บทที่ 15 ผู้หญิงบ้าคนนั้น
“คนคนนี้ น่าเสียดายจริง ๆ”
เฉินอีเองก็ยอมรับว่า อยู่ในตระกูลหลินที่สกปรก แต่หลินเจิ้นเป้ายังคงไม่มีสันดานชั่วร้าย มีความสามารถไม่น้อยเลยจริง ๆ
เพียงแต่ว่า เสียดายนั้นเป็นอีกเรื่อง
ถ้าหากหลินเจิ้นเป้ายังคงห่วงใยไมตรีระหว่างพี่น้องและสถานะ ดึงดดันที่จะขัดขวางตัวเอง เช่นนั้นเขาก็คงทำได้เพียงโหดเหี้ยมอำมหิต
“กระจายคำสั่งของฉันออกไป นอกเหนือจากหลินเจิ้นเป้าแล้ว เขาติ้งจุนปิดเขาย่างสมบูรณ์แบบ”
“ครับ/ค่ะ!”
ราชาทั้งสี่ ยังมีผู้ปกครองเมืองชิงชวนเฉ่าเฉียง ต่างก็พากันตอบรับหนึ่งครั้ง
ในดวงตาของพวกเขาปะปนไปด้วยประกายแวววาว
เขาติ้งจุนกำลังจะถูกปิดอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นก็หมายความว่าผู้คนที่ได้ขึ้นเขามาแล้วพวกนั้น จะต้องเลือกยืนให้ถูกฝั่ง ไม่อย่างนั้นละก็จะต้องมีจุดจบที่ไม่สวยสักเท่าไหร่อย่างแน่นอน!
ในขณะเดียวกันนั้น รถรบคนแล้วคันเล่ากำลังขับมุ่งหน้ามายังเขาติ้งจุน
บนรถรบคันแรก ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าสง่างามน่าเกรงขามตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
เขา ก็คือเจ้าสามแห่งตระกูลหลิน หลินเจิ้นเป้า
เขาได้ขุดพบข้อมูลสำคัญจากช่องทางต่าง ๆ มาแล้วมากมาย
ครั้งนี้ คนที่จะลงมือกับตระกูลหลิน เป็นกองกำลังอิทธิพลใหญ่จากนอกเขตชายแดน ที่มีชื่อว่าสำนักมังกรลับ!
ถึงแม้หลินเจิ้นเป้าจะไม่รู้ว่าสำนักมังกรลับแข็งแกร่งมากเพียงใด มีสถานะอย่างไรบ้าง
แต่ไม่ใช่ตระกูลหลินจะสามารถต่อกรด้วยได้อย่างแน่นอน
แต่คำพูดหนัก ๆ ของหลินเจิ้นหลงเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่สามารถต่อปากต่อคำด้วยได้ เมื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อยเขาก็เดินทางมา
ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามอย่างเต็ม ใช้พลังของตัวเองจบเรื่องนี้ลง ก่อนที่หลินเจิ้นหลง และตระกูลหลินจะทำให้เรื่องนี้ไม่สามารถถอยกลับได้
“กองกำลังอิทธิพลจากนอกเขตชายแดน ยังไงก็ต้องไว้หน้าหน่วยทหารของประเทศต้าถังบ้าง หวังว่าจะไปทันนะ”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
ผู้ใต้บังคับบัญชาพลันเข้ามารายงาน:
“ผู้บัญชาการครับ พวกเราพึ่งได้รับการรายงานมาว่า เขตแดนของเมืองชิงชวนถูกปิดทั้งหมด รถรบของพวกเรา เข้าไปไม่ได้ครับ! จะต้องเปลี่ยนเป็นรถพลเรือนถึงจะขับเข้าไปได้!”
ที่ได้รับข่าวพร้อมกันนั้น ยังมีหลินเจิ้นหลง
เขาวางสายโทรศัพท์ไป สีหน้าเคร่งขรึมจนทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาว
เฉินอีที่สมควรตายนั่นมีอำนาจจากไหนมาปิดเมืองชิงชวน
แต่ในขณะเดียวกัน รถของเขาก็ได้ขับมาถึงไหล่เขาแล้ว ในตอนที่จะขับไปต่อนั่นเอง กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้
“พวกแก ทำอะไรน่ะ!”
คนขับลงจากรถ และกล่าวอย่างไม่พอใจ
เขามองดูเหล่าชายติดอาวุธที่อยู่ตรงหน้า เหมือนว่าจะเป็นคนของกรมอนามัยและความปลอดภัย
แต่คนกลุ่มนั้นกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา: “หน่วยองครักษ์ประจำการอยู่ที่นี่ รถทุกคันไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ จะต้องเดินเท้าเข้าไป!”
“อะไรนะ!”
คนตระกูลหลินอึกทึกครึกโครมขึ้นมาทันที
เพียงแต่ว่าหลินเจิ้นหลงและพวกคนระดับสูงมีสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย และได้ห้ามความอลหม่านของคนในตระกูลของตัวเองเอาไว้ แล้วประกาศให้เดินหน้าต่อไป
“เจ้าสำนัก เขาติ้งจุนนี่ ทำไมถึงมีคนของหน่วยองครักษ์มาประจำการอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เข้าใจ
ข้อมูลที่พวกเขาได้รับ มีเพียงแต่คนของกรมอนามัยและความปลอดภัยของไม่กี่เมืองในตอนใต้ของชิงชวนมาประจำการที่เขาติ้งจุน
หน่วยองครักษ์นี่ สังกัดจวนผู้ว่าการเชียวนะ พูดถึงมาตรฐานไม่ได้ด้อยกว่าทหารโหวยี่ที่น้องสามของตัวเองบัญชาการเลยสักนิด หรือจะพูดได้ว่ามีระดับสูงกว่าด้วยซ้ำ
แต่คนพวกนี้ไม่อยู่ที่เมืองเอก ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ?
ถึงแม้หลินเจิ้นหลงจะยโสโอหัง แต่ก็ไม่คิดว่าอาศัยตัวเองและตระกูลหลิน จะสามารถทำให้หน่วยองครักษ์เดินทางมาที่นี่ถึงแม้จะห่างไกลก็ตาม
และตระกูลหลินก็ไม่กล้าที่จะเป็นปรปักษ์กับหน่วยองครักษ์ซึ่ง ๆ หน้า จึงทำได้เพียงลงรถและเดินเท้าแทน ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ในที่สุดเข้าก็ได้เหยียบขึ้นไปบนตำหนักมังกรหยก
ที่นี่มีผู้คนแออัด รวบรวมกองกำลังและผู้คนเอาไว้มากมาย
แต่ผู้คนส่วนมาก ต่างก็มาเพื่อพลังอำนาจของตระกูลหลิน ต่างพากันเอาอกเอาใจหลินเจิ้นเป้าและตระกูลหลินอย่างเต็มที่ ต่อให้เป็นเพียงบอดี้การ์ดของตระกูลหลิน หรือคนรับใช้ ก็ไม่มีข้อยกเว้น
มีเพียงวังจ่างหลินและคนไม่กี่คนที่ได้ขยับใกล้เข้ามา
สีหน้าของพวกเขาล้วนไม่แน่ไม่นอน
“เถ้าแก่วัง เรื่องในครั้งนี้ ไม่ค่อยปกตินะ”
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยกับวังจ่างหลิน
มีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่อย่างคิดไม่ถึง นอกจากนี้ที่ไหล่เขายังมีหน่วยองครักษ์ประจำการอยู่ ดูยังไงตระกูลหลินก็ไม่กล้าก่อเรื่อง
แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ใช้กฎบัญชาสามตราล่ะ แถมยังเลือกเขาติ้งจุน
หรือว่า ที่ด้านหลังของตระกูลหลินในครั้งนี้ อาจจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหน่วยองครักษ์?
วังจ่างหลินเองก็ขมวดคิ้วแน่น ในตอนที่คิดจะบอกเรื่องของผู้หญิงบ้าคนนั้นออกมานั่นเอง จู่ ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น กลบเสียงวุ่นวายทุกอย่างไปจนหมด
“มากันครบแล้วเหรอ?”
ทุกคนต่างเงยหน้ามองไป และได้พบกับเงาร่างสี่สาย
เงาร่างหนึ่งในนั้น ทำให้วังจ่างหลินต้องกลืนน้ำลายทันที
เป็นผู้หญิงบ้าคนนั้น
หงส์แดงเองก็ได้สังเกตเห็นเขาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
เธอมองดูคนนับพันนับหมื่นที่อยู่ด้านล่างนั้นอย่างเงียบ ๆ ไม่หวาดเกรงสายตาแปลก ๆ ของพวกเขาเลยสักนิด
“ครบแล้ว เช่นนั้น การตัดสินใจเลือกของพวกคุณคืออะไร?”
“เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งตระกูลหลิน หรือเลือกที่จะยืนอยู่กับพวกเรา?”
“ภายในลมหายใจเข้าออกสิบครั้ง โปรดตัดสินใจเลือก”
“เชี่ย!”
หลินเจิ้นหลงโมโหขึ้นมา
“ไอ้หนุ่ม ฉันขอถามแกเป็นครั้งสุดท้าย พวกแกจะฆ่าตัวตายชำระโทษ หรือจะให้ฉันเป็นคนลงมือเอง”
“อ้อใช่แล้ว ฉินปิงหลันเมียของแก และลูกสาวทั้งสองคนของแกต่างอยู่ในเงื้อมมือของฉันนะ”
“แต่ว่านะฉินปิงหลันนั่นหน้าตาดีไม่เบา รอเรื่องนี้ผ่านไปฉันจะต้องลิ้มลองรสชาติของหล่อนให้เต็มที่ถึงจะได้”
เขาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของตัวเอง ยิ่งดูสนุกสนานขึ้นมา
แต่ว่า เฉินอีกลับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“แกแน่ใจเหรอ?”
วินาทีต่อมา โทรศัพท์สายหนึ่งก็ได้โทรเข้ามา......
