ep1
รถสปอร์ตคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าตัวตึก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หนวดเคราขึ้นครึ้ม แววตาดุดัน และริมฝีปากเม้มสนิท เขาก้าวฉับๆ ขึ้นไปในตัวตึก พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รีบวิ่งไปที่รถแล้วขับไปเก็บในโรงจอดรถอย่างรวดเร็ว
“หายไปไหนกันหมด!”
เสียงคำรามลั่น บ่งบอกถึงภาวะอารมณ์ของชายผู้นี้เป็นอย่างดี ชั่วครู่ก็มีร่างของหญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบเฉย เพราะคุ้นเคยกับอารมณ์นี้
“ถ้าหมายถึงยัยกรอง รายนั้นยังไม่กลับค่ะคุณภูวิช”
ชายหนุ่มผู้นี้ชื่อภูวิช เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่กลับแบกรับความสัมพันธ์ทางครอบครัวไว้ได้ไม่ดีนัก ข่าวสังคมซุบซิบอยู่ตลอดเวลาว่าไม่นานเตียงวิวาห์ของเขาที่ผ่านมาไม่ถึงปีก็คงต้องแตกหักในวันใดวันหนึ่งแน่นอน
“พี่ทิพย์...เอ่อ..แล้วกรองเขาบอกหรือเปล่าครับว่าไปไหน?”
ภูวิชเสียงอ่อนลง เพราะน้ำทิพย์เป็นญาติผู้ใหญ่ของกรองทอง ภรรยาของเขาที่เธอพามาอยู่ด้วยในฐานะแม่บ้านคนหนึ่ง
“ไม่ได้บอกหรอกค่ะ ปกติเธอก็ไม่ได้บอกอยู่แล้ว”
น้ำทิพย์หันไปพยักหน้าให้เด็กที่แอบอยู่ที่มุมเสาให้ออกมาได้ เด็กรับใช้ถือถาดใส่แก้วน้ำ และน้ำส้มออกมาวางไว้ตรงโต๊ะรับแขก โดยภูวิชกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“พี่ทิพย์อย่าเพิ่งไปไหน อยู่คุยกับผมก่อน”
น้ำทิพย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามของชายหนุ่ม เธอเองก็มีเรื่องที่จะต้องบอกเขาเหมือนกัน
“ผมอยากให้พี่ทิพย์ ดูแลเข้มงวดกับกรองเขาหน่อย หมู่นี้เขาเที่ยวบ่อยจน....มีแต่คนเอาไปพูด”
“คุณภูก็น่าจะรู้นะคะ ว่าพี่เตือนได้ พูดได้ แต่ยัยกรองเขาไม่เคยฟัง”
ภูวิชถอนใจยาว กรองทองเป็นหญิงสาวที่เขาติดตาต้องใจเหมือนตกหลุมรัก เธอเองนั้นทีแรกก็ไม่ได้สนใจเขานัก เพราะเขาอายุมากกว่าเธอนับสิบปี เธอบอกว่าเขาแก่ แต่หลังจากนั้นไม่นานกรองทองก็เปลี่ยนใจและยอมแต่งงานกับเขาในที่สุด
“ผมผิดเองที่...แต่งงานกับเธอเร็วเกินไป เธออาจจะยังสนุกอยู่กับการใช้ชีวิต ผมควรจะทำยังไงดีนะ”
น้ำทิพย์นิ่งฟัง เพราะเธอเข็ดกับการให้คำปรึกษา เรื่องของผัวเมียควรจะเคลียร์กันเอง อีกอย่างกรองทองเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของสามีเธอเท่านั้น สามีเธอตาย เธอไม่มีที่ไป ก็ยังดีที่กรองทองชวนมาทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่
“พี่ทิพย์เงียบอีกแล้ว”
ภูวิชท้วงเพราะเห็นน้ำทิพย์เงียบเหมือนทุกครั้งที่เขานั่งปรึกษา เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแค่แม่บ้านหรือคนรับใช้ แต่นับถือเธอเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“พี่ก็ไม่รู้จะบอกยังไงนะคะ ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องของคนสองคน ต้องคุยกันเองค่ะ พี่ทำได้แค่รับฟัง”
“เขาชวนผมหย่า...พี่จะว่ายังไง”
ภูวิชถามออกไป ทำเอาน้ำทิพย์นิ่งงันไปครู่หนึ่ง หย่า...นั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องตกงานและกลับบ้านไปต่าง จังหวัด
“พี่เป็นแค่คนบ้านนอกค่ะ การหย่าร้างในครอบครัวของพี่น้อยมาก เพราะถ้ามีปัญหาเราก็จะประคับประคองให้มันผ่านไปให้ได้ อย่างน้อยพวกเราก็จะนึกถึงวันที่ลำบากมาด้วยกัน”
น้ำทิพย์ตัดสินใจพูดในสิ่งที่เธอรู้สึก แม้จะใจหายแปลกๆ เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตของเธอ เพราะชีวิตคู่ของเธอ..ไม่มีอีกแล้ว
“ครับ..ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ภูวิชค่อยๆ คลายความเครียดลงบ้าง มีคนรับฟัง มีคนให้ทำแนะนำบ้าง มันก็ทำให้เขามีกำลังใจขึ้น
“เอ่อ...คุณภูวิชคะ พี่มีเรื่องอยากรบกวน”
“อย่าเรียกว่ารบกวนสิครับ พี่มีอะไรให้ผมช่วย พี่บอกมาเลยครับ”
“ลูกสาวของพี่ เขาบอกจะเข้ามาเยี่ยมพี่ แล้วก็อยู่ด้วยสักระยะนะคะ”
“เด็กคนนั้นหรือเปล่าครับ ที่เดินตามพี่ทิพย์ในวันแต่งงานของผม”
“ค่ะลูกสาวพี่เพิ่งเรียนจบราชภัฎ เขาจะเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ ค่ะ”
“อ้อ...ดีครับ มาอยู่ที่นี่ได้เลย”
ภูวิชบอกอย่างใจดี แล้วพยายามนึกหน้าของเด็กคนนั้น แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เพราะในวันงาน มีคนมากมายเหลือเกิน
“ผมพยายามนึกหน้าแต่นึกยังไงก็ยังนึกไม่ออก รู้แต่ว่าลูกสาวพี่สวยมากนะครับ”
“ค่ะ..ยัยรินรู้คงดีใจที่คุณชม”
“ยัยริน....”
“ค่ะ...ลูกสาวพี่ ชื่อน้ำรินค่ะ”
******
เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นเพราะดัดแปลงเครื่องยนต์แล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังงาม หญิงสาวภายในรถค่อยๆ ลดกระจกลงแล้วจ้องมองด้วยความสนใจ ขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็ชะเง้อมองด้วยอีกคน
“หลังนี้แน่หรือริน?”
“น่าจะใช่นะ นี่ไง บ้านเลขที่ก็เหมือนกับที่แม่บอก”
หญิงสาวที่แต่งหน้าเข้มจนเกินอายุ กวาดสายตามองจนเจอกับบ้านเลขที่ที่ติดไว้มุมประตูรั้วหน้าบ้าน
“บีบแตรเลยไหม?”
“ไม่ๆ เดี๋ยวรินเดินเข้าไปเอง”
“โธ่....นี่จะไม่ให้ชัยเข้าไปด้วยหรือ?”
“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวแม่ว่า”
เธอหันไปคว้ากระเป๋าที่เบาะหลังรถ แล้วเปิดประตูลงจากรถทันที
“เดี๋ยวก่อนสิริน...นี่จะไม่ร่ำลากันเลยเหรอ”
เสียงท้วงด้วยน้ำเสียงละห้อยของชัยดังขึ้นอย่างเว้าวอน น้ำรินวางกระเป๋าลงแล้วผลุบเข้าไปในรถอีกครั้ง
“รินขอบคุณมากนะชัย ที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งรินถึงที่นี่ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ”
เด็กสาวยิ้มให้แฟนหนุ่ม ก่อนจะขยับตัวเพื่อจะออกจากรถ แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูก็ถูกมือของแฟนหนุ่มกระชากกลับเข้ามากอดเธอไว้ทั้งตัว
