บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ผู้เป็นใหญ่ในเรือนหลัง

หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมกันลมเงยหน้ามองป้ายหน้าจวนผู้บัญชาการด้วยน้ำตาอาบแก้ม ดูเหมือนตอนนางขอพรจากสวรรค์ครานั้นกล่าวไม่ชัดแจ้งเกินไป ทำให้แม้สามีจะไปแล้วไปลับไม่กลับเมืองหลวง แต่แม่สามีกลับส่งนางขึ้นรถม้ามานับพันลี้เพื่อมาดูแลสามี

หลังเว่ยเฉวียนกวาดล้างกลุ่มโจรกบฏบนเขากกเหลียงที่เหอหนานและหูเป่ยได้สำเร็จ ฮ่องเต้ก็ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการตงหนาน เดิมตำแหน่งนี้สมควรเป็นของตระกูลเถาที่ปกปักรักษาชายแดนใต้มานาน ทว่าผลงานที่ผ่านมาของชายหนุ่มก็เพียงพอจะพิสูจน์ความสามารถ และที่สำคัญด้วยมีพระราชประสงค์จะทำการขุดลอกคลองเชื่อมต่อเส้นทางน้ำจากเมืองหลวงสู่ปากอ่าวแดนใต้ ชายหนุ่มจึงได้รับหน้าที่สำคัญในการดูแลการขุดคลองร่วมกับการเปิดท่าเรือ เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่มีทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและคนนับหน้าถือตาจำนวนมาก จวนผู้บัญชาการจะขาดนายหญิงไปได้อย่างไร

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่มารดาของเขายกขึ้นมาอ้าง ทั้งๆ ที่นางพยายามตีหน้าเศร้าขออยู่ปรนนิบัติแสดงความกตัญญูแทนสามีที่เมืองหลวงแล้วแท้ๆ

ปกติมีแต่แม่สามีจะอยากให้ลูกสะใภ้อยู่คอยปรนนิบัติ ส่วนลูกชายที่เดินทางจากบ้านไปไกลนั้นก็จำต้องมีคนคอยดูแล แน่นอนว่าเก้าในสิบส่วนบุรุษมักจะพาอนุภรรยาติดตามไป มีใครต้องการเมียเอกบ้าง

นางขอประท้วง!

“คุณหนะ... ฮูหยิน” ตู้หลันหันมามองผู้เป็นนายด้วยสายตาเป็นห่วง พวกนางรู้อยู่เต็มอกว่าท่านเขยไม่ต้อนรับการมาของนายหญิง ทว่าเมิ่งเสี่ยวหรันก็ยังคงยืนยันที่จะลงจากรถม้ามายืนรอหน้าประตูหลักที่ยามนี้เริ่มมีผู้คนหันมามุงดูด้วยความสนใจ “ท่านกลับไปรอบนรถม้าดีหรือไม่เจ้าคะ”

คุณหนูอยากเอาคืนชายผู้นั้นก็ไม่ควรใช้แผนทรมานกายด้วยการยืนตากลมให้บ่าวผู้นี้ทรมานใจ

“ไม่เป็นไรหรอก” เมิ่งเสี่ยวหรันตอบด้วยสีหน้าที่พยายามเก็บซ่อนความเศร้าใจ

รออยู่ครู่ใหญ่ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจึงค่อยย่างผ่านประตูมาด้วยสีหน้าคล้ายร้อนใจ ทว่าเมิ่งเสี่ยวหรันกลับสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวของเขายังเรียบกริบ บนใบหน้าไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยด เห็นได้ชัดว่าเขาหาได้รีบร้อนดั่งที่พยายามแสดงออกมา

“ต้องขออภัยฮูหยินขอรับ” พ่อบ้านก้วนแสร้งปาดเหงื่อ “พอดีในจวนมีเรื่องด่วนเล็กน้อย ทำให้บ่าวออกมารับท่านล่าช้า หวังว่าฮูหยินจะใจกว้างไม่ถือสาบ่าวไม่รู้ความผู้นี้”

เมิ่งเสี่ยวหรันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่าบุรุษทึ่มทื่อผู้นั้นจะมีบ่าวไพร่ที่ที่รู้จักตลบตะแลง อ้อ...นางหมายถึงรู้จักพลิกแพลงเอาตัวรอด

“พวกท่านเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้ไม่นานย่อมมีเรื่องต้องจัดการมาก ข้าจะกล่าวโทษท่านได้อย่างไร อีกอย่างซื่อจื่อตั้งใจทำงานช่วยเหลือชาวบ้านย่อมมีกิจธุระมากมายให้จัดการ เป็นข้าเสียอีกที่ทำให้พวกท่านวุ่นวาย”

น้ำเสียงของนางใสกระจ่าง จังหวะในการพูดไม่ช้าไม่เร็ว ประกอบกับใบหน้าอ่อนหวานจึงทำให้ผู้คนที่แอบมองโดยรอบคล้อยตามได้ง่ายๆ

ไหนใครบอกว่าสตรีสูงศักดิ์จากเมืองหลวงหยิ่งยโสกัน ดูฮูหยินผู้บัญชาการตรงหน้า ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวล เข้าอกเข้าใจผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าข่าวลือก่อนหน้าล้วนเหลวไหลทั้งเพ

พ่อบ้านก้วนเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขาพอรู้มาบ้างว่าสตรีผู้นี้ใช้อุบายเพื่อให้ได้แต่งกับท่านผู้บัญชาการ ดังนั้นภาพที่คิดไว้จึงค่อนข้างห่างไกลจากสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า

“เช่นนั้นเชิญฮูหยินขอรับ”

ขบวนหน้าจวนเคลื่อนตามพ่อบ้านใหญ่ไปอย่างเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าภายในจวนยังจัดการตกแต่งไม่เรียบร้อย เว่ยเฉวียนเพิ่งได้รับพระบัญชาแต่งตั้งทำให้หลายอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง พวกเขาเดินผ่านสวนและสระบัวเข้าสู่พื้นที่ด้านในซึ่งเป็นเรือนหลัง ผ่านเรือนหลังใหญ่มากมายก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าเรือนค่อนข้างเล็กซอมซ่อ

“เรือนหลักส่วนใหญ่กำลังซ่อมแซมอยู่ บ่าวให้คนงานเร่งมือแล้ว แต่ก็ยังล่าช้ากว่ากำหนดขอรับ” พ่อบ้านก้วนหันมากล่าว “ฮูหยินพักที่นี่สักสิบวัน เอ่อ สักหนึ่งเดือนก่อนก็แล้วกันนะขอรับ”

“ไม่เป็น...”

เคร้ง! โครม!

เมิ่งเสี่ยวหรันยังเอ่ยไม่ทันจบ ประตูเรือนก็พลันหล่นโครมลงมา

อา...สวรรค์ ท่านเกลียดชังข้าจริงๆ

นอกจากเสียงหัวเราะแห้งๆ ของพ่อบ้านก้วน เมิ่งเสี่ยวหรันก็ไม่ได้รับคำปลอบประโลมใดๆ ตอนนี้นางกลายเป็นคุณหนูตกอับของจริงแล้วเมื่อเหลือแค่เรือนท้ายจวนเก่าซอมซ่อแค่หลังเดียวที่ประตูหน้าต่างยังอยู่ในสภาพพอให้พักพิง หลังต้องจัดการทำความสะอาดและย้ายของเข้ามาอย่างเร่งร้อน ยังไม่ทันได้นั่งพักผ่อน ท่านน้าของสามีก็ส่งคนมาเชิญนางเข้าพบ

พูดถึงน้องสาวของแม่สามีผู้นี้ นางมีนามว่าผิงซูปี้ แต่งเข้าตระกูลหยวนมาอยู่เจียงหนานเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แต่แต่งมาหลายปีกลับไม่มีทายาท สุดท้ายสามีมาด่วนจากไปทิ้งให้นางเป็นหม้าย ต่อมาเมื่อเว่ยเฉวียนมาประจำการทางใต้ ได้เลื่อนตำแหน่งจนมีจวนเป็นของตนเอง หยวนฮูหยินจึงเดินทางมาเยี่ยมเยียน แต่ไม่รู้อย่างไรจึงอาศัยอยู่กับหลานชายมาร่วมปี

‘มีซูปี้อยู่คอยดูแลเขา ข้าก็เบาใจได้บ้าง แต่อย่างไรมีภรรยาอยู่ใกล้ย่อมปรนนิบัติได้ถูกใจที่สุด อยู่ที่นั่นนางจะช่วยเหลือแนะนำเจ้าได้ดี ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ให้เอ่ยกับนางตรงๆ ได้เจอเจ้าแล้วนางต้องเอ็นดูอาหรั่นน้อยเหมือนข้าแน่ๆ’ แม่สามีเคยเอ่ยกับนางเช่นนี้ สีหน้าของผิงซื่อ4ยามเอ่ยถึงน้องสาวฉายประกายเอ็นดู แตกต่างจากฉือหมัวมัว5ที่แทบจะกลอกตาสามตลบอยู่ด้านหลัง

‘ฮูหยินน้อย บ่าวขอพูดตรงๆ หยวนฮูหยินมิใช่คนที่อยู่ด้วยง่าย หากท่านรู้สึกลำบากใจก็ให้เขียนจดหมายมาแจ้งฮูหยินนะเจ้าคะ’

เรือนของผิงซูปี้อยู่ทางด้านเหนือ เป็นบริเวณที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยดีแล้ว หน้าเรือนของนางมีสวนดอกไม้ที่งดงาม ไม่เหมือนกับที่พ่อบ้านก้วนแจ้งว่างานปรับปรุงทุกอย่างต้องเร่งรีบเลยสักนิด

เมื่อเมิ่งเสี่ยวหรันก้าวตามสาวใช้เข้าไปด้านในก็พบว่าเรือนหลังนี้ตกแต่งอย่างงดงามหรูหราเสียยิ่งกว่าจะเป็นเรือนพักของผู้ที่จะมาอาศัยอยู่ชั่วคราว

“เสี่ยวหรันคารวะท่านน้าเจ้าค่ะ”

สตรีที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมยกปลายคางขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าขาวผ่องอวบอิ่มยังฉายให้เห็นถึงความงามละม้ายคล้ายกับแม่สามีของนางอยู่หลายส่วน ชุดผ้าไหมเจียงหนานสีอ่อนบนร่างยิ่งขับเน้นให้นางดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง

“หากข้าไม่ให้คนไปตาม เจ้าก็คงไม่คิดจะเห็นหัวมาคารวะยายแก่ผู้นี้เลยงั้นสินะ”

เมิ่งเสี่ยวหรันกะพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางร้อนใจ

“เดิมข้าตั้งใจจะมาคารวะท่านน้า ติดแต่ว่าประตูเรือนที่ท่านน้าจัดให้ถล่มลงมาเสียก่อนจึงต้องเสียเวลาย้ายเรือนใหม่”

“เอ๊ะ นี่เจ้ากำลังกล่าวหาว่าข้าจัดการได้ไม่ดีหรือ”

“หลานเข้าใจว่าพวกท่านเพิ่งย้ายเข้ามาจึงมีหลายเรื่องต้องจัดการ ในส่วนที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้วก็ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตงดงาม คิดว่าท่านน้าคงเหนื่อยไม่น้อย หลานละอายใจยิ่งเจ้าค่ะ” เอ่ยจบแล้วก็แสร้งก้มหน้า

ผิงซูปี้เห็นว่าภรรยาของหลานชายผู้นี้ดูท่าทางขี้ขลาดจัดการได้ไม่ยากก็ยิ่งได้ใจ

“ข้าดูแลหลานชายมานาน คนในจวนเองก็คุ้นเคยวิธีปฏิบัติที่ข้ากำหนดไว้ เจ้าเพิ่งเดินทางมาถึงยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อีกมาก เรื่องการจัดการภายในจวนนั้นข้าจะช่วยดูแลไปก่อน”

ดูแลไปตลอดเลยก็ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ถือ

เมิ่งเสี่ยวหรันรีบตอบในใจ นางตั้งใจมาอาศัยแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก็จะหาทางให้สามีขับไล่ไสส่งตนเองกลับเมืองหลวง

“ต้องรบกวนท่านน้า...” นางยังเอ่ยไม่ทันจบก็มีเสียงกังวานของสตรีดังแทรกขึ้น

“ท่านน้า...” เพียงครู่พลันเรือนร่างในชุดทะมัดทะแมงเดินผ่านนางไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้านข้าง “เอ๋...นี่คงเป็นฮูหยินของพี่ชายกระมัง”

เมิ่งเสี่ยวหรันยังคงอมยิ้มน้อยๆ มองหญิงสาวใบหน้าอ่อนละมุนเยาว์วัย ท่าทางสดใสมีชีวิตชีวาตรงหน้า พาให้นึกถึงดอกเซี่ยงรื่อขุย6บานสะพรั่งรับแสงตะวัน

สตรีผู้นี้คงหนีไม่พ้น เล่อเข่อซิง สตรีในดวงใจของเว่ยเฉวียนกระมัง

“เจ้ามาก็ดีแล้วจะได้แนะนำให้รู้จักกันเสียเลย” หยวนฮูหยินเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับมาหาเมิ่งเสี่ยวหรัน “นี่คือเล่อเข่อซิง พี่ชายของนางเสียสละชีวิตปกป้องเว่ยเฉวียน ครอบครัวนางไม่เหลือใครแล้ว หลานชายจึงรับนางมาดูแล เรือนของนางก็อยู่ใกล้ๆ เรือนของข้า”

เรือนข้างๆ ที่ว่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรือนเล็กที่มีลำธารไหลผ่าน มองผาดๆ แล้วให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส ช่างเหมือนตัวเจ้าของเรือนเสียจริง

“แม่นางเล่อ” เมิ่งเสี่ยวหรันเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อนอย่างมีมารยาท

“ท่านเหมือนที่ผู้คนเล่าลือกันจริงๆ” เล่อเข่อซิงมองพิจารณาคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย “ดูอ่อนแอ บอบบางสมกับเป็นสตรีจากเมืองหลวง ท่านคงไม่รู้ว่าที่นี่มีโจรผู้ร้ายค่อนข้างมาก แม้พี่ชายจะปราบปรามจนพวกมันหดหัวไม่กล้าออกมาเพ่นพ่าน แต่ท่านก็ต้องระวังให้มากจะได้ไม่เป็นภาระให้พี่ชายต้องห่วงพะวง”

“เด็กคนนี้นี่” หยวนฮูหยินแสร้งหันไปเอ็ดเด็กสาวข้างๆ “เป็นเพราะข้าและหลานชายตามใจนางมากเกินไป อีกอย่างนางสนิทกับเขามากย่อมห่วงหาเป็นธรรมดา เจ้าก็อย่าได้ถือสานางเลย พวกเจ้าอายุไล่เลี่ยกันต่อไปก็สนิทสนมนับถือกันเหมือนพี่น้องก็แล้วกัน”

สตรีที่ไม่ใช่ญาติ แต่นับถือกันเป็นพี่น้องก็คงมีแต่สตรีที่ใช้สามีร่วมกัน

สายฝนช่วยขับไล่ไอร้อนในช่วงปลายคิมหันตฤดู ทางใต้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำชาวบ้านจึงนิยมสัญจรทางเรือมากกว่าคนเมืองหลวง แม้เม็ดฝนยังคงสาดซัด แต่ภาพเรือลอยลำในคูคลองจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

“เจียงหนานสมเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำจริงๆ ไม่แปลกเลยที่กบฏราชวงศ์ก่อนจะเลือกที่นี่เป็นแหล่งกบดาน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะหนีขึ้นเหนือไปเผชิญกับเหล่าคนเถื่อนนอกด่าน อีกอย่าง...” วั่งซูตัวสั่นน้อยๆ แต่ไม่ได้เป็นเพราะไอหนาวจากละอองฝน “ถ้าต้องปะทะกับต้าซือหม่า7ผู้นั้น ข้าว่ายอมติดคุกเสียยังจะนับว่าสบายกว่า”

หลิวเหว่ยคร้านจะสนใจถ้อยคำเลื่อนเปื้อนของคนข้างๆ จึงหันกลับมาเอ่ยกับเว่ยเฉวียนที่ยืนอยู่บนหัวเรือทอดสายตาไปไกล ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

“ท่านว่าฮ่องเต้มีพระประสงค์จะให้หลี่มู่เฉินขยายอำนาจมาทางใต้ หรือแค่ตั้งใจลวงให้เขาออกห่างจากป้อมปราการแดนเหนือ เพื่อจะได้ส่งคนของพระองค์เข้าไปแทนที่”

ตั้งแต่มีพระราชโองการให้ต้าซือหม่าหลี่มู่เฉินเดินทางลงใต้มาดูแลเรื่องการขุดคลองร่วมกับเว่ยเฉวียนก็เกิดข่าวลือต่างๆ นานา

บ้างก็คาดการณ์ว่าฮ่องเต้ตั้งใจจะลดทอนอำนาจขุนนางหนุ่มที่ถือครองกำลังทหารมากที่สุดผู้นี้แม้ว่าเขาจะเป็นคนสนับสนุนให้พระองค์ขึ้นนั่งบัลลังก์ ในประวัติศาสตร์มีเหตุการณ์มากมายที่เอ่ยถึงเรื่อง เสร็จศึกฆ่าขุนพล

แต่บางคนก็คาดการณ์ว่าพระองค์อาจจะต้องการส่งเสริมให้เขาเข้ามาดูแลกำลังทหารทั้งหมดก็ได้ เนื่องจากพระราชอำนาจตอนนี้ยังไม่มั่นคงดี และถึงแม้หลี่มู่เฉินจะดำรงตำแหน่งต้าซือหม่า แต่เขากลับเคยบัญชาการแต่กองทัพในแดนเหนือเท่านั้น

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่เรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเว่ยเฉวียนที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารตงหนานโดยตรง

“พระทัยฮ่องเต้ไม่อาจคาดเดา แค่เร่งจัดการเรื่องที่ทรงมอบหมายให้แล้วเสร็จก็พอ ส่วนต้าซือหม่า... เขาจะไม่รั้งอยู่ที่นี่นานเกินไปหรอก” เว่ยเฉวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ทำไมเล่า” วั่งซูย่นคิ้วถาม “นี่ไม่ใช่โอกาสดีที่จะรวบรวมอำนาจหรือ”

“เช่นนั้นมาพนันกันสักตา” เว่ยเฉวียนเลิกคิ้ว ริมฝีปากประดับรอยยิ้มเสเพลที่ทำให้คนมองเสียวสันหลังรีบส่ายหน้าระรัว

สิ่งที่คุณชายผู้นี้เชี่ยวชาญไม่แพ้การปราบโจรผู้ร้ายก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการพนันขันต่อเข้าหอนางโลมนี่แหละ

“เรื่องการขุดคลองไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเท่าไร” หลิวเหว่ยเสนอความคิดเห็น คนเจียงหนานเชี่ยวชาญเรื่องสายน้ำ หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาสำรวจมาสิบกว่าวันก็พอจะพบหนทางที่จะดำเนินการไปได้ไว รอเพียงคนที่เมืองหลวงมอบหมายเดินทางมาถึงก็สามารถเริ่มงานได้ “แต่เรื่องการเปิดท่าเรือนี่สิที่น่าเป็นกังวล”

พวกเขารู้ดีว่าภาษีปากเรือและภาษีการค้านั้นสร้างรายได้ให้ท้องพระคลังมหาศาล แต่การเปิดท่าเรือนั้นนอกจากจะถูกโจรสลัดรุกราน ยังโยงไปถึงผลประโยชน์มหาศาลของขุนนางที่ดูแลด้วย

เมื่อก่อนขุนนางกังฉินฉ้อโกงภาษี แม่ทัพที่รักษาการเขตตงหนานไร้ความสามารถทำให้ขบวนสินค้าถูกโจรสลัดดักปล้น การดูแลรักษาความปลอดภัยหย่อนยานจนเกือบถูกแคว้นจินรุกรานทางน้ำเป็นเหตุให้ต้องปิดท่าเรือตงหนานไปในที่สุด

“คนเมืองฉีกังวลว่าฟ้าจะถล่ม8” เว่ยเฉวียนเอ่ยคล้ายไม่เห็นปัญหา เขาเป็นคนเช่นนี้ ไม่เคยกังวลเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เมื่อมีเป้าหมายที่แน่วแน่ก็พร้อมจะพุ่งชน เคยมีคนปรามาสว่าเขาก็เป็นแค่ลูกวัวเพิ่งเกิดไม่กลัวเสือ9 แต่ดูเหมือนวัวตัวนี้จะเพิ่งกัดเสือจนบาดเจ็บสาหัส

“นั่นสิ เรื่องที่แม่ทัพกำลังคิดถึงตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นฮูหยินคนงามที่เพิ่งเดินทางมาถึงกระมัง” วั่งซูเอ่ยเย้าด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม “ข้าได้ข่าวว่านางเป็นสตรีอันดับหนึ่งที่มีแต่ผู้คนชื่นชม ทั้งรูปโฉมก็งดงามอ่อนหวาน คงถูกใจท่านแม่ทัพเป็นแน่”

ดวงตาคมหลุบมองสายน้ำ นึกถึงท่าทางอ่อนแอของสตรีผู้นั้นยามตะเกียกตะกายอยู่ริมสระบัว เรือนร่างบอบบางสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น

ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นเขาแอบพานางออกไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นนอกจากสาวใช้คนนั้นที่ถูกขู่กำชับแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับหลุดรอดไปถึงหูมารดาของเขา ราวกับหมากกระดานหนึ่งที่ถูกวางไว้

หึ...สตรีแพศยา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel