บทย่อ
เสิ่นอวี้หลันมีฐานะเป็นถึงหลานสาวของฝ่าบาท นางมีนิสัยเอาแต่ใจและร้ายกาจ วันหนึ่งนางได้พบมู่หยางโหวที่มาช่วยนางจากคนร้าย . นางตกหลุมรักเขาทันใด นางทุ่มเทรักมู่หยางโหวหมดใจ นางทำทุกอย่างเพื่อได้แต่งให้เขากระทั่งบังคับเขาด้วยสมรสพระราชทาน มู่หยางโหวจำใจต้องรับนางเข้าจวน . แม้จะแต่งงานแล้ว แต่เขาไม่แตะต้องนาง กลับเอาแต่รังเกียจและเห็นนางเป็นสตรีร้ายกาจที่เขาขยะแขยง กระทั่งเขาแต่งญาติผู้พี่ของนางเข้าจวนในฐานะอนุรอง พวกเขารักกันยิ่งนัก และเขายังเข้าข้างญาติผู้พี่และทำร้ายหัวใจของนางอย่างรุนแรงอยู่หลายครา . ในที่สุดเสิ่นอวี้หลันก็ตาสว่างมอบหนังสือหย่าให้เขา แต่มู่หยางโหวกลับแปลกไป เขาตามตอแยนางไม่หยุด มิหนำซ้ำยังงอนง้อขอคืนดี เสิ่นอวี้หลันเกลียดเขานัก ชาตินี้ข้าไม่มีวันให้อภัยท่านเด็ดขาด สตรีร้ายกาจเช่นข้าได้เลิกรักท่านไปแล้ว!
บทที่ 1
แคว้นฉิน
เสิ่นอวี้หลัน คุณหนูใหญ่ผู้เอาแต่ใจแห่งสกุลเสิ่นที่แม้จะมีความงามจนเลื่องลือไปทั่วแคว้น กระทั่งฝ่าบาทยังเคยดำริถึงความงามของนาง ว่าในแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดเทียบได้
ว่ากันว่าหากนางมิใช่หลานสาวของฝ่าบาทซึ่งเป็นบุตรสาวของพระขนิษฐาที่สละฐานันดรเพื่อแต่งงานกับสามัญชนแล้ว ด้วยความงามล่มเมืองของนาง อาจจะได้ครองตำแหน่งฮองเฮาไปแล้ว
แต่นอกจากความงามของเสิ่นอวี้หลันแล้วสิ่งที่เลื่องลือไปไกลยังมีความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจของนางที่ปฏิบัติต่อบ่าวรับใช้ด้วยใจคับแคบ
นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสิ่นพ่อค้าผู้ร่ำรวยเป็นหลานของฝ่าบาทแม้ว่าจะไร้ฐานันดรผู้ใดก็รู้ว่านางมีตำแหน่งสำคัญเพียงใดในใจของพระองค์
แต่เมื่อเสิ่นอวี้หลันเติบโตขึ้นมา บิดามารดารักใคร่จึงเลี้ยงนางอย่างตามใจ ผู้ใดที่ขวางหูขวางตานาง เสิ่นอวี้หลันมักจะลงโทษคนผู้นั้นโดยไร้เมตตา
โทษเบาหน่อยก็เฆี่ยนตี มากหน่อยก็แล่เนื้อเถือหนัง ข่าวลือเรื่องความเหี้ยมโหดของนางไม่มีผู้ใดไม่รู้ ว่ากันว่าทาสของนางหวาดกลัวเสิ่นอวี้หลันมากกว่าความตายเสียอีก
เสิ่นอวี้หลันมีลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นบุตรสาวของท่านน้าของนางอยู่ผู้หนึ่ง ญาติผู้พี่ของนางคนนี้มีนามว่าหลี่ซิน
หลี่ซินเป็นหลานสาวของท่านเซิ่นที่อาภัพนัก เดิมทีน้องสาวของท่านเซิ่นแต่งออกให้กับพ่อค้าผู้หนึ่งที่ต่างเมืองให้กำเนิดบุตรสาวนางหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่าเสิ่นอวี้หลันหนึ่งปี
เพราะท่านน้าย้ายไปอยู่ต่างเมืองห่างจากเมืองหลวงหลายร้อยลี้ นอกจากจดหมายที่ส่งมาเป็นระยะแล้วท่านน้าก็ไม่เคยได้หวนกลับมาเมืองหลวงเสียที
กระทั่งสองปีก่อนในขณะที่ท่านน้าและครอบครัวจะกลับมาเยี่ยมท่านเสิ่นและท่านแม่ที่เมืองหลวงก็ได้พบกับโจรปล้นจึงทำให้พวกเขาเสียชีวิตทั้งครอบครัว
ผู้คุ้มกันในยามนั้นจึงได้พาหลี่ซินหลานสาวของท่านเสิ่นที่เหลือเพียงคนเดียวมาส่งที่สกุลเสิ่นก่อนจะจากไป
นับตั้งแต่นั้นมาหลี่ซินจึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ในความดูแลของท่านย่าและท่านเสิ่นผู้เป็นท่านลุง
หลี่ซินเป็นสตรีที่แม้จะไม่ได้มีความงามอันโดดเด่นเฉกเช่นเสิ่นอวี้หลันผู้เป็นญาติผู้น้อง ทว่าก็เป็นสตรีที่มีใบหน้าอ่อนหวานกิริยางดงามยิ่งนัก
นางมีความสามารถรอบกายและอ่อนน้อมถ่อมตนแตกต่างจากหลี่ซินซึ่งเป็นญาติผู้น้องราวฟ้ากับเหว ยิ่งหลี่ซินอ่อนหวานเพียงใดชื่อเสียงของเสิ่นอวี้หลันก็ย่ำแย่เพียงนั้น
หลี่ซินเก่งงานกุลสตรี เสิ่นอวี้หลันนอกจากรังแกคนแล้วกลับไม่เก่งเรื่องอันใดเลย
เสิ่นอวี้หลันยังเคยหมั้นหมายกับบุตรชายของสกุลใหญ่ในเมืองหลวงมาแล้วถึงสองครั้ง
ทั้งสองครั้งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่หารือ ทว่าการหมั้นหมายของเสิ่นอวี้หลันก็ล่มทั้งสองครั้งเมื่อบุรุษหน้าขาวทั้งสองล้วนพาสตรีในดวงใจหนีงานแต่งงาน
ในด้านชื่อเสียงของหลี่ซินผู้เพียบพร้อมนั้นเล่าลือไปทั่วแคว้นไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการได้นางไปเป็นภรรยา ทว่าท่านเซิ่นผู้เป็นลุงก็ยังไม่เห็นว่าผู้ใดจะเหมาะสมจึงยังไม่ตกปากรับคำแม่สื่อจากสกุลใดเสียที
บัดนี้หลี่ซินมีอายุครบสิบแปดปีแล้วประตูคฤหาสน์เสิ่นจึงยอมเปิดต้อนรับแม่สื่ออีกครั้ง
ในวันหนึ่งเสิ่นอวี้หลันหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองกับสาวใช้คนสนิทและบ่าวอีกสองคน ในระหว่างที่นางสั่งให้สาวใช้ลงน้ำจับปลาอยู่นั้นก็บังเกิดเรื่องขึ้น
จู่ ๆ ก็มีคนในชุดดำหลายคนเข้ามารุมล้อม องครักษ์ของเสิ่นอวี้หลันมีเพียงไม่กี่คนต่อสู้ปกป้องคุณหนูเสิ่นอย่างสุดชีวิตทว่าด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่ามากไม่อาจต้านทานได้ในที่สุดเสิ่นอวี้หลันก็ถูกจับกุมตัว
สาวใช้ของนางล้วนถูกทำร้ายจนสลบอยู่ข้างแม่น้ำ เสิ่นอวี้หลันถูกจับตัวเข้าไปในรถม้ายังถูกมัดมือมัดเท้านอนอยู่ในหีบไม้ใบใหญ่ใบหนึ่ง นอกจากนางแล้วยังมีบุรุษร่างบอบบางผู้หนึ่งปลอมกายเป็นสตรีนั่งเฝ้าอยู่ข้างหีบ
ระหว่างที่นางกำลังจะถูกนำตัวห่างออกจากเมืองหลวงจู่ ๆ รถม้าที่กักขังนางเอาไว้ก็ต้องหยุดลง
ข้างหน้าเป็นรอยต่อระหว่างเมืองหลวงและเมืองอี้จึงมาด่านตรวจตราคนออกนอกเมือง
เสิ่นอวี้หลันซึ่งบัดนี้ยังพอมีสติ ทว่ากลับถูกปิดปากมัดมือมัดเท้าจึงทำให้ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้หวาดกลัวยิ่งนัก
รถม้าเริ่มจะเคลื่อนออกนอกเมืองแล้ว ที่แท้คนที่ตรวจตราด่านนั้นบัดนี้รับสินบนจึงยอมปล่อยรถม้าที่มีเสิ่นอวี้หลันอยู่ภายในออกไปโดยไม่ตรวจตรา
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
น้ำเสียงของเสิ่นอวี้หลันเปล่งออกไปได้เพียงเสียงอู้อี้ในลำคอและเบาจนไม่มีผู้ใดได้ยิน
นางโกรธแค้นคนพวกนั้นนักหากนางรอดไปได้คนแรกที่นางจะขอให้เสด็จลุงสังหารก็คงจะเป็นทหารคนที่รับสินบนคนนั้น
แต่ว่าก่อนที่จะมีโอกาสสังหารคนเสิ่นอวี้หลันจำต้องหาทางหนีเสียก่อน
รถม้าขยับออกจากเมืองหลวงได้ชั่วครู่ จู่ ๆ เสิ่นอวี้หลันก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ช้าก่อน ไยเจ้าปล่อยรถม้าคันนั้นไปโดยไม่ตรวจตรา”