บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แย่งชิง

ระยะเวลาเดินทางนั้น หลิวชิงทำได้แต่เพียงนั่งอยู่ในรถม้าที่แสนจะอุดอู้ยิ่งนัก นางอยากจะออกไปควบม้าชื่นชมบรรยากาศทิวทัศน์สองข้างทาง อีกทั้งยังอยากจะชมความงามของสตรีอีกด้วย

นางเติบโตท่ามกลางเหล่าบุรุษทั้งหลาย ดังนั้นนิสัยของนางมิได้อ่อนหวานสักนิด ติดแต่จะห้วนห้าวเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งคำพูดของนางก็ช่างไร้เล่ห์มารยาอย่างสตรีในเมืองหลวง

บางครั้งองค์ชายสามกลับคิดว่าหากนางแต่งเป็นหนึ่งในชายาของเขา จวนของเขาคงจะลุกเป็นไฟแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงได้พยายามเอ่ยกับนางว่าให้เรียบร้อยอ่อนหวานเพื่อเป็นสตรีที่ดีของเขา

แต่คำตอบกลับได้แต่เพียง ‘ท่านฝันเฟื่องหรือไม่ ข้าก็บอกกี่ครั้งแล้วว่า มิใช่ท่าน ทำไมไม่เชื่อข้าบ้าง’ องค์ชายสามก็อดจะท้อแท้มิได้ จึงได้ล้มเลิกความหวังที่จะครอบครองนาง

รอเพียงยามนางคลอดเด็กออกมา ยามนั้นจะได้พิสูจน์กันไปเลย ว่าใครกันแน่ที่เป็นบิดาของเจ้าก้อนแป้งกัน

กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงก็ใช้เวลาล่วงเลยเดือนกว่า เพราะว่าอาการแพ้ท้องของนางนั้นรุนแรงไม่เบา แม้ว่าจะพยายามเพียงใดก็ยังอาเจียนอยู่ทุกครั้ง

เมืองหลวง

ท้องพระโรงที่ใช้สำหรับประชุมบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ วันนี้ท่านแม่ทัพกลับถึงเมืองหลวง นางจึงได้เข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลรายงานต่อฝ่าบาท

เพื่อให้ทราบว่า ยามที่นางอยู่ประจำที่แดนใต้นั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง มิได้เกี่ยวกับท้องของนางที่ใหญ่โตผิดปกติ

เก้าอี้ไม้เนื้อดีมีเบาะรองนั่งทำขึ้นเพื่อให้สตรีเพียงหนึ่งเดียว ในราชสำนักตอนนี้ได้กล่าวรายงาน บรรดาขุนนางที่หัวโบราณคร่ำครึนั่น เอ่ยปากขอให้ฮ่องเต้ทรงปลดท่านแม่ทัพออกจากตำแหน่งเสีย

ปัง!! เสียงพระหัตถ์ของฮ่องเต้ตบลงที่โต๊ะทรงงานอย่างรุนแรง เนื่องด้วยว่าเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นมีโทสะไม่น้อย ที่เห็นเหล่าขุนนางแก่ชราเอ่ยปากต่อว่าสตรีที่เสียสละตนเอง

เพื่อบ้านเมืองให้อยู่อย่างสงบสุข อีกทั้งนางยังเป็นหลานรักของพระองค์อีกด้วย ดังนั้นพระองค์จึงยอมไม่ได้

“หากพวกเจ้าอยากจะปลดท่านแม่ทัพหยางออกจากตำแหน่ง เจิ้นยินดี เพียงแต่ส่งบุตรี และบุตรชายของพวกท่านไปแทนนางก็แล้วกัน

ดูสิว่าจะทำได้อย่างที่ปากพล่อย ๆ ของพวกเจ้าเอ่ยต่อว่านางหรือไม่!!” สุรเสียงที่เคร่งเครียด พร้อมกับดวงพระเนตรนั้นหาได้โอบอ้อมอารีกับบรรดาขุนนางแก่ชราไม่

“กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ท่านแม่ทัพกระทำตัวผิดจารีตประเพณีอันดีงาม หากสตรีเห็นว่านางเป็นตัวอย่าง แล้วเกิดทำตามขึ้นมาจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทหม่อมฉันขอกราบทูลว่าการที่ หม่อมฉันตั้งครรภ์นั้นผิดประการใดเพคะ” นางกราบทูลท่านลุงฮ่องเต้ แต่ทว่าสายตาของนางจดจ้องกับบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ ราวกับจะฉีกร่างพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ

“เจ้าก้อนแป้งในท้องของข้าก็มิได้เกี่ยวกับบิดาฝ่ายไหน ของพวกท่านไม่ อีกอย่างนี่มันท้องของข้าหาได้หนักหัวใครไม่” น้ำเสียงของนางดูจะไม่พอใจ แต่ทว่าดวงตาของนางยากจะคาดเดานัก

นางอยากจะต่อว่าให้รุนแรงกว่านี้เกรงว่าท่านลุงฮ่องเต้ของนางจะรับไม่ได้ที่นางพูดจาขวานผ่าซากเกรงว่าจะปวดศีรษะกับนาง

จะให้นางพูดจาอ่อนหวานได้อย่างไร ก็นางอยู่ในสนามรบมีแต่บุรุษ อีกทั้งยังมีแต่ความจริงใจ

แต่ขุนนางเหล่านี้กลับพูดด้วยถ้อยคำที่หวานหอมแต่น้ำใจของพวกเขานั้นกลับเชือดอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น

เรียกได้ว่าฆ่ากันทางอ้อมก็ได้หากมีโอกาส ขุนนางพวกนี้ย่อมจะหันดาบใส่กันและกัน เจ้าพวกขุนนางจอมเจ้าเล่ห์เพทุบาย คงจะต้องมีสักวันที่นางจะได้ตัดหัวของพวกมันเป็นแน่

“อีกอย่างท่านขุนนางเกา ข้าก็มิได้ไปเลี้ยงลูกบนหัวบิดาใคร พวกท่านจะยุ่งเรื่องของข้าไปทำไมกัน ลูกก็ลูกของข้า หาใช่ลูกของบิดาพวกท่านไม่” หลิวชิงมิได้แยแสสักนิด

ตำแหน่งของนางก็มีใช่กระจอกให้ใครดูถูกดูแคลนนาง

“สามหาวนัก เจ้า เจ้า นังเด็กเมื่อวานซืนไม่รู้ที่สูงที่ต่ำบังอาจยิ่ง” ขุนนางชราผู้นี้ถูกนางถอนหงอกเข้าให้แล้ว

ใบหน้าชรากลับหน้าแดงหน้าดำไปด้วยความโกรธ ที่ถูกสตรีรุ่นลูกถอนหงอกกลางห้องประชุมเช่นนี้

บางคนก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกุนซือ ท่านรอง รวมถึงท่านอ๋อง และองค์ชาย ต่างพากันกลั้นหัวเราะแทบจะไม่ไหว

พวกเขาก็ถูกนางก่นด่าเช่นนี้ทุกวันที่ไปยุ่งกับท้องของนาง ขุนนางเกาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย มีหวังโดนเล่นงานแน่ ๆ ที่กล้าไปยุ่งหลานรักของฮ่องเต้แห่งแคว้น

“บังอาจ!! อยู่ต่อหน้าเจิ้น เจ้ากระทำตัวมิรู้ที่ต่ำ ที่สูงหรืออย่างไร ท่านขุนนางเกา!!” สุรเสียงนั้นดูท่าจะไม่พอใจยิ่งที่เห็นว่าขุนนางผู้นี้มิล้มเลิกต่อว่านางเสียที

“นั่นไง เอาแล้ว” ท่านอ๋องเอ่ยขึ้นกับองค์ชายสาม พวกเขารู้ดี ว่านางสำคัญเช่นไร เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับหลานสาวของบิดาเขา

“ข้าว่าคงจะอยู่ยากแล้วล่ะทีนี้” สองพี่น้องกระซิบกระซาบกัน แต่ทว่าคนทำให้ท่านกุนซือหน้าถอดสีไม่น้อย

“ราชโองการ แต่งตั้งขุนนางเกา” ฮ่องเต้คิดจะเล่นงานขุนนางผู้นี้แล้ว

จึงได้กระซิบกงกงให้หยิบม้วนราชโองการที่พระองค์ทรงจรดมือเขียนอักษรทั้งหลาย ไม่ถึงอึดใจก็ให้กงกงชราเอ่ยราชโองการแก่ขุนนางผู้สามหาว

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขุนนางเกาก้มลงรับราชโองการด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เมื่อคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว

“ขุนนางเกามีความรู้ ความสามารถมากมาย อีกทั้งยังเก่งกล้าทัดเทียมกับท่านแม่ทัพหยางที่จับดาบออกศึกมานานหลายปี บัดนี้มีกลุ่มโจรป่า แดนเหนือออกอาละวาด

ให้ขุนนางเกาและทหารอีกสามสิบนายไปปราบกองโจร อีกทั้งคุณชายเกาและคุณหนูเกา ร่วมเดินทางช่วยเหลือบิดาในครั้งนี้ด้วย จบราชโองการ” กงกงชราถ่ายทอดราชโองการม้วนสีทองเหลืองอร่าม ด้านหลังปักลายมังกรเอาไว้อย่างงดงาม

ขุนนางเกาล้มทั้งยืนตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองถูกเล่นงานเข้าให้ ขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างเกรงกลัวพระอาญาไม่น้อย เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฮ่องเต้นั้นทรงเอ็นดูท่านแม่ทัพหยางขนาดไหน ไหนเลยจะกล้ารายงานเรื่องไร้สาระนี้ได้

พวกเขาเก็บปาก เอาไว้กินข้าวดีกว่าถูกส่งให้ไปปราบโจรเหมือนขุนนางเกา ผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแต่ดันพาลูกซวยไปด้วย ก็เพราะปากพล่อย ๆ เช่นนี้ จะมีใครหน้าไหนเอ่ยทัดทานขึ้นอีกเมื่อเห็นว่านั่นคือบทเรียนราคาแพง และไม่อาจจะมีชีวิตรอดกลับมา

“แม่ทัพหยางกลับมาเหนื่อย ๆ ก็ไปพักผ่อนเถิด หากว่างเมื่อไหร่ก็ให้มาหาเจิ้นบ้าง” ฮ่องเต้เอ็นดูนางมาก นางก็เป็นเหมือนหลานสาวของพระองค์

บิดาของนางและเขานั้นสนิทสนมกันดี ร่วมฝ่าฟันกันมาหลายปีกว่าจะอยู่อย่างร่มเย็นนั้นก็ใช้เวลานานมากโขยามเมื่อนางเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ น่ารักก็ยังมานั่งตักของเขาอยู่บ่อยครั้ง

“เพคะ ฝ่าบาท” หลิวชิงระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยอบกาย แล้วจากมาหลังจากจบการประชุมในวันนี้ เพียงแค่นางระบายยิ้มเล็กน้อย หาได้อารมณ์ดีไม่ เจ้าพวกนี้ก็ตามนางไม่เลิกรา

“ข้าจะไปอยู่ที่จวนกับเจ้า” อ๋องโจวรีบเอ่ยขึ้นคนแรก เขาจะไม่ยอมปล่อยภรรยากับลูกอยู่ตามลำพัง ในตระกูลของหลิวชิงนั้นหามีสตรีไม่

สตรีพวกนั้นต่างก็อยู่ที่อารามหรือไม่ก็กลับไปอยู่ตระกูลเดิมของพวกนาง ด้วยเพราะท่านแม่ทัพหยางนั้นจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หลงเหลือเพียงบุตรีคนเดียว

“ข้าด้วย” องค์ชายสามปากบอกว่าจะรอให้นางคลอดเสียก่อน แต่เมื่อเห็นพี่ชายที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอม เช่นนั้นเขาจะยอมได้อย่างไรกัน

คืนนั้นเขาปีนเตียงนางนอนอยู่ครู่ใหญ่ เขาไม่รู้ว่าตนเองได้กระทำอะไรลงไปหรือไม่ ด้วยความเมามายในสุราที่หวานชื่นใจ แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรง ทำให้มึนเมาไม่รู้ตัว

“ข้าด้วย” กุนซือรีบเอ่ยขึ้นอีกคน แต่ท่านรองแม่ทัพกลับไม่กล้าเอ่ยปากขอไปอยู่ที่จวนเกรงว่าจะสร้างความรำคาญให้นาง

“พวกท่านหยุดสักทีได้หรือไม่ รำคาญนัก ไสหัวไปให้หมด อย่ามาวุ่นวายกับข้า” หลิวชิงไม่เข้าใจพวกเขาสักนิด

เหตุใดนางพยายามบอกกี่ครั้ง กี่หนว่าไม่ใช่ลูกของพวกเขา แต่ก็ยังตามราวีนางไม่เลิกสักที หรือว่านางทำอะไรไม่กระจ่างกันแน่ คืนนั้นพวกเขาก็พากันปีนเตียงนาง นางก็ถีบลงทุกคน ยกเว้นเพียงเขาคนนั้น ที่ถีบลงไปไม่รู้กี่ครั้งก็ขึ้นมานอนจนได้

เขายังจูบนางอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย นางหรือจะปล่อยไปในเมื่อเขาจูบนาง นางก็จูบตอบไม่คิดที่จะเสียเปรียบแม้แต่น้อยนิดแต่ที่ไหนได้ที่ไม่ยอมเขา แต่นางกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียตัวให้เขาเสียนี่ แถมยังฝากเจ้าก้อนแป้งทั้งสองไว้ในท้องนางอีกด้วย

“ข้าบอกพวกท่านแล้วอย่างไร ว่าลูกของข้าหาใช่ของพวกท่านไม่ ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเล่า มีใครจำได้ว่า จูบข้า นอนกับข้า มีหรือไม่” คนท้องเริ่มโมโห

“มี ข้าจูบเจ้า” อ๋องโจวเอ่ยขึ้นทันควัน คืนนั้นเขาจูบนางแล้วก็จำอะไรไม่ได้

“ท่านละเมอ” หลิวชิงตัดบทไป ใช่เขาจูบนาง แต่จูบที่แก้มมิใช่ที่ปาก หลังจากนั้นเขาก็หลับไปนางก็ถีบเขาลงไปนอนข้างล่างเช่นเดิม

“ข้าขึ้นไปนอนบนเตียงกับเจ้ายันเช้า ข้าจำได้” องค์ชายสามผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

“ท่านจะบ้าหรือ นอนบนเตียงกับข้า แล้วจำได้หรือไม่ว่าทำอะไรข้าบ้าง ท่านจะจำได้อย่างไร นอนกรนเสียงดังขนาดนั้น” หลิวชิงระอาใจนัก บุรุษคนนั้นอุ้มนางไปที่ห้องของเขา แล้วก็ทำอะไรต่อมิอะไรไปหลายรอบ เป็นนางที่แอบย่องกลับมานอนที่ห้อง แถมคนพวกนี้ก็พากันปีนขึ้นเตียงนางมานอนอยู่ก่อนหน้าที่นางจะกลับมา

แล้วจะให้นางนอนที่พื้นหรือ ฝันไปเถอะเตียงของนาง นางก็จะนอน เช่นนั้นก็แค่ถีบเจ้าพวกหน้าด้านลงไปจากเตียงของนางให้หมด แต่พอลืมตาขึ้นมา ก็พบว่า คนพวกนี้ยังนอนอยู่บนเตียงของนางอีกเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าพากันปีนขึ้นมานอนตั้งแต่เมื่อไหร่

“แล้วใครเป็นพ่อของลูกในท้องเจ้า หลิวชิงเจ้ายอมบอกพวกข้ามาเถิด” อ๋องโจวเอ่ยขึ้น เขาอยากรู้จริง ๆ แต่เหมือนว่าทุกคนคงจะลืมใครไปหรือไม่ พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ออกตัวว่าเป็นบิดาของเจ้าก้อนแป้งในท้องนาง แต่หลงลืมใครไปบางคน

“ก็ได้ หากข้าบอกไปแล้ว พวกท่านก็เลิกรังควานข้าเสียที” หลิวชิงมิได้ยิ้มหรือชอบใจนัก สีหน้าของนางเย็นชาดุจน้ำแข็งพันปีก็ว่าได้ รูปโฉมของนางไม่ได้งดงามมากนัก ผิวพรรณของนางคล้ำแดดไม่น้อย

มือไม้ของนางก็หยาบกร้านเพราะจับแต่เหล็กกล้าเนื้อดีอยู่ทุกวัน หมั่นฝึกฝนแต่ติดที่ท้องนางจึงได้ลดลงไปเพื่อลูกในท้องของนางเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

“เร็วเข้า เป็นใครกัน” องค์ชายสามกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าเป็นตนเองแน่แท้

กุนซือ กับท่านรองนั้นลุ้นจนตัวโก่งว่าเป็นเขาหรือไม่ สีหน้าของแต่ละคนนั้นไม่ต่างกันสักนิด เหล่าบุรุษทั้งสี่คนยืนรอฟังข่าวดี ที่จะออกจากปากของนาง

“ก็ เป็นแค่ เจ้าลูกสุนัข ตัวหนึ่งก็เท่านั้น” จะเป็นลูกหมาลูกแมว ลูกมังกรก็ช่าง นางหาได้สนใจไม่

ยามนี้นางสนใจเพียงเจ้าก้อนน้อย ๆ ของนางที่จะลืมตาขึ้นอีกเพียงแค่ สี่เดือนเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel