บทที่เก้า : สูงส่งต่ำต้อย
บทที่เก้า
สูงส่งต่ำต้อย
......
อันใดเรียกว่าสูงส่ง
อันใดเรียกว่าต่ำต้อย
อันใดในโลกผู้ใดที่สูงส่งพอให้ตัดสิน
อันใดในโลกผู้ใดต่ำต้อยพอให้เหยียบย่ำ
.....
วันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่งลมเย็นๆ พัดผ่าน..... กลิ่นหอมของดอกบัวลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ในตอนนั้นสตรีที่ไม่เพียงมีรูปลักษณ์งดงามแต่พร้อมอีกด้วยใจที่โอบอ้อมอารี
เวลานี้ภาพสตรีที่อยู่เบื้องหน้าของหลู่เมิ่ง..... ที่เขามองเห็นกลับมิเหมือนเดิมอีกแล้ว นางมิต่างกับเทพธิดาเดินดิน ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ที่งดงาม หรือจะเป็นจิตใจที่ดีแท้ของนาง แต่เป็นเพราะในเวลานี้ นางกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก.....
อยู่ตรงหน้าแต่เอื้อมคว้าก็มิได้ หรือแม้นจะพูดคุยใจแท้ก็มิกล้าจะเอ่ยมันออกมาเสียสักประโยคหนึ่ง
หลู่มิ่งที่ยืนหลบมุมอยู่ยืนมองภาพของสตรีที่กำลังสั่งสอนเหล่าเด็กเล็กๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแววตาที่เมตตาของนาง รับรู้ได้แม้นแต่เขาที่ยืนอยู่ไกล....
และแววตานั้น รอยยิ้มเช่นนั้น เมื่อหวนกลับไป นางมักจะมอบมันให้กับเขาไม่ว่าเวลาใด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าเขาจะเฉยชาต่อนางเพียงใด คำพูดแม้นเพียงสักคำที่นางจะต่อว่าเขาไม่เคยจะมี เว้นเสียแต่วันนั้นที่ความสัมพันธ์ของเขากับนางได้ขาดสะบั้นลง.....
ภายในศาลาเหลียนฮวา
“เค่อหลง.... เจ้าทำผิดแล้ว” หยาเหยาเดินไปจับมือของ เค่อหลงเพื่อสอนเขาคัดอักษรให้ถูกตรง
“นาย.... นายหญิงตัวข้าน้อยสกปรก สกปรกขอรับ” เด็กน้อยพยามดึงกายออกห่า'
“หืม....? “หยาเหยาทวนคำซ้ำ
“ข้าน้อยต่ำต้อยเป็นเพียงทาสน้อยในเรือนครัว...... “เค่อหลงเอ่ย
หยาเหยายิ้ม.... นางลูบศีรษะของเค่อตัวอย่างเอ็นดู
“สิ่งใดเรียกว่าต่ำต้อยสิ่งใดเรียกว่าสูงส่ง..... หากนับกันที่ชาติกำเนิดแล้วผู้ใดเล่าเลือกเกิดได้บ้าง หากแต่ถ้านับกันที่หัวใจของคน เพียงคนผู้นั้นมีจิตใจที่ดี เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เด็กน้อยหากเจ้าขยันอดทนใฝ่รู้ วันหน้าใครจะรู้ว่าอาจจะเป็นตัวข้านี้ เรียกแทนตนว่าข้าน้อยกับเจ้าก็เป็นได้” หยาเหยาหยิกแก้มของเด็กน้อยคนนั้นอย่างเอ็นดู
คำพูดของหยาเหยาที่เอ่ยกับเด็กรับใช้ก้นครัวผู้นั้นทำให้หลู่เมิ่งใจเขาซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย ใจนางงดงามโดยแท้หาได้แสร้งทำต่อหน้าเขาเพียงเท่านั้นไม่!! มีแต่คนโง่เช่นเขาเท่านั้นที่มองไม่เห็น สตรีควรโลกอยู่ข้างกายกับไม่เห็นค่า ซ้ำยังเหยียบย้ำใจนางก็ปานนั้น ชาตินนี้นางคงจะไม่มีวันให้อภัยเขาเป็นแน่
ตกเย็นของวันนั้น
จวนเสนาบดีสกุลซื่อ
เรือนนอนของซื่อหยาเหยา
วันนี้นางได้ออกไปพบปะกับเด็กน้อยเหล่านั้น ทำใจจิตใจของนางเบิกกว้างขึ้นมาก คุณค่าของคนหาได้อยู่ที่ลมปากผู้อื่น ใช่ว่าคนทั้งโลกประณามว่าตัวนางไร้ค่า นางจะต้องไร้ค่าตามคำพูดของผู้อื่น ค่าของคนอยู่ที่ตัวทำ แม้นไม่สูงส่งเทียมฟ้า ไม่หมดจดปานผ้าขาว แต่ก็ใช่ว่าที่กระดำกระด้างจะชั่วช้าเสียที่ไหน
หยาเหยาวันนี้นางคิดตกแล้ว...... ชีวิตนางต้องเดินหน้า เผิงอวิ๋นมิได้ทำสิ่งใดผิด และหากนางรู้สึกผิดยิ่งนางทำเช่นนี้ มิใช่เพียงนางเท่านั้นที่ช้ำใจเผิงอวิ๋นก็มิได้ด้อยไปกว่านาง
นี้มิใช่ผิดแล้วผิดซ้ำ นอกจากไม่แก้ไขซ้ำยังทำผิดเพิ่ม..... ทำให้เผิงอวิ๋นผิดหวังกับนางมากขึ้นปีกหรอกหรือ ทำให้เผิงอวิ๋นต้องทุกข์เพราะนาง?? อีกครั้งและอีกครั้งเช่นนั้นหรือ
สิ้นความคิดภายในหัว..... หยาเหยานางไม่รอช้า นางรีบเดินไปสวมเสื้อคลุมโดยทันท
และในตอนที่นางเปิดประตูเรือนของนางออกไปนั้น..... บุคคลที่นางคิดถึงเขามาตลอดหลายวัน รวมถึงเมื่อครู่นี้ก็ด้วย บุรุษที่นางวางไม่ลง เขาก็ได้มาปรากฏกายอยู่ ณ เบื้องหน้าของนาง
“เผิง..... เผิงอวิ๋นเกอเกอ” หยาเหยาเอ่ยเสียงเบาหวิว ในตอนนี้นางทั้งดีใจทั้งตกใจ
ใบหน้าของบุรุษตรงหน้านางนั้น เขามอบรอยยิ้มที่อบอุ่นให้กับนาง
“ดึกแล้วยังจะออกไปที่ใดอีกหรือ? เหยาเหยาของพี่”
“ไปหาท่านเจ้าคะ.....” ชิงชิง เอ่ยแทรกขึ้นมา
ในตอนนั้นหยาเหยาที่ใบหน้าแดงกล่ำก็หันไป ขึงตาใส่ชิงชิงอย่างห้ามไม่ได้
“ใจเจ้า ใจข้า นับว่าเชื่อมกันอยู่ วันนี้พี่ก็หวังจะมาหาเจ้า พี่คิดถึงเจ้า เจ้าหลบหน้าพี่เสียก็หลายวันแล้ว นึกว่าเหยาเหยาจะมิยอมพบพี่แล้ว” เผิงอวิ๋นเอ่ย ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างยินดี
โปรดติดตามตอนต่อไป
