บทที่ 14
เมื่อเครื่องบินเที่ยวที่นายแบบหนุ่มและผู้จัดการหนุ่มแลนดิ้งลงสนามบินสุวรรณภูมิ บรรดานักข่าวสายบันเทิงรวมถึงแฟนคลับมากมาย กรูเข้าหานายแบบหนุ่มเพื่อมอบของที่ระลึก รวมถึงถ่ายรูปกับนายแบบหนุ่มอย่างหนาแน่นนับร้อยชีวิต ได้สร้างความสุขเรียกรอยยิ้มสวยจากนายแบบหนุ่มได้อย่างมาก หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์นักข่าว ร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่สายการบินที่วาโดยสารมาต่างมาอำนวยความสะดวกแก่เขาจนมาถึงรถยนต์ประจำตัวที่มีแฟนหนุ่มเป็นขับรถมารับถึงที่ เนื่องด้วยเขาได้บอกแฟนหนุ่มว่าไม่ต้องเข้าไปรับด้านในเพราะมีแฟนคลับมาต้อนรับจำนวนมาก แฟนหนุ่มจึงทำได้เพียงนั่งรออยู่ในรถยนต์หน้าประตูทางออกของสนามบินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั๊ยครับ คุณวายุ"
"เรียบร้อยดีครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ที่มาส่งวายุถึงรถยนต์ครับ" เขากล่าวพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่สนามบินอย่างนอบน้อมก่อนจะปิดประตูรถยนต์ โดยมีนะ ผู้จัดการหนุ่มและเจ้าหน้าที่บางคนช่วยกันหิ้วสัมภาระขึ้นรถให้
"เหนื่อยมั๊ยครับวา"
"เหนื่อยนิดหน่อยครับ ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ วาคิดถึงธีร์นะครับ" นายแบบหนุ่มกล่าวพร้อมยื่นปากสวยเข้าไปหอมแก้มแฟนหนุ่มด้วยความคิดถึง
"ผมก็คิดถึงคุณครับวา" ชายหนุ่มก็กอดตอบเขาแล้วหอมแก้มนวลฟอดใหญ่
"พอได้แล้วมั้งครับ อิจฉานะเนี่ย ถ้าน้องกันต์อยู่นี่ด้วยผมจะไม่ว่าอะไรเลย 5555" คำพูดของนะ ทำให้คนทั้งคู่เกิดอาการเขินอายจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะขับรถออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปที่บ้านพักทันที
รถยนต์มาจอดถึงหน้าบ้านพักของวายุ ได้มีเด็กหนุ่มมายืนรออยู่หน้าประตูคอยเปิดประตูบ้านให้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมายืนรอใครคนหนึ่งที่ตรงประตูด้านคนที่เด็กหนุ่มเฝ้ารอเตรียมจะเปิดประตูรถ ทันทีที่ผู้จัดการหนุ่มลงจากรถยนต์ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างออดอ้อน
"พี่นะผมคิดถึงพี่จังเลย รู้มั๊ยถ้าพี่มาช้ากว่านี้ ผมอาจจะขาดใจตายไปแล้วนะ" กันต์กอดคนตัวใหญ่ตรงหน้าแทบจะทันทีที่อีกคนก้าวลงจากรถยนต์
"พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน เป็นยังไงบ้างสบายดีมั๊ย ส่งไลน์มาก็ไม่เคยตอบเลยนะ ก่อนจะขาดใจตายพี่ขอผายปอดให้ก่อนแล้วกัน" คนตัวใหญ่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ ก่อนจะดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดแล้วประทับรอยจูบบนปากเล็กอย่างดูดดื่ม ขณะที่เด็กหนุ่มทำได้เพียงทุบอกคนตัวใหญ่เบาๆ เพื่อเป็นการเตือนว่า ต้นเองนั้นเริ่มหายใจไม่ออก จนได้เสียงนายแบบหนุ่มช่วยชีวิตเอาไว้
"นะพอได้แล้วครับน้องเขาหายใจไม่ออกแล้วน่ะ..." เสียงเตือนของเขาได้ผลทำให้ผู้จัดการหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ ได้พบว่าคนตรงหน้าของเขาหายใจด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างแรง
"พี่นะผมเกือบตายแล้วมั๊ยล่ะ ดีนะที่พี่วาเขาเรียกไว้ไม่งั้นผมคงตายอย่างมีความสุขคาปากพี่แน่ๆ รู้ว่าคิดถึงน่ะ แต่ก็รอก่อนสิอีกอย่างต่อหน้าพี่ๆ เขาด้วยผมอายนะครับ" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเขินอายพลางกอดแขนคนตัวใหญ่
"พี่ขอโทษนะครับ ก็พี่คิดถึงเราจริงๆ นี่ คิดถึงมากด้วย พี่จะรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะนอนกอดให้หายคิดถึงเลย" คนตัวใหญ่กล่าวกับเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู หากฟังให้ดีจะรู้ว่าประโยคเหล่านั้นแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กๆ
"เลิกหวานกันได้แล้ว เก็บของเข้าบ้านก่อนครับคุณผู้จัดการ น้องกันต์ครับ" คนทั้งสองไม่โต้ตอบกลับยิ้มอย่างเขินอายแทน ก่อนช่วยกันขนของจากท้ายรถเข้าบ้าน
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
"จี๊ดได้ข่าวว่าพี่ไปปารีสมาเหรอ ทำไมไม่บอกจี๊ด เห็นว่าไปเจอไอ้นายแบบนั่นมันด้วยใช่มั๊ย เห็นถ่ายรูปกันสวีทหวานกันเลยนี่คะ พี่ลืมไปแล้วหรอ ว่ามันทำอะไรไว้กับจี๊ดบ้าง มันแย่งคนของจี๊ดไปพี่ก็รู้?" น้องสาวพล่ามใส่พี่ชายเป็นชุด ทำให้อีกฝ่ายมีอาการตกใจขณะที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ก่อนที่พี่ชายของเขาจะสั่งหยุด
"ฟังพี่ก่อนได้มั๊ย ให้พี่ได้พูดบ้าง พี่ไปทำธุระ พี่ไม่ได้ไปเที่ยวแต่ด้วยความบังเอิญที่คุณวายุเขาไปเดินแบบที่นั่นพอดี พี่จึงถือโอกาสพาเขากับผู้จัดการส่วนตัวเที่ยวนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง จะโวยวายทำไมมันใช่เรื่องมั๊ย"
"ใช่ค่ะ ก็เล่นซื้อเครื่องเพชรสั่งทำพิเศษเป็นช่อดอกไม้ราคาเกือบพันล้านให้กับมัน จะไม่ให้เป็นเรื่องเลยคงไม่ได้หรอกค่ะ น้องสาวตัวเองตาดำๆ พี่เคยซื้ออะไรให้แบบนี้บ้างมั๊ย"
"เคยสิ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จี๊ดใช้อยู่ทุกวันนี้มันเป็นเงินจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของพี่ จี๊ดจะมาพูดแบบนี้ไม่ได้เคยคิดบ้างมั๊ยวันๆ ใช้เงินไปเท่าไหร่เคยรู้บ้างมั๊ย... ไม่ต่ำกว่าล้านบาท จี๊ดใช้เงินยังไง ถึงบ้านเราจะมีเงิน มีฐานะแต่การใช้จ่ายของจี๊ดมันเกินไป นับจากนี้พี่ว่าพี่ต้องจัดสรรการใช้เงินของจี๊ดใหม่แล้วล่ะ พี่คงปล่อยให้จี๊ดใช้เงินตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว พี่ตามใจเรามาเยอะจนเสียนิสัย ต่อจากนี้พี่จะให้เงินเราใช้เป็นรายเดือนๆ ละ 100,000 บาทเท่านั้น ไปจะจัดสรรเอาเองว่าจะใช้ยังไงให้พอครบเดือนเข้าใจตามนี้นะ เชิญ.. พี่จะพักผ่อน!" น้ำเสียงของพี่ชายเขาเต็มไปด้วยความเด็ดขาด ทำให้ผู้เป็นน้องสาวรับกับสิ่งที่ได้ฟังไม่ได้จึงส่งเสียงกรี๊ดลั่นห้อง
กรี๊ดดด!!...
"หยุด!! อย่าทำกริยาแบบนี้กับพี่ พี่ชายคนเดิมได้ตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงพี่ชายคนใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงน้องสาวให้ดีขึ้นออกไปจากห้องพี่เดี๋ยวนี้พี่จะพักผ่อน” เมื่อน้องสาวได้ฟังคำสั่งของพี่ชายจนจบก็รู้สึกโกรธพี่ชายมาก เตรียมจะส่งเสียงกรี๊ดอีกครั้งแต่ถูกนิ้วเพชฌฆาตชี้มาที่เธอ จึงเงียบลงก่อนจะพูดทิ้งท้ายบางอย่างกับพี่ชาย
"ได้พี่ทำแบบนี้กับจี๊ด เราคงจะได้เห็นดีกัน อีคนต้นเหตุมันต้องได้รับโทษอย่างสาสม" เมื่อทางฝ่ายพี่ชายได้ยินเช่นนั้น จึงรีบลุกไปคว้าข้อแขนน้องสาวไว้แน่น
"จะทำอะไร พี่บอกไว้ก่อนเลยนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณวายุ มันเป็นเรื่องระหว่างพี่กับเราเท่านั้น ถ้าพี่ได้ยินข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณวายุล่ะก็ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน!" เธอฟังพี่ชายไม่ทันจบก็สลัดแขนหวังเพื่อให้มือใหญ่หลุดจากข้อแขนของตนก่อนจะเดินกระแทกเท้ากลับห้องนอนของเขา เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มคิดทบทวนถึงคำพูดของน้องสาวของตนซ้ำไปซ้ำมาเกิดความไม่สบายใจ เลยหยิบโทรศัพท์โทรไปหาลูกน้องคนสนิททันที
"ตอนนี้คนของเราที่มีฝีมือดีมีกี่คน"
"12 คนครับนายมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"เราคิดว่าตอนนี้คุณวายุคงจะไม่ปลอดภัย เพราะน้องจี๊ดคงต้องทำอะไรบางอย่างกับเขาแน่ เราอยากให้ช่วยส่งคนไปดูแลคุณวายุสัก 3 คนได้มั๊ย"
"ได้ครับนายเดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปคุ้มครองคุณวายุเดี๋ยวนี้ครับ"
"เราขอบใจมากนะ แต่หากเป็นไปได้ช่วยดูแลเขาไปตลอดจนกว่า น้องสาวของเราจะเปลี่ยนเป้าหมาย"
"ผมจะให้คนคอยดูแลคุณวายุเป็นอย่างดีครับนาย" เมื่อมาเฟียหนุ่มสนทนากับลูกน้องคนสนิทเรียบร้อย จึงต่อสายไปหานายแบบหนุ่มเป้าหมายของน้องสาวของตนทันที
ณ บ้านนายแบบหนุ่มพราวเสน่ห์
ขณะที่คนทั้งสี่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่างหยอกล้อเล่นกันจนบรรยากาศการรับประทานอาหาร อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรัก ทันใดนั้นบรรยากาศได้เข้าสู่โหมดสงบนิ่งลงเนื่องจากโทรศัพท์ของนายแบบหนุ่มมีสายคุ้นเคยโทรเข้า ก่อนที่เขาจะขอตัวจากแฟนหนุ่มเพื่อรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไปทางหน้าบ้าน ทำให้ข้าราชการหนุ่มแฟนของเขารู้สึกแปลกใจกับการกระทำของเขาในครั้งนี้ ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาวาไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้
"สวัสดีครับปอ มีอะไรหรือเปล่าครับ พอดีวากำลังทานข้าวอยู่ครับ"
"ผมต้องขอโทษวาด้วยนะครับ พอดีผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ........." มาเฟียหนุ่มเล่าถึงเหตุการณ์และคำพูดของน้องสาว ให้เขาฟังจนหมด โดยไม่ลืมบอกถึงเรื่องการจะส่งคนมาช่วยดูแลเขาด้วยเมื่อเขาได้ฟังก็รู้สึกตกใจ
"ถึงยังไงวาต้องขอบคุณปอมากนะครับ ที่จะส่งคนมาดูแลวา"
"ด้วยความยินดีครับวา ไม่เกินอีกครึ่งชั่วโมงคนของผมจะไปถึงที่บ้านนะครับ ผมไม่รบกวนคุณละทานอาหารให้อร่อยนะครับ"
"ขอบคุณครับ" เมื่อเขาสนทนากับปลายสายเสร็จสิ้น เขาจึงกดวางสายกำลังจะเดินเข้าบ้านเพื่อทานอาหารต่อแต่ก็พบกับแฟนหนุ่มเสียก่อน
"มีอะไรเหรอครับธีร์ วาคุยโทรศัพท์แป๊บเองเดียวต้องออกมาตามเลยเหรอครับ" เขากล่าวด้วยท่าทีเชิงหยอกเล่นกับแฟนหนุ่มอย่างน่ารัก แฟนหนุ่มของวากลับมีสีหน้าเคร่งขรึมใส่
"ผมไม่ได้ออกมาตามคุณ ที่ผมออกมาเพื่อจะถามคุณว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"เดี๋ยวครับ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร วาไม่เข้าใจ" เขามีสีหน้างุนงงกับคำพูดของแฟนหนุ่มอย่างมาก
"แล้วมันคืออะไรหรอครับ ที่ออกมาคุยโทรศัพท์นานสองนาน ปกติก็รับโทรศัพท์ต่อหน้าผมทุกครั้งมาวันนี้กลับทำลับๆล่อๆ จะให้ผมเข้าใจว่าอะไร ผมสังเกตหลายครั้งแล้ว คุณกำลังทำอะไรของคุณอยู่"
"ก็ไม่มีอะไรนี่ครับหรือว่าคุณกำลังสงสัยว่าวามีคนอื่น หากคุณคิดแบบนั้นแปลว่าคุณกำลังดูถูกความรักของวาที่มีต่อคุณอยู่นะครับ ธีร์ฟังวานะ ที่วาออกมาคุยโทรศัพท์ด้านนอกเพราะวาเห็นว่าทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกอย่างก็เป็นสายสำคัญในเรื่องงาน วาไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปฟังใครมา คุณไปเห็นอะไรมายังไง แต่ขอบอกเลยเรื่องการมีคนอื่นไม่เคยอยู่ในหัวสมองของวาเลย ถ้าวาจะมีใครจริงๆ ก็คงมีไปนานแล้วครับไม่รอจนถึงวันนี้หรอก มันเสียเวลาครับ"
"สายสำคัญ สำคัญยังไงทำไมถึงต้องออกมาคุยข้างนอก...”
"สำคัญยังไงน่ะเหรอครับ ก็สำคัญตรงที่ว่ากำลังมีใครสักคนส่งคนมาฆ่าวาไงครับ ปอเลยเสนอว่าอยากจะส่งคนมาคุ้มครองวายังไง สำคัญพอมั๊ยครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ววาขอตัวเข้าบ้านก่อนนะ" วากล่าวทั้งน้ำตาปนความน้อยใจแฟนหนุ่ม ถึงเรื่องความเป็นความตายของเขา ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้แฟนหนุ่มยืนตกใจสิ่งที่ได้ยินอยู่เป็นเวลานาน ขณะเดียวกันนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านได้ดังขึ้น
