3. ไร้ยางอาย
ฟานอวี้และแม่ทัพหยางต่างก็แปลกใจไม่น้อย ที่ฝูหรงนั้นชั่งรู้จักที่จะพูดให้คนที่กังวลนั้นคลายกังวลลงได้
มื่อทานอาหารเสร็จต่างก็แยกย้ายกัน ฝูหรงเดินไปที่สวนของจวน ฟานอวี้เดินตามไปติดๆ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
" เจ้านี้ชั่งพูดจากล่อมผู้อื่นเก่งเสียจริงนะ มิน่าล่ะถึงได้แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินในจวนของข้าได้ ทั้งที่เป็นของเหลือเดนมาจากที่อื่นแท้ๆ "
" ถ้าท่านแม่ทัพคิดเช่นนั้นแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะเจ้าค่ะ ยังไงเสียก็อย่าลงเข้ามาให้ข้ากล่อมเสียล่ะ ไม่เช่นนั้นจะหาทางออกไม่เจอ "
" ฝันไปเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีทางเอาคนเช่นเจ้า เข้ามาพัวพันในชีวิตข้ามากกว่านี้แน่ "
ฝูหรงยิ้มหวานออกมาจนน่าหมั่นไส้สำหรับคนที่ยืนมองด้วยความโมโหที่ทำอะไรไม่ได้
เพราะก่อนที่จะเดินออกมาก็ถูกบิดานั้นสั่งห้ามไม่ให้ไปพบชิงชิงอีก จนกว่าจะครบ 3 เดือนอย่างที่ฝูหรงเอ่ยขอไว้ ฟานอวี้ได้แต่แปลกใจ ว่าทำไมบิดาของตนถึงได้เอ่ยเช่นเดียวกับคนตัวเล็กนี้
แต่ 3 เดือนก็เพียงไม่นานตนก็จะเป็นอิสระ แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือบิดาตนที่คาดคั่นเรื่องราวว่าตนนั้นมีสัมพันเช่นใดกับชิงชิง เกินเลยกันไปแค่ไหน
" ถ้าวันนั้นเจ้าไม่เข้ามาขัดคอข้า ข้ากับชิงชิงเราก็คงจะมีความสุขกันไปแล้ว เป็นเพราะเจ้าคนเดียวฝูหรง "
เมื่อนึกถึงก็ยิ่งแค้นเคือง ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของตน ก็ยิ่งทำให้ฟานอวี้เกลียดคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
ฟานอวี้เดินจากไปแล้ว ฝูหรงยังคงนั่งที่ศาลาในสวน
" คุณหนูไม่เป็นไรนะเจ้าคะ "
" อย่ากังวลเลยพี่ชินลี่ เรายังต้องเจออะไรอีกมาก ถ้ายังอยู่ที่นี่ ยังดีที่ฮูหยินไม่ได้ร้ายเช่นแม่สามีเรือนอื่น ไม่เช่นนั้นคงจะรับมือยากกว่านี้เป็นแน่ "
" นั้นสิเจ้าคะ "
เสียงหัวเราะของทั้งสองดังขึ้นในสวน
หลังจากนั้นผ่านไป 5 วันฟานอวี้ก็ถูกเรียกเข้าเฝ้าฮ่องเต้
" ฟานอวี้งานแต่งของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง คงจะมีความสุขดีใช่หรือไม่ "
" พะยะค่ะฝ่าบาท "
ฟานอวี้จำต้องตอบออกไปเช่นนั้นเอง ราชครูจึงเอ่ยกับแม่ทัพฟานอวี้
" ฝูหรงอาจจะดูแข็งกร้าวอยู่บ้าง อย่างไรท่านแม่ทัพก็เมตตานางหน่อยก็แล้วกันนะ หลานของข้าสูญเสียแม่ตั้งแต่เด็ก นางจึงมีนิสัยเช่นผู้ชาย แต่เชื่อเถอะว่าท่านได้ของที่ล้ำค่าอยู่ในมือแล้ว เว้นแต่ท่านจะปล่อยมือเท่านั้น "
" เป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ ข้าจะอ่อนโยนกับนางขอรับท่านราชครู ของล้ำค่าที่ว่าข้าจะไม่ทำให้หล่นหายเป็นแน่ "
ฟานอวี้รับคำพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ในใจคิดว่าไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือเป็นแน่ แต่จะขว้างลงพื้นให้แตกละเอียดเลยต่างหาก ก่อนที่จะหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ ที่เอ่ยขึ้น
" ยังไงก็อย่าให้ได้ยินว่าเจ้ารังแกนางก็แล้วกัน เพราะว่าข้าอุตส่ายกนางให้กับเจ้า ถ้าเจ้าทำอะไรให้นางต้องเจ็บช้ำแม้แต่น้อย ข้าจะเอาผิดกับเจ้า "
" พะยะค่ะฝ่าบาท "
ฟานอวี้ออกมาจากตำหนักของฮ่องเต้แล้วแต่ก็ยังอดคิดถึงคำพูดของฮ่องเต้ไม่ได้ ว่าเหตุใดจึงดูใส่ใจฮูหยินของตนถึงเพียงนี้
" เหตุใดฮ่องเต้ถึงได้ใส่ใจนางถึงเพียงนี้กันนะ หญิงที่เคยอยู่กินกับชายอื่นมาแล้วเช่นนี้ มีอะไรให้น่าสนใจกันนักหนา "
ฟานอวี้คิดมาตลอดทางจนมาถึงจวนของตน ก็เจอกับชิงชิงที่มารออยู่ก่อนแล้ว ฟานอวี้ดีใจที่เห็นหญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปหา ชิงชิงเห็นฟานอวี้ก็รีบเข้าไปกอดทันที
ฟานอวี้ตกใจไม่คิดว่าหญิงสาว จะเข้ามากอดตนในจวนทั้งที่มีบ่าวไพร่อยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญมารดาและฮูหยินของตนที่กลับมาจากไปไหว้พระ ก็กลับเข้ามาเห็นพอดี
" อะไรกันฟานอวี้ ชั่งไร้ยางอายกันเหลือเกิน "
" ท่านแม่ เออ ชิงชิงปล่อยพี่ก่อนเถอะ "
" ข้าไม่ปล่อยท่านพี่กับข้าได้เสียกันแล้ว เหตุใดท่านพี่ถึงไม่ทำตามสัญญา "
"ได้เสีย ได้เสียอะไรกัน พี่กับเจ้าเรายัง "
" นี่ท่านพี่จะไม่ยอมรับข้าเช่นนั้นหรือ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ฮื่อๆๆ"
ฮูหยินถึงกับเป็นลมเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดีที่ฝูหรงยืนอยู่ข้างๆ จึงรับไว้ทัน ฟานอวี้เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงสลัดคนรักออกวิ่งมาดูมารดาของตนทันที
" ท่านแม่ ท่านแม่ "
" พาท่านแม่เข้าข้างในเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ "
ฟานอวี้รีบอุ้มแม่ของตนเข้าไปในห้อง ฝูหรงหันไปหาคนที่กำลังจะเดินตาม ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นจนทำให้อีกคนชะงักไป
" กระท่อมป่าไผ่ ข้าว่ามันไม่ค่อยเก็บเสียงเลยว่าไหม "
" นี่เจ้า เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ "
" ไม่เข้าใจหรือ อยากให้ข้าอธิบายให้เข้าใจไหมล่ะ ข้าจะอธิบายให้ท่านแม่ทัพฟังด้วย "
ชิงชิงจ้องมองอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะเดินกระทืบเท้าออกไปโดยที่ไม่เอ่ยลาคนที่อยู่ด้านใน
" ตามหมอหรือยัง "
" ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ เดียวข้าจะดูแลท่านแม่เอง ข้าสั่งให้คนต้มน้ำแกงแล้ว ส่วนนี้เอาให้ท่านแม่สูดเข้าไปก็จะทำให้ฟื้นเจ้าค่ะ ท่านแม่เพียงแค่ตกใจเท่านั้น "
" เจ้าเป็นหมอหรือไงถึงได้รู้ดีนัก "
" ข้าไม่ได้เป็นหมอหรอกเจ้าค่ะ พอดีว่าก่อนนี้อยู่กินกับหมอขายยาสมุนไพร แล้วก็เป็นหมอที่เก่งมากด้วย ข้าก็เลยพอรู้เรื่องยาและอาการป่วยน่ะเจ้าค่ะ "
" หึ อย่างนี้นี่เอง ข้าก็คิดว่าเจ้าจะรอบรู้เสียอีก ที่ไหนได้ก็เป็นเพราะมีสามีเป็นหมอมาก่อนนี้เอง หึ "
" ก็ต้องเป็นเช่นสิเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ยิ่งตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพนะ ต่อไปข้าก็คงเก่งเรื่องยกทัพจับศึกเป็นแน่ ข้ายังคิดอยู่เลยว่าสามีคนต่อไปข้าจะหาแบบไหนดี "
" นี่เจ้าชั่งเป็นหญิงที่ไร้ยางอายเสียเหลือเกิน เจ้าไม่อายบ้างหรือไงกัน เที่ยวพูดเช่นนี้ออกมา "
" ข้าไม่เห็นว่ามันจะหน้าอายตรงไหน ในห้องนี้ก็มีแค่ข้ากับท่าน ส่วนท่านแม่ก็หลับ ก็เท่ากับพูดกับท่านผู้เดียว ข้าไม่ได้ทำเช่นคุณหนูชิงชิงเสียหน่อย ท่านนี่ลำเอียงเกินไปแล้วนะ ถูกผิดก็ยังคิดไม่ได้หรือ น่าเสียดายจริงๆ "
ฝูหรงเอ่ยเตือนสติอีกคนโดยที่อีกคนก็ไม่รู้ตัว ฟานอวี้เงียบไปทันทีเมื่อนึกถึงการกระทำของชิงชิง ที่ทำเช่นนั้นต่อหน้าบ่าวไพร่ในจวนของตน
อีกทั้งคำพูดที่บอกว่าเป็นของตนแล้วนั้นอีก ทั้งที่วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ตนสัมผัสชิงชิง แต่ก็เพียงแค่เล้าโล้มเท่านั้น ยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ฝูหรงก็พังประตูเข้ามาเสียก่อน
ฟานอวี้เดินออกไปจากห้องทันที ฝูหรงเมื่อเห็นอีกคนเดินออกไป ตนจึงพัดวี่ให้กับฮูหยินเฉียวก่อนที่มือของคนที่นอนจะจับที่ข้อมือเรียวไว้
" พอเถอะแม่รู้สึกตัวนานแล้ว เจ้านี่ก็แสบไม่เบาจริงๆนะ "
" ท่านแม่ได้ยินหรือเจ้าค่ะ ข้าขอภัยเจ้าค่ะ ที่พูดจาเช่นนั้นออกไป "
" อืม แต่แม่ก็ไม่อยากให้เจ้าทำให้ฟานอวี้เกลียดชังเจ้าไปมากกว่านี้ ต่อไปเจ้าจะอยู่กันลำบากนะรู้ไหม "
" ก็เพียงไม่นานหรอกเจ้าค่ะ แค่เพียงให้ท่านแม่ทัพหูตาสว่างขึ้นเท่านั้น ถึงตอนนั้นก็คงหมดหน้าที่ของข้าแล้ว "
" หมดหน้าที่อะไรกัน เจ้าเป็นสะใภ้บ้านนี้แล้วยังคิดจะไปเป็นสะใภ้บ้านอื่นอีกหรือไง แต่ก็นั้นแหละ คงอยากหลงเสี่ยวชิงชิงถึงเพียงนั้น แต่ก่อนก็ดูเป็นเด็กไร้เดียงสาดี แต่พอไม่ได้ครอบครองก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเช่นนี้นะหรือ จะมาเป็นสะใภ้ข้า ข้าไม่ยอมรับหรอกนะ "
ฟานอวี้ที่เดินเข้ามาได้ยินพอดี ก็เงียบไปก่อนที่จะเดินถอยออกมา ภายในใจก็เริ่มคิดถึงคำพูดของชิงชิงอีกครั้ง
" เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กัน เจ้ารักพี่มากเช่นนั้นหรือ หรือเพราะเรื่องนั้นกันแน่ เหตุใดจึงดูรีบร้อนต้องการให้รับเจ้าเข้ามาเช่นนี้กัน "
ฟานอวี้เรียกให้คนของตนเข้ามาหาที่ห้องหนังสือ
" จางเหยาไปสืบมาว่าในแต่ละวันคุณหนูชงชิงไปไหนมาบ้าง ส่วนเจ้าหานชิงตามดูว่าฮูหยินข้าทำอะไรและไปไหนบ้าง "
" เหตุใดท่านแม่ทัพถึงให้สืบสองคนนี้ขอรับ "
" ข้าจะบอกเจ้าอีกที "
ฟานอวี้เอ่ยกับคนสนิททั้งสอง
เช้าของอีกวันฝูหรงตื่นเข้าครัวเช่นทุกวัน ฝูหรงมักจะเข้าครัวทำอาหารและไปจ่ายตลาดกับบ่าวรับใช้เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน
" วันนี้ได้ปลาตัวใหญ่ จะได้ทำปลาหนึ่งอร่อยๆกิน ท่านแม่ท่านพ่อจะต้องชอบแน่ๆ "
ชินลี่มองดูฝูหรงที่มีความสุขกับการทำอาหารเป็นอย่างมาก และไม่เพียงแต่ฝูหรง ฮูหยินและแม่ทัพหยางเองก็ชอบอาหารที่ฝูหรงทำมาก
ไม่เว้นแม้แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ ที่พักหลังมานี้จะกลับมาทานข้าวที่จวนเสมอ ทั้งที่แต่ก่อนนั้นไม่ใส่ใจที่จะร่วมโต๊ะกับฮูหยินตน นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้วที่ฝูหรงแต่งเข้ามา
ไรท์. พูดอะไรก็เข้าตัวหมดเลยท่านแม่ทัพ
ฮูหยินน้อยก็แสบเหลือเกิน ตอกกลับทุกดอก
จนแม่ทัพจะกัดลิ้นตัวเองตายแล้ว
ฝากติดตามด้วยนะคะ