บทที่ 3
LOVE MARRIAGE วิวาห์รักพิศวาส
Chapter 3
วันรุ่งเช้าอากาศที่แจ่มใส ทว่าคนที่ลุกจากที่เตียงนอนนั้นไม่ได้แจ่มใสด้วยเลย เกือบตลอดทั้งคืนชาลิสาแทบข่มตาหลับไม่ลง คิดแต่เรื่องงานแต่งงานที่ไม่พร้อมที่จะแต่งงานในตอนนี้
หญิงสาวเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนประตูจะถูกปิดลง สายน้ำจากฝักบัวที่รดลงมายังร่างกาย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อทบทวนเรื่องของเมื่อวาน
นี่เธอต้องทำเพื่อครอบครัวจริง ๆ หรือนี่
เวลาผ่านไปไม่นานชาลิสาเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร โดยมีผู้เป็นบิดาแล้วมารดานั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว เก้าอี้ถูกลากออกมาอย่างพอดี ก่อนที่จะนั่งลง
“ขอโทษค่ะ ที่ตื่นสายไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อกับแม่ก็เพิ่งลงมาเหมือนกัน” ชาลิสายิ้มตอบกลับ ก่อนจะเริ่มตักโจ๊กกินอย่างเงียบๆ
“เย็นนี้ลูกว่างไหม” ชลรินดาถามขึ้น
คนฟังเมื่อฟังก็เงยหน้ามองอย่างสงสัย “มีอะไรหรือคะ”
“คือ...คุณสหรัฐเขามานัดดูตัวหนูกับลูกชายเขาน่ะ แม่ก็อยากจะถามลูกว่าว่างไหม ถ้าไม่ว่างแม่จะโทรไปเลื่อนให้”
ชลรินดามองลูกสาวที่เริ่มมีสีหน้าลำบากใจ
“เอ่อ...ถ้าลูกไม่สบายใจไม่อยากไป แม่ก็จะ...”
“ไปค่ะ ลิสาว่าง แล้วเย็นนี้ตอนกี่โมงคะ” ชาลิสาตอบ ในเมื่อจะต้องแต่งงานกัน เธอก็อยากจะขอเห็นหน้าเขาสักครั้งว่าจะอยู่ไปกันรอดสักกี่วัน “เย็นนี้ตอนกี่โมงและที่ไหนคะ ลิสาจะได้ไม่มาสายค่ะ”
“ประมาณ 6 โมงเย็นจ้า ที่โรงแรม...”
“ค่ะ งั้นลิสาไปทำงานก่อนนะคะ”
เธอพูดแล้วกำลังจะลุกจากโต๊ะแต่เสียงของบิดาพูดขึ้นก่อน
“ลิสา โรงแรมของเราตอนนี้เป็นของคุณสหรัฐ พ่อว่าถ้าลูก...”
เธอมองหน้าบิดา แน่นอนไม่ลืมว่าตอนนี้โรงแรมเป็นของตระกูลอธิพัฒน์เดชากรแล้ว และก็ไม่คิดที่จะเข้าไปทำงานที่นั่นแต่แรก
ชาลิสายิ้มตอบกลับมา
“ค่ะลิสารู้แล้ว แต่ลิสาจะไปทำงานที่ร้านของลิสาเองค่ะ” คนเป็นพ่อแม่เมื่อได้ยินก็มีสีหน้าตกใจออกมาทันที
“ร้านของลูกที่ไหน แล้วเปิดร้านตั้งแต่เมื่อไหร่” ชลรินดาถามขึ้น
ชาลิสายิ้มแล้วตอบกลับอย่างทันที“เมื่อสองเดือนก่อนค่ะ ตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่”
“หมายความว่าลูกกลับมาก่อนกำหนดงั้นหรือ” บิดาเอ่ยถาม
ชาลิสาพูดตอบ “ค่ะ ตอนแรกก็หาทำเลอยู่ แต่เจอถูกใจก็เลยซื้อเอาไว้เลยค่ะ”
“แล้วลูกเปิดร้านอะไรล่ะ” ชลรินดาถามขึ้น
“ร้านขนมเค้กค่ะ” ชาลิสาพูดด้วยใบหน้าและแววตาที่มีความสุข แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่คุยเรื่องงานแต่งงาน ทั้งสองยิ่งได้ฟังก็ตกใจเข้าไปใหญ่ จบการบริหารธุรกิจการโรงแรมจากต่างประเทศแต่มาเปิดร้านขนมเค้ก
“แล้วทำไมกลับมาไม่บอกพ่อล่ะ”
“ก็ลิสาอยากจะลองทำอะไรใหม่ ๆ ค่ะ อีกอย่างลิสาชอบทำขนมเค้กอยู่แล้วก็เลยคิดที่อยากจะเปิดร้าน”
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างยอมรับ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วลิสาขอไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวพูดจบแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินออกไป เธอไม่จำเป็นต้องง้ออธิพัฒน์เดชากร
หากแต่งงานแล้วอย่างน้อยก็มีที่ทำงาน ดีกว่าโดนดูถูกเหยียดหยามว่าแต่งงานเพราะเงิน คนอย่างเธอไม่มีทางหรอกที่จะให้ใครมาดูถูกแน่นอน !
ปึก ! !
เสียงโยนเอกสารลงบนโต๊ะ ภูวดลเอนศีรษะพิงกับเก้าอี้ทำงาน เขาต้องแต่งงานจริงๆ หรือ ยิ่งเมื่อตอนเช้าแม่ของเขาโทรมานัดว่าตอนเย็นให้เข้ามาดูตัวเจ้าสาวแล้ว...ไม่อยากจะไปเลย
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง สายตาของเขากวาดอ่านบทความบนเอกสารแล้วแสยะยิ้มออกมา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของเลขาสาวของเขา เธอเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าและแววตาที่เคร่งเครียด
“มีอะไรชนาภา” เขาเอ่ยถามขึ้น เมื่อมองสีหน้าของเลขา
“นายท่านโทรมาบอกเจ้านายว่า ถ้าเย็นนี้เจ้านายไม่มาก็จะถูกตัดออกจากบริษัทค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเจ้านายเป็นลูกชายคนเดียว แต่ท่านบอกว่าจะทำค่ะ” เมื่อคนฟังได้ยินถึงกับอึ้งทันที
“ขอบใจมาก เธอไปทำงานต่อเถอะ” เมื่อเขาพูดจบเธอเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแต่ภูวดลที่นั่งเครียด บิดาไม่โทรมาหาเขาโดยตรงเพราะรู้ว่าต้องไม่รับ เลยโทรเข้าหาเลขาแทน ทำไมถึงอยากให้แต่งงานขนาดนี้ ?!
ปิ้งป่อง !
เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น หญิงสาวก้าวเข้ามาในร้าน กลิ่นอายเค้กที่หอมโชยได้แตะปลายจมูก เธอเดินเข้าไปหลังร้านก่อนวางของลงบนโต๊ะ
“มณเมื่อวานลูกค้าเข้าเยอะไหม” ชาลิสาถามพลางหยิบของจัดเก็บ
“เยอะค่ะพี่ลิสา แต่ก็ยังน้อยกว่าวันแรก ๆ นิดหน่อย” พรรณรมณตอบแล้วก้มหน้าเช็ดทำความสะอาดโต๊ะต่อ ก่อนจะเดินมายังเตาอบเค้กเพื่อใส่เค้กเข้าไปอบ ส่วนชาลิสาได้เดินไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาเตรียมของทำ เลมอนเค้ก
“จริงสิ แล้ววันนี้มณไม่ไปเรียนเหรอ” ชาลิสาหันมาถาม ในขณะที่มือของเธอกำลังวัดตวงแป้งอยู่
“วันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ” พรรณรมณตอบ
พรรณรมณอายุเพียงแค่ 22 ปี ทีแรกเธอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อ เพราะค่ารักษาของบิดาเธอที่เป็นโรคหัวใจวายซึ่งแพงเหลือกำลังที่เธอจะจ่าย และแม่ของเธอยังติดพนันเสียอีก แต่โชคดีที่เจอกับชาลิสาเข้าโดยบังเอิญ จึงชวนเธอมาช่วยทำงานที่ร้าน อีกทั้งชาลิสายังช่วยออกค่ารักษาล่วงหน้าให้พ่อของเธออีก ช่างเป็นโชคดีของเธอ แต่ว่าหนี้พนันของนี่สิ มันแพงเกินที่เธอจะจ่าย
พรรณรมณได้แต่คิดแล้วถอนหายใจออกมา
เค้กบราวนี่ถูกส่งเข้าในเตาอบ ชาลิสามองเวลาเพื่อตั้งค่าเตรียมอบเค้ก แต่ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างทันที เมื่อมองเวลาอย่างตกใจ
บ่ายสี่โมงแล้ว !! ตายล่ะ ลืมไปสนิทเลยว่าคุณพ่อ คุณแม่นัดเอาไว้
“พี่ลิสาเป็นอะไรหรือคะ” พรรณรมณเมื่อเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชาลิสามีสีหน้าที่ดูตกใจ เหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่าง
“เอ่อ...พี่มีนัดทานข้าวกับพ่อแม่น่ะ ทำงานจนลืมดูเวลาเลย”
“งั้นพี่ลิสารีบไปเถอะค่ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีค่ะ เดี๋ยวตรงนี้มณจัดการเองค่ะ” พรรณรมณพูดแล้วเดินเข้ามาเก็บของทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ทำเค้กในวันนี้
“งั้นเดี๋ยววันนี้พี่ฝากปิดร้านหน่อยนะ” ชาลิสาพูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบก่อนจะเดินจากไป
เสียงไวโอลินเบา ๆ ในร้านอาหารทำให้คนที่เดินเข้ามาต่างรู้สึกคลายความเครียดไปได้หมด ร่างระหงเดินเข้ามาพร้อมกับชุดเกาะอกสีดำสั้นเผยให้เห็นขาขาวที่ต้องตา ไหล่มนขาวของเธอถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมบางๆ แต่ก็ยังไม่สามารถปิดอกอวบได้จนหมด ชาลิสาเดินก้าวเข้ามา สายตาคู่หวานของเธอพลางกวาดมองโต๊ะก่อนจะเดินก้าวเข้าไป
“ขอโทษที่มาช้าค่ะ” ชาลิสาพูดขึ้น พลางดันเก้าอี้ออกเพื่อนั่งลง
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” สุชารัตน์พูดพลางสำรวจใบหน้างามของผู้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ พร้อมยิ้มกว้างด้วยความพอใจ เธอหวังว่าเจ้าลูกชายตัวแสบจะหยุดที่เพียงผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว
“ลิสา นี่คุณสหรัฐ เพื่อนของคุณพ่อ ส่วนท่านนี้ภรรยาคุณสหรัฐ ชื่อสุชารัตน์จ้ะ” ชลรินดาพูดแนะนำ หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไหว้ สหรัฐและสุชารัตน์จึงยกมือไหว้รับตอบ
“นี่คุณ ตาดลมาถึงหรือยัง ? เลยเวลาแล้วนะ” สุชารัตน์หันไปถามผู้เป็นสามี คนเป็นสามีได้แต่มองหน้าแล้วส่ายหน้ากลับมา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะมา นั่น ! พูดถึงก็มา” เมื่อสหรัฐพูดจบทุกคนต่างพากันหันไปมองเหลือเพียงแต่ชาลิสาที่ยังคงนั่งนิ่งเล่นเฟซบุ๊กในโทรศัพท์โดยไม่คิดที่จะหันไปมองร่างสูงในชุดสูททำงานเดินเข้ามา ใบหน้าคมคายราวกับรูปสลัก จมูกโด่งรับพอดีกับริมฝีปากเรียวบาง
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะนั่งลง
ชาลิสาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นใบหน้าที่เธอคุ้นเคย ใบหน้าที่เธอไม่มีวันลืม สายตาคู่นี้และใบหน้าของคนที่เคยทำร้ายหัวใจของเธอแทบไม่เหลือ
รุ่นพี่ !
เรื่องนี้มีฉบับอบุ๊คใน ธัญวลัยเเล้วนะคะ กดซื้อที่โปรไฟล์นักเขียนได้เลยจ้า
