาเหมือนที่เคยได้ยินมาไม่มีผิด

“ขึ้นมาขย่ม” อัศวินสั่งเสียงเข้ม ตอนนี้เขาแค่อยากปลดปล่อย แต่ทำไมความรู้สึกที่ได้รับมันยังไม่พอ มันเหมือนไม่ได้เติมเต็ม แต่มันก็พอแก้ขัดได้

เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็จัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกขึ้นคร่อมร่างใหญ่ ในขณะที่ชายหนุ่มจัดการใส่เครื่องป้องกันเสร็จสับ หญิงสาวจับส่วนปลายถูไถกับร่องของตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เล้าโลมเธอเลย เธอก็ต้องทำเอง จะให้เธอออกไปตอนนี้ก็ไม่ใช่ กว่าจะได้ขึ้นเตียงกับผู้ชายคนนี้ยากแค่ไหนสาวๆ รู้ดี เมื่อมีโอกาสเธอก็จะไม่พลาด

ร่างอวบอิ่มส่ายวนไปมาเพื่อให้ตัวเองเกิดอารมณ์ร่วมมีน้ำหล่อเลี้ยง เพื่อที่จะทำให้เธอนำเขาเข้ามาในร่างกายโดยไม่ต้องเจ็บมาก

“ลงมา” เสียงเข้มสั่ง

“อ๊า ได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำสั่งแบบนั้นเธอก็ไม่อยากขัด

“อ๊า” เสียงหวานครางออกมาอย่างเสียวซ่านเมื่อกดตัวลงไปจนสุดโคนในครั้งเดียว เขาช่างใหญ่โตและเร้าใจทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไร

อัศวินไม่รีรออีกต่อไปเขาจับร่างบางยกขึ้นแล้วกระแทกสวนขึ้นไปด้วยอารมณ์ที่ลุกโชน สาวเจ้าร้องออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเมื่อเธอปรับตัวได้ก็สวนกลับไม่น้อยหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ต้องสอนก็เป็นงาน เสียงครางเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง

ร่างเย้ายวนขยับโยกอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องปนเสียงครางที่ดังออกมาไม่ขาดสาย ถึงแม้เขาจะไม่เตะต้องร่างกายเธอเลย มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากอย่างไม่เคยพบพาน หญิงสาวจัดการบีบเคล้นทรวงอกของตัวเองเมื่อด้านล่างถูกขยี้แรงๆ

“อ๊าย คุณคะ ฉันไม่ไหว อ่า” อัศวินจับร่างบางให้คุกเข่าบนโซฟาเข้าซ้อนด้านหลัง กระหน่ำใส่ร่างบางเต็มที่โดยไม่ออมแรง เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วห้องด้วยความสุขสม

เขาร้อนแรงจริงๆ ไม่เสียใจเลยที่เธอรับงานนี้ หญิงสาวคิดในใจ

“อ๊า กรี๊ดดดด” มือแกร่งขยี้จุดอ่อนไหวของหญิงสาวทำให้ร่างบางสั่นระริก มือกำโซฟาแน่น กรีดร้องออกมาอย่างสุขสม ชายหนุ่มถอนตัวตนออกมา จับใบหน้าหญิงสาวให้หันมา ดึงเครื่องป้องกันออก แล้วจ่อมันที่ปากของเธอ

“จัดการ” ไม่ต้องพูดมากหญิงสาวทำตามที่เขาสั่ง จัดการอาวุธร้ายของเขาอย่างเมามันดูดกลืนกินน้ำเหนียวหนืดที่ไหลออกมาอย่างตะกละตะกลาม เอวสอบโยกสวนเบาๆ และแรงขึ้นเมื่อจะถึงจุดหมาย

“อืม” มีเพียงเสียงครางกระหึ่มในลำคอเบาๆ บอกว่าเขาปลดปล่อยแล้ว ปล่อยให้ลิ้นของหญิงสาวเก็บกวาดทำความสะอาดตามที่เธอพอใจแล้วหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาใส่

“ผู้ชายที่อยู่หน้าห้องจะให้เงินเธอ” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องนอน หญิงสาวได้แต่มองอย่างเสียดาย เธออยากให้เขาสนใจบ้างแต่มันก็ไม่ได้ผล

ร่างใหญ่เดินเข้ามาในห้องแล้วอาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวกลับไร่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากอัศวิน

“ว่าไง” อัศวินกรอกเสียงลงไปตามสาย

“ว่างรึเปล่า”

“ว่าง”

“มีเรื่องให้ช่วย”

“เรื่องอะไร”

สนามบินเชียงใหม่

“สิงห์เมื่อไหร่น้องนายจะออกมาวะเครื่องลงตั้งนานแล้ว” เสือ หรืออัศวินถามเพื่อนที่ตอนนี้ชะเง้อคอหาน้องสาวคนเดียวอยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะออกมาสักที

“เออวะ หนูกวางอยู่ไหนวะเนี่ย” ว่าแล้วสิงหราชก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาน้องสาว

“ใช่คนนั้นรึเปล่าครับนายสิงห์” บิ๊กเอ่ยบอกเจ้านายเมื่อเขาเห็นสาวสวยที่คุ้นตากำลังเดินมาทางนี้ด้วยท่าทางสง่า

“ใช่ หนูกวางทางนี้” สิงหราชตะโกนเรียกน้องสาวที่เอาแต่มองซ้ายขวา คงจะมองหาเขาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเธอจึงหันไปมองแล้วฉีกยิ้มกว้าง รีบลากกระเป๋าเข้าไปหาพี่ชายด้วยความคิดถึง

“พี่สิงห์ คิดถึงจังเลย” ร่างบางปล่อยกระเป๋ากระโดดกอดพี่ชายอย่างแสนคิดถึง ไม่สนใจคนรอบข้าง

ส่วนอัศวินที่มองเห็นน้องสาวเพื่อนตั้งเดินมาก็ตกตะลึงกับความสวยของร่างบาง เธอทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อวันก่อนสิงหราชโทรมาหาเขาบอกว่ามีเรื่องให้ช่วย ซึ่งเขาเองก็รับปากแต่ไม่คิดว่าเรื่องที่เพื่อนอยากให้ช่วยจะเป็นการฝากน้องสาวไว้กับเขา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน แต่ตอนนั้นแม่กวางน้อยยังเด็กนัก เป็นแค่เด็กสาวที่ผอมแห้งไม่มีอะไรน่าสนใจ

เจอกันแค่ครั้งเดียวตอนงานศพของพ่อแม่เธอ ตอนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักและมันก็ผ่านมาหลายปีมาแล้ว เธอมาเพียงไม่กี่วัน เพราะต้องรีบกลับไปสอบ ตอนนั้นเขายังแอบตำหนิเธอในใจ ว่างานศพพ่อแม่ตัวเองแท้ๆ แต่กลับมาเหมือนแค่ให้เสร็จๆเหมือนไม่เสียใจอะไร เพราะเขาไม่เห็นเธอร้องไห้เลย

แต่ไอ้สิงห์มันบอกว่าน้องมันเสียใจมาก ร้องไห้ก่อนที่จะมาที่นี่แล้วจนไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องเพราะไม่อยากให้พ่อแม่มีห่วงจึงไม่ร้องต่อหน้าศพท่านและมันเป็นคนสั่งให้น้องสาวของมันกลับไปเรียนต่อเองซึ่งเขาเองก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ

“เสือ ไอ้เสือเว้ย” เสียงเรียกของเพื่อนทำให้อัศวินได้สติ

“อะไรวะ เรียกซะเสียงดังเลย”

“นายเป็นอะไรฉันเรียกตั้งนานแล้ว”

“มีอะไร”

“ก็นี่ไง ฉันจะแนะนำน้องสาวให้นายรู้จักมัวแต่เหม่ออะไรอยู่วะ”

“เออ”

“นี่กรรณิกาหรือกวางน้องสาวฉัน ต่อไปฉันต้องฝากนายดูแลด้วย” อัศวินพยักหน้าให้สาวสวยตรงหน้า ส่วนคนที่ถูกแนะนำก็ต้องขมวดคิ้ว

“ดูแลอะไรกันคะพี่สิงห์”

“เอ่อ...พี่มีเรื่องจะบอกกวาง คือพี่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศสักพักพี่เลยจะฝากเราไว้กับไอ้เสือ” กรรณิกาอ้าปากค้างกับสิ่งที่พี่ชายพูด หันไปมองหน้าคนที่พี่ชายบอกว่าจะฝากเธอไว้กับเขา ก็ได้รับสายตาเรียบนิ่งกลับมาพี่สิงห์คิดยังไงถึงจะฝากเธอไว้กับผู้ชายคนนี้

“พี่สิงห์ แต่ กวาง”

“ไม่มีแต่กวาง แล้วไม่ต้องบอกว่าอยู่คนเดียวได้ พี่ไม่มีทางปล่อยให้เราอยู่คนเดียวเด็ดขาด” ก่อนที่หญิงสาวจะได้อ้าปากพูดก็ถูกขัดขึ้นซะก่อนเธอจึงได้แต่ทำหน้างอ

“แล้วพี่สิงห์ จะไปเมื่อไหร่คะ”

“วันนี้ ตอนนี้” สิ่งที่พี่ชายบอกทำให้เธออ้าปากค้างอีกรอบ ทำไมถึงไม่บอกเธอล่วงหน้า

“ทำไมมันกะทันหันแบบนี้ละคะ นี่กว้างพึ่งจะกลับมาเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยนะ” กรรณิกางอแงใส่พี่ชาย

“พี่มีงานสำคัญจริงๆ กวาง พี่ขอโทษด้วย เอาเป็นว่าพี่ต้องให้เราอยู่กับเพื่อนพี่ก่อน นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว” สิงหราชพูดพร้อมกับยกข้อมือดูนาฬิกามันถึงเวลาที่เขาจะขึ้นเครื่องแล้ว

“พี่สิงห์”

“เอาละ เอาเป็นว่าไอ้เสือฉันฝากน้องฉันด้วย และไม่ต้องติดต่อพี่ไปนะกว้างถ้าว่างพี่จะติดต่อมาเอง” สิงหราชจำเป็นต้องทำอย่างนี้ ซึ่งเขาเองก็บอกรายละเอียดให้น้องสาวรู้ไม่ได้

“พี่สิงห์”

“มาให้พี่กอดหน่อย พี่รักเรานะ รักมากด้วย อยู่ที่นี่อยู่กับเพื่อนพี่รอพี่กลับมานะกวาง” สิงหราชดึงน้องสาวเข้ามากอดลูบหัวเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เขารู้ดีว่าน้องสาวตัวเองรู้สึกแย่แค่ไหนที่เขาจะต้องไปกะทันหันแบบนี้ทั้งที่เธอพึ่งจะกลับมา

“ก็ได้ค่ะ กวางจะรอพี่อยู่ที่นี่ สัญญานะคะว่าจะติดต่อกวางบ่อยๆ” กรรณิกากอดตอบพี่ชายเธอร้องไห้ออกมาเบาๆ ไม่คิดว่าในขนาดนี่ตัวเองกลับมาจากเมืองนอกพี่ชายที่เธอเหลืออยู่เพียงคนเดียวต้องจากเธอไปที่อื่นทั้งที่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

“พี่สิงห์จะไปนานแค่ไหนคะ” ลางสังหรณ์บอกเธอว่าพี่ชายเธอจะไม่ได้ไปแค่สองสามวัน

“พี่...พี่ยังไม่รู้ แต่ถ้างานพี่เสร็จเร็วพี่จะรีบกลับมา”

“พี่สิงห์บอกกวางได้ไหมว่างานอะไร” กรรณิกาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับงานที่พี่ชายทำเพราะเธอไม่ค่อยชอบงานบริหาร

ความรู้สึกของเธอบอกว่างานของพี่ชายไม่ใช่แค่บริหาร เธอชอบจินตนาการพูดง่ายๆ คือเป็นพวกชอบเพ้อฝัน รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิต ทีแรกเธอคิดว่าอยากมีหนังสือสักเล่มเป็นของตัวเอง แต่พอมาทำจริงๆ เธอกลับทำมันได้ดี เธอจึงยึดมันเป็นอาชีพซะเลย

“ทำไมหึ แต่ก่อนไม่เห็นสนใจงานพี่เลย”

“กวางแค่อยากรู้”

“ก็ธุรกิจพี่นี่แหละไม่มีอะไรมาก เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ต้องไปแล้ว ฝากด้วยนะเสือ พี่ไปละนะ พี่รักกวางนะ” พูดเสร็จสิงหราชก็ปล่อยมือจากน้องสาวแล้วก็เดินจากไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน เหลือไว้เพียงกรรณิกากับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้า สายตาที่เขาใช้มองเธอทำให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้

“ไปเถอะ” อัศวินพูดเสียงเย็นชาชวนน้องสาวเพื่อนกลับ

“เอ่อ...ค่ะ” กรรณิกาที่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับเพื่อนพี่ชาย จึงเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าของเธอจะเป็นยังไง จะต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้นานแค่ไหน

เมื่อทั้งหมดมาถึงรถ ลูกน้องทั้งสองคนของอัศวินก็เปิดประตูรถให้เจ้านายและหญิงสาวขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่ง ส่วนตัวเองและเพื่อนอีกหนึ่งคนก็ขึ้นนั่งที่ประจำคนขับ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป

กรรณิกาทำตัวไม่ถูก เธอได้แต่นั่งชิดประตูรถแล้วหันหน้าออกนอกรถมองสำรวจบริเวณรอบๆ ที่รถวิ่งผ่าน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมเข้มกำลังจ้องมองเธออยู่ด้วยสายตาที่แปลกๆ ลูกน้องสองคนที่เห็นสายตาของเจ้านายก็รู้ได้เลยว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่รอดเงื้อมมือเจ้านายเขาแน่นอน คิดแล้วก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ ได้แต่คิดว่าเจ้านายเขาคงเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเธอบ้างไม่ทำอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนต้องผิดใจกัน ลูกน้องทั้งสองคนได้แต่ภาวนาเท่านั้น

รถวิ่งตรงไปยังไร่ พิทักษ์อัศวิน กรรณิกาเงยหน้าขึ้นมองชื่อไร่แล้วก็ทำหน้างง พิทักษ์อัศวินงั้นเหรอ ชื่อแปลกจัง เธอได้แต่คิดอยู่ในใจแล้วก็หันไปมองคนข้างๆ เหมือนรู้ว่าถูกมอง อัศวินหันหน้ามามองสาวเจ้าเช่นกัน เมื่อโดนจับได้ว่าแอบมองกรรณิกาก็รีบหลบสายตาทันที ทำไมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเมื่อสบตากับเขา