ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ

238.0K · จบแล้ว
Paizay
51
บท
89.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ไป๋เจิ้นหลงทายาทนักธุรกิจยักษ์ของจีนบินมาทำงานในไทยบังเอิญพบเจอกับหญิงสาวชนเผ่าคนหนึ่งเกิดตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่นิสัยเย่อหยิ่งเย็นชาลึกลับไป๋เจิ้นหลงจะเข้าใกล้เธอได้ไหมแต่แล้วเธอกลับกลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของไป๋เจิ้นหลงและเกิดเหตุการณ์ทำให้จิตของเธอข้ามภพชาติกลับไปผัมผัสเรื่องราวที่ในอดีตชาติ

นางเอกเก่งโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายเกมออนไลน์ข้ามมิติเกิดใหม่

ตอนที่1 การมาของท่านประธานไป๋

(1)(.)การมาเยือนของประธานใหญ่

" สนามบิน " เมืองไทย

หลังจากที่เครื่องบินลงจอดแล้วผู้คนต่างทยอยลงจากเครื่องเดินออกมายังลานผู้โดยสาร เพื่อไปตามเป้าหมายปลายทางของแต่ละคน

ท่ามกลางผู้คนมากมายมีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินออกมาช่างดูโดดเด่นสง่างาม

มีหนึ่งคนที่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่นท่าทางมีภูมิฐานแลดูงาม หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ผิวขาว จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ดวงตาคมดุจสายตาเหยี่ยว ให้ความรู้สึกลุ่มลึกน่าเกรงขาม สายตานั้นสามารถสะกดผู้คนให้หลงไหลละลายในพริบตาเดียว รูปปากเซ็กซี่มีเสน่ห์

แต่งกายด้วยชุดสูทสามชิ้นพอดีตัว รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ส่วนสูงประมาณ185เซนติเมตรได้ อายุ28 ปี ผมสีนำ้ตาลได้รับการตัดแต่งจัดทรงเป็นอย่างดี

การเคลื่อนไหว ท่วงท่าดูเป็นธรรมชาติมั่นใจและดูสูงส่ง มีความสง่าผ่าเผย มีกลิ่นไอของความเป็นเศรษฐีร่ำรวย บุคลิกสุขุมเยือกเย็น ลุ่มลึก เย็นชา แผ่ราศีแห่งความเป็นผู้นำที่ฉลาด เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการและเลือดเย็น

เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ในสนามบิน ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างต้องหันมองและไม่อาจละสายตาได้ (บุคคลนี้ก็คือ ประธานไป๋ ไป๋เจิ้นหลงนั่นเอง )

และข้างกายคือเลขารู้ใจ เขาคือผู้ที่ได้รับฉายารองจากประธานไป๋ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการในเรื่องงาน สำเร็จทุกการทำงานตามที่เจ้านายสั่ง นาม(เจียผิงเหอ )สูง183 และอีกสองคนที่สวมชุดสูทสีดำที่เดินอยู่ข้างๆ หน้าตาดี หล่อเหลาครบทุกองศา พวกเขาคือบอดี้การ์ดหนุ่มสุดหล่อที่มากความสามารถด้านการต่อสู้แบบสมัยใหม่และมีวรยุทย์แบบโบราณสามารถเหาะเหินโดยใช้วิชาตัวเบาได้ 

ทันทีที่เดินออกจากสนามบิน รถเก๋งสุดหรูสีดำมีญี่ห้อขับมาจอดรอ คนขับลงจากรถยื่นกุญแจให้บอดี้การ์ดแล้วเดินออกไป เลขาเจียก็รีบไปเปิดประตูให้ประธานไป๋ แล้วเขาก็เดินอ้อมไปด้านหลังไปเปิดประตูอีกฝั่งหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆประธานส่วนบอดี้การ์ดอีกสองคนนั่งข้างหน้าคนหนึ่งขับรถให้และคนก็นั่งอยู่ข้างคนขับ พวกเขาขับรถมุ่งไปยังคฤหาสน์สุดหรูทันทีที่เป็นบ้านพักของประธานไป๋

 

(2)(.)คฤหาสน์สุดหรูตระกูลไป๋

ในตอนเช้า คุณชายไป๋ตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำขณะนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ว่ามาเมืองไทยครั้งนี้เขาอยู่นานประมาณหนึ่งเดือน หลังจากจัดการงานในบริษัทเสร็จยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ เขาคิดว่าก่อนกลับอยากจะเที่ยวชมเมืองไทยสักหน่อย พอแต่งตัวเสร็จ ก็นั่งลงบนเก้ากี้เห็นโน๊ตบุ๊ควางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วจึงเปิดโน๊ตบุ๊คค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองไทยอย่างตั้งใจ จากนันก็มีเสียงขัดจังหวะดังขึ้นเป็นเสียงเคาะประตูของเลขาเจีย

" เข้ามา " ไป๋เจิ้งหลงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เลขาเจียก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วรายงานตารางเวลาของวันนี้

" ท่านประธานครับ วันนี้ตอนเช้าเข้าบริษัทและตอนบ่ายเวลา 13:00 มีประชุมใหญ่ในบริษัท ตอนค่ำบริษัทจัดงานเลี้ยงในเราจะไปถึงหน้างานในเวลา 20:00 ครับ "

" อืม โอเค ไปเตรียมรถให้พร้อมฉันจะลงไปละ " ไป๋เจิ้งหลงพูด

" ครับท่านประธาน จะจัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ " เลขาเจียพูด พร้อมกับหันหลังเดินออกไป

หลังจากที่พูดจบเขาหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อเลื่อนดูสถานที่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เขาสะดุดตาที่ที่หนึ่งเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สวยงาม บรรยากาศดูสดชื่น สบายตาสบายใจ การแต่งการของผู้คนมีวามเป็นเอกลักษณ์ น่าสนใจ ไป๋เจิ้นหลง มองดูรูปภาพนั้นแล้วก็ฉีกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ เขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้กำไรทางใจหรืออาหารทางใจยังไงยังงั้น เขาsaveรูปภาพนั้นไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

ตอนเช้าที่บริษัทPL(ไป๋หลงกรุ๊ป) หัวหน้าพนักงานบริษัท รับสายโทรศัพท์ หลังวางสายผ่านไปสามวิ ก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาทางด้านพนักงานที่กำลังรอคอยการมาของท่านประธานไป๋แล้วพูดว่า

" ท่านประธานมาแล้ว เร็วๆออกไปเตรียมตัวต้อนรับท่านด่วนๆๆๆ "

พนักงานได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งออกไปยืนเข้าแถวรอต้อนรับทันที พวกเขายืนตั้งแถวตรงจุดจอดรถเรียงต่อกันยาวจนถึงในบริษัท ระหว่างรอพวกพูดหญิงก็จะรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆคุยเม้าท์สนุกปากพอให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหัวใจ

" นี่ๆๆๆ! เธอ ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานของเราเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเก่งที่สุดแหละอายุน้อยที่สุดเลยนะ " 

พนักงานหญิงพูดขึ้นจากนั้นก็มีอีกคนพูดว่า

" เขารวยขนาดนั้นก็ต้องเก่งรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ฉันน่ะอยากรู้ว่าท่านประธานของเราน่ะมีแฟนหรือยังมากกว่า " พนักงานหน้าสวยเธอพูดและทำท่าทางเขินอาย

พนักงานอีกคนพูดแทรกขึ้น " หยุดฝันกลางวันค่ะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดอะไรของเธออยู่ เขาเป็นถึงประธานบริษัทเขาจะกินอะไรก็ย่อมต้องเลือกมั้ยคะ  "

" มันก็ไม่แน่เพราะฉันก็สวย เริ่ด หากท่านต้องการฉัน ฉันพร้อมจะมอบทั้งกายและหัวใจให้ท่านประธานของฉัน " พนักงานหน้าสวยยิ้มอย่างเพ้อฝัน จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นพูดว่า

" ช่างจินตนาการเพ้อฝันเสียจริงๆเลย พวกเธอแน่ใจเหรอ ที่วาดภาพท่านประธานในฝันเช่นนั้น เจอตัวจริง เดี๋ยวจะจินตนาการไม่ออก " ผู้จัดการพูดแล้ว ยิ้มเยาะเบาๆ จากนั้นก็ไปยืนต้อนรับหน้าแถว

คนที่ไม่เคยเจอท่านประธานไป๋ตัวจริงก็จะจินตนาการได้แต่คนที่เคยเจอกลับไม่กล้าแม้แต่จะคิดจิตนาการคิดจะพูดทีต้องคิดอย่างรอบคอบ รถเก๋งสุดหรูสีดำกำลังเคลื่อนเข้ามายังบริษัท หัวหน้าแผนกต่างๆรีบส่งเสียงกระซิบให้พนักงานเงียบ

" ท่านประธานมาถึงแล้ว " หัวหน้าพนักงานพูด

รถสีดำสุดหรูมาจอดตรงหน้าบริษัทเลขาลงเปิดประตู บอดี้การ์ดสุดหล่อสองคนคอยประกบข้าง ไป๋เจิ้นหลงก้าวเท้าลงจากรถ เผยให้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ติบุคลิกสุขุม เย่อหยิ่ง เย็นชา สวมชุดสูทรองเท้าหนังดูดีมีเสน่ห์เขาเข้าไปจรวจดูความเรียบร้อยในบริษัทระหว่างเดินตรวจงาน เหล่าหัวหน้าแผนกต่างๆต่างเข้าไปพรีเซ้นต์งานของตนเองในบริษัท จากนั้นการพรีเซ้นต์งานของแผนกต่างๆผ่านไปอย่างราบรื่นในช่วงเช้า ก่อนจะไปเลขาเจียหันไปกำชับกับหัวหน้าใหญ่และแผนกว่า

" ช่วงบ่ายประชุมทุกแผนกเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ " เลขาเจียพูดแล้วก็หันหลังเดินตามไป๋เจิ้นหลงไปยังห้องส่วนตัว

" ครับ " เหล่าหัวหน้าแผนกตอบรับ

หลังเลขาเจียไปหัวหน้าแผนกต่างๆรวมถึงพนักงานผู้หญิงที่ชื่นชอบการจินตนาการก่อนหน้านี้ต่างถอนหายใจโล่งอกราวกับก่อนหน้านี้หายใจไม่ทั่วท้องหรือกลั้นหายใจยังไงยังงั้น พนักงานหน้าสวยเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

" หล่อ ล่ำ เฟอร์เฟก แต่น่ากลัวไปหน่อย "

พนักงานหญิงอีกคนพูดเสริมต่อ

" เธอสายตาคู่นั้นของท่านประธานดุจสายตาพญาเหยี่ยวกวาดมาทางพวกเราทีนึงหัวใจแทบหยุดเต้นเลย "

พนักงานอีกคนก็เสริมว่า

“ ใช่ๆท่านประธานสุดหล่อของพวกเราน่ากลัวเกินไป รู้มั้ยเมื่อกี้ตอนหัวหน้าแผนกเราพรีเซต์ ฉันกลัวแทบตาย มือไม้เย็นเหงื่อซึมออกมาจนฝ่ามือเปียกหมดแล้ว ”

หัวหน้ามองดูพวกพวกพูดคุยใบหน้ายิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏ

" เป็นไงได้เห็นตัวจริงท่านประธานครั้งแรก สมองจินตนาการอะไรได้อีกมั้ย รู้สึกยังไง ขาสั่นมั้ย ฮ่าๆๆ "

" หัวหน้าอ้ะ "

กลุ่มพนักงานหญิงทำหน้ามุ่ยใส่หัวหน้า

" ไปๆๆๆ รีบแยกย้ายกันไปทำงาน ทานข้าว เตรียมประชุมต่อ " หัวหน้ากล่าว

ห้องท่านประธาน หน้าประตูมีบอดี้การ์ดสุดหล่อขวัญใจสาวๆอยู่สองคน ชื่อจินฟา และอีกคนชื่อ จินซา หล่อระดับดารานายแบบอย่างกับถูกคัดด้วยรูปร่างหน้าตามากกว่าความสามารถ

เลขาเจียชงชามาเสริฟให้กับไป๋เจิ้นหลง เขาจิบชาขึ้นมาสายตาจดจ่ออยู่ที่รูปรูปหนึ่งในคอมพิวเตอร์

ใบหน้าที่ดูผ่อนคลายสายตาอ่อนโยนแววตาประกายมีเสน่ห์

เลขาเจียจ้องไปที่ใบหน้าของท่านประธานเขาเหมือนเขาไม่เคยเจอใบหน้าเช่นนี้มานานมากแล้วทำให้เขาหวนนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา

 

ในวันนั้นหลังจากงานเลี้ยงฉลองปิดภาคเรียนจบลงไป๋เจิ้นหลงขับรถไปส่งเจียผิงเหอที่บ้าน ขณะที่ไปถึงหน้าบ้านก็เห็นไฟไหม้บ้านตระกูลเจียแล้ว เจียผิงเหอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างไร้สติ ไป๋เจิ้งหลงมีสติหน่อยจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหน่วยดับเพลิงทันทีแล้วรีบเข้าไปช่วยคนที่อยู่ในบ้าน

ภายในบ้านไฟเริ่มลุกไหม้มากขึ้นพ่อแม่ของเจียผิงเหอสำลักควันจนไม่มีเรี่ยวแรงโชคดีที่ไฟยังเข้าไม่ถึงส่วนของห้องนอน

เมื่อเข้าไปถึงเจียผิงเหอเข้าไปประคองพ่อแม่ที่ไร้เรี่ยวแรงอ่อนระทวยสักพักแม่เขาก็สลบไป

" แม่ พ่อ ผมจะพาออกไปเดี๋ยวนี้ "

น้ำเสียงของเจียผิงเหอ สั่นคลอกลัวแม่ที่หมดสติไปจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ใจเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแทบจะไม่มีสติหลงเหลืออยู่ยิ่งเห็นสภาพแม่สลบเวลานี้เขายิ่งกระวนกระวายใจทำอะไรไม่ถูกขณะนั้นไป๋เจิ้งหลงก็มาถึงพอดี ไป๋เจิ้นหลงเห็นเจียผิงเหอยืนนิ่งน้ำตาไหลราวร่างไร้วิญญาณก็ส่งเสียงเรียกสติเขาคืนมาพร้อมกับจับแขนคุณหญิงเจียไว้

“ ผิงเหอ! ผิงเหอ! นายมีสติหน่อยสิ ” เจียผิงเหอดึงสติกลับมาหันมองหน้าไป๋เจิ้นหลง

" นายประคองคุณพ่อของนาย ส่วนฉันจะอุ้มคุณแม่ออกไป เร็วๆเราต้องทำเวลา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวไร้สติ ตั้งสติไว้ "

ไป๋เจิ้งหลงพูดเสียงดัง เตือนสติเขาอย่างหงุดหงิด

ระหว่างที่เจียผิงเหอประคองพ่อเขาออกมาพ่อเขาพยายามพูดว่า

" น้อง....ช่วยน้อง...ช่วย...น้อง "

แต่เสียงเขาแผ่วเบาเกินไปทำให้เจียผิงเหอไม่ได้ยิน

เจียผิงเหอเข้าใจว่าในบ้านไม่มีคนอยู่แล้วเวลานี้น้องสาวคนเดียวของเขาก็ยังไม่ปิดเทอมคงอยู่ที่โรงเรียน เพราะเพิ่งคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าที่เขาจะกลับบ้านนี่เอง

พอออกมาได้ ข้างนอกหน่วยดับเพลิงก็ทำหน้าที่ของตนเอง พยาบาลรีบมารับพ่อแม่ของเจียผิงเหอปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำขึ้นรถพยาบาล พ่อของเจียผิงเหอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเปล่งเสียงออกมา

" ช่วย...น่ะ...น้อง "

สติและหูของไป๋เจิ้นหลงดีหน่อยได้ยินดังนั้น เขาหน้าซีดขาวทันทีแต่ยังคงมีสติอยู่จึงพูดขึ้นว่า

" ผิงเหอ! ผิงเฟย ผิงเฟยยังติดอยู่ในบ้าน "

ใบปรากฏความวิตก กลัว หน้าซีดเซียวหันไปพูดกับเจียผิงเหอ

จากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหน่วยดับเพลิงไม่ทันห้ามก็ต้องรีบตามไปเจียผิงเหอยืนอึ้งไร้การตอบสนองสมองขาวโพลว่างเปล่ามองดูเปลวไฟที่ลุกโชน เขานิ่งไปชั่วขณะ

พอได้สติก็รีบวิ่งตามไปแต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามไว้ไม่ให้เขาเข้าไปเขากระวนกระวายร้องให้ฟูมฟาย : เราน่าจะรู้เร็วกว่านี้ว่าน้องอยู่ในบ้าน ทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง : เขาร้องให้โทษตัวเองอย่างสิ้นหวัง น้องสาวสุดที่รักของเขาถ้าน้องเขาเป็นอะไรไปเขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองอีกต่อไป

ข้างในเจียผิงเฟยร่างกายเริ่มอ่อนแรงเนื่องจากสำลักควันไปมาก เขาเอาผ้าห่มชุบน้ำห่อตัวเองไว้พยายามใช้แรงที่เหลือออกมาจากห้องไปทางบันได

แม้ผ้าห่มจะเปียกชุ่มน้ำแต่ไฟลุกโชนที่มากขึ้นเรื่อยๆบวกกับสูดควันเข้าไปก็ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนแรงเธออดทนกับความร้อน มือและใบหน้าของเธอโดนเปลียวไฟจนได้รับบาดเจ็บร่างกายเริ่มไม่ไหวสมองเริ่มไม่ทำงาน สายตาพร่ามัวมองระบบประสาทกำลังจะหยุดทำงานเขาล้มลงไปบนพื้นที่ร้อนระอุ

ยังดีมีผ้าห่มเปียกอยู่ทำให้เขารู้สึกไม่ร้อนมากระบบประสาทเขาเริ่มไม่ทำงานแล้วเขารู้ตัวดี ภาพที่ปรากฏมัวๆเหมือนเป็นความฝัน มีชายสวมเสื้อคลุมเข้ามาอุ้มเขาออกไปแล้วเธอรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในอากาศจากนั้นทุกอย่างก็มืดดำสนิท

ผ่านไปสามวันพ่อแม่ของเจียผิงเหอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้านเจียผิงเหอไปชำระค่ารักษาเสร็จก็เดินไปหาพ่อแม่แล้วเอ่ยอย่างสุภาพว่า

" คุณพ่อคุณแม่กลับไปพักฟื้นรอที่บ้านนะครับ " ส่วนเรื่องบ้านผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วง "

พ่อแม่ของเขามั่นใจในตัวลูกชายเขาที่เป็นคนจัดการงานเก่งอยู่แล้วลูกชายทำอะไรพูดอะไรเขาจะฟังและไว้ใจมั่นใจในตัวลูกทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาไม่ได้เจอลูกสาวเลย เมื่อนึกถึงลูกสาวคนเป็นพ่อก็เอ่ยถามขึ้น

" น้องล่ะ น้องเป็นยังไงบ้าง "  เจียผิงเหอจึงตอบไปว่า

" คุณหมอบอกว่าน้องพ้นขีดอันตรายแล้วครับตอนนี้ยังไม่ฟื้นคุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ "

" แม่จะไปเยี่ยมน้อง " คุณหญิงเจียอยากจะไปเยี่ยมลูกสาวแต่เจียผิงเหอก็พูดเลี่ยงไปว่า

" คุณแม่ครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้น้องมีเจิ้นหลงอยู่เฝ้าอยู่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะกลับไปส่งคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านก่อนพวกท่านจะได้พักผ่อนเยอะๆร่างกายจะได้ฟื้นเร็วๆ ดีไมั้ยครับ "

เจียผิงเหอน้ำเสียงอย่างอ่อนโยนใบหน้ายิ้มอ่อนๆให้ความรู้สึกปลอดภัย สบายใจ พ่อกับแม่ของเขาเห็นดังนั้นก็พยักหน้ารับแล้วก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลไปที่รถอย่างเชื่อฟัง

ไป๋เจิ้งหลงนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเจียผิงเฟย ช่วงเย็นเจียงผิงเฟยเริ่มรู้สึกตัวก็เห็นไป๋เจิ้งหลงนอนอยู่ข้างๆเธอรู้สึกอุ่นใจค่อยๆฉีกยิ้มขึ้น

ขณะที่กำลังฉีกยิ้มเธอรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าเวลาเขายิ้มมันตึงๆยิ่งยิ้มยิ่งเจ็บ จากนั้นสมองก็ฉายภาพเหตุการณ์ที่โดนเปลวไฟเลียหน้า โดนโดนมือโดนแขน เธอรู้สึกเจ็บปวดทรมาน เกิดอาการหวาดกลัวอย่างมาก น้ำตาไหลออกมา เธอเริ่มหายใจแรงสั่นไปทั้งตัว จนไป๋เจิ้งหลงรู้สึกได้เขาก็ตื่นทันที

" ผิงเอ๋อร์ " ฟื้นแล้วเหรอ ร้องให้ทำไมเจ็บตรงไหนบอกพี่มา พี่จะเป่าให้ "

พอเห็นเจียผิงเฟยร้องให้เขาถามอย่างเป็นห่วงแต่ก็พอจะเดาได้เขายื่นมือไปกุมมือข้างที่ไม่บาดเจ็บของเจียผิงเฟยไว้ค่อยๆปลอบใจเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแววตาลึกซึ้ง

" ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นอะไรแล้วปลอดภัยแล้วนะเด็กดีไม่ร้องนะคะ "

เจียผิงเฟยสบตาเขาแล้วพูดว่า

" พี่เจิ้นหลง แล้วหน้าน้องละคะ หน้าน้องไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ "

ไป๋เจิ้งหลงอึ้งไปสักพักคิดไม่ถึงว่าพอเธอฟื้นขึ้นมาเธอจะถามเรื่องใบหน้าเป็นอันดับแรก เพราะเขาและเจียผิงเหอยังไม่ได้เตรียมตอบคำถามข้อนี้เขานิ่งไปชั่วขณะ

พอเห็นไป๋เจิ้งหลงอึ้งเงียบไป เจียผิงเฟยรู้ดีแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของพี่เจิ้นหลงของเธอ เธอก็พอจะเดาได้แล้วว่าหน้าเธอต้องมีปัญหาแน่ แต่ต่อหน้าไป๋เจิ้นหลงเขาเลือกที่จะเงียบและไม่ถามต่อ เลือกที่จัดการกับอารมณ์ตนเองสักพักก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เธอเอ่ยถามขึ้นว่า

" คุณพ่อคุณแม่ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ "

ไป๋เจิ้นหลงตอบไปว่า

" พวกเขาปลอดภัยแล้วตอนนี้กลับไปพักฟื้นรอผิงเอ๋อร์อยู่ที่บ้าน "

" บ้าน! "

เจียผิงเฟยทำหน้าสงสัยก่อนหน้านี้บ้านเธอถูกไฟไหม้ ทำไมถึงยังมีบ้านอยู่ แต่ไป๋เจิ้งหลงก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับบ้านหลังใหม่กับเธอทันที

เจียผิงเหอทันทีที่ทราบข่าวน้องสาวฟื้นก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที ตอนที่เขาทราบข่าวใบหน้าน้องสาวเสียโฉม เขาก็ขอให้พยาบาลเอากระจกในห้องน้ำออกทันที เพราะเขาคิดว่ารอน้องหายดีกลับไปพักฟื้นที่บ้านก่อนแล้วถ้าสภาพจิตใจดีขึ้นกว่านี้ค่อยบอกเธอ

หลังจากอยู่โรงพยาบาลนานเกือบสองอาทิตย์เจียผิงเฟยก็ได้ออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่บ้านเขาแปลกใจในบ้านเขาไม่มีกระจกเลยในห้องน้ำก็ไม่มี เขาคิดว่าเพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ให้เดี๋ยวค่อยไปซื้อมาติดทีหลัง

เธอจึงไปอาบน้ำพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปค้นกระเป๋าเครื่องสำอางที่เพื่อนส่งมาให้ เปิดตลับแป้งออกมามีกระจกเล็กๆที่ติดตลับแป้ง เธอเห็นใบหน้าตนเองในกระจก ตกใจส่งเสียงกรีดร้องออกมา

" กรี๊ดดดด " 

น้ำตาของเธอก็ไหลพรั่นพรูนออกมา ร้องให้อย่างคนหวาดกลัวแฝงความสิ้นหวัง

พ่อแม่และพี่ชายของเธอเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ด ก็วิ่งมาหาอย่างเร็วด้วยความตกใจ พอมาถึงเจอสภาพน้อง ทุกคนต่างเจ็บปวดใจหายใจติดขัดทันที

เวลาผ่านไปถึงจะปลอบอย่างไรก็ไม่ได้ผล หลังจากนั้นเจียผิงเฟยก็เก็บตัวเงียบๆอยู่คนเดียวราวกับคนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ออกนอกบ้านไม่พบปะใครและไม่ให้ใครพบแม้กระทั่งไป๋เจิ้นหลงเขาก็ไม่ยอมพบ ความสัมพันธ์ทั้งสองค่อยๆห่างกันแต่ถึงอย่างไรไป๋เจิ้นหลงก็ยังคงรักและเป็นห่วงเธออะไรที่เขาช่วยได้เขาก็ช่วยเต็มที่ไม่ปฏิเสธเลย

ก่อนเกิดเหตุ เจียผิงเฟยรับสายที่ชายที่โทรเข้ามาเธอคุยกับพี่ชายว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะได้กลับบ้านแต่หลังจากวางสายไปเธอก็เกิดปวดท้องกะทันหันจนได้เข้าโรงบาลแล้วกลับไปพักที่บ้าน ได้กลับมาก่อนพี่ชายซะอีกเข้า ของก็ให้เพื่อนส่งมาให้ทีหลัง เป็นสาเหตุทำให้ถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านตอนเกิดไฟไหม้คนเดียวเพราะความเข้าใจผิด

ช่วงเวลาที่เจียผิงเฟยเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านพ่อแม่ก็จ้างครูมาสอนที่บ้านแทนจนจบมัธยมปลาย เจียผิงเฟยก็ยังเก็บตัวพ่อแม่ของเธอเห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็ปวดใจไม่น้อย 

เลยตัดสินใจคุยกับลูกชายว่าจะส่งเจียผิงเฟยไปรักษาหน้าที่ต่างประเทศเจียผิงเหอเองก็เห็นด้วยกับพ่อแม่ถ้าใบหน้าน้องกลับมาสวยเหมือนเดิมอาจจะทำให้สภาพจิตใจน้องสาวเขาดีขึ้น 

ด้วยความเป็นห่วงน้องก็ให้พ่อกับแม่ของเขาไปอยู่เป็นเพื่อนน้อง และคอยส่งข่าวมาให้เป็นระยะๆ

เจียผิงเหอคิดถึงช่วงเวลาที่ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเมื่อก่อนพวกเขาสนิทกันมาก เล่นด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ปั่นจักรยานด้วยกัน กินข้าวด้วยกันถ่ายรูปด้วยกัน ฉลองวันเกิดฉลองทุกเทศกาลด้วยกันเสมอ พวกเขายิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสามคนมีความสุขที่สุด

ไป๋เจิ้นหลงเป็นคุณชายหัวกะทิมักจะคอยสอนคอยติวหนังสือให้เจียผิงเฟยเสมอจนทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกดีต่อกัน ในวัดเกิดอายุสิบห้าปีของเจียผิงเฟยไป๋เจิ้งหลงทำจี้สร้อยคอรูปหัวใจทำจากทองแท้จี้ทำจากเพชร 

ข้างในด้านหนึ่งใส่รูปที่ทั้งสามคนถ่ายด้วยกันอีกด้านหนึ่งเป็นคู่ของเจียผิงเฟยกับไป๋เจิ้งหลง เจียผิงเหอเห็นไป๋เจิ้งหลงเอาสร้อยให้น้องเขาพอดี หลังจากนั้นก็มักจะแซวเพื่อนของตนเองอย่างสนุกสนาน

" เจิ้งหลงนายคิดไรกับน้องสาวฉันรึเปล่า "

" เจิ้งหลงนายแอบชอบน้องสาวฉันเหรอ เจิ้งหลงพูดมาเลยนะ "

ทั้งสองกอดคอเล่นกันอย่างมีความสุข

เจียผิงเหอยิ้มอ่อนๆกำลังจมอยู่กับการหวนคิดถึงความหลังของตนเองอย่างเหม่อลอย

ไป๋เจิ้งหลงเงยหน้ามองเจียผิงเหอที่กำลังเหม่อไม่ฟังที่เขาพูดไม่ตอบที่เขาถาม คิ้วขมวด หงุดหงิดทันที

" ปัง! " เสียงตบโต๊ะดังแสดงถึงอารมณ์หงุดหงิดของคน

เจียผิงเหอสะดุ้งตกใจ สีหน้าเริ่มไม่ดี รีบดึงสติกลับมา " คุณชายไป๋ มีอะไรหรือครับ " เลขาเจียรีบเอ่ยถาม

" เมื่อกี้ฉันพูว่าไง " ไป๋เจิ้นหลงเอ่ยถามจ้องไปที่เลขาเจีย

" เอ่อ...เมื่อกี้คุณชายพูดว่าไงครับ " เขาเกาหัวลังเลกัดฟันยิ้ม เขาไม่รู้จริงๆและไม่ได้ยินที่ไป๋เจิ้งหลงพูดเพราะเขามัวแต่นั่งเหม่อลอย

" เจียผิงเหอ! " ไป๋เจิ้งหลง โกรธพูดตะคอกเสียงดังออกไปหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน

สีหน้าเจียผิงเหอจริงจังทันที แต่เขารู้นิสัยไป๋เจิ้งหลงดี เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เลือดเย็น เย็นชา ตัดสินใจเด็ดขาด โมโหร้าย และหงุดหงิดง่ายเมื่อมีคนไม่ฟังที่เขาพูดถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ จะไม่พอใจเอามากๆ มีหรือที่เลขาคนสนิทอย่างเขาจะไม่มีวิธีจัดการกับอารมณ์ของเขา

เจียผิงเหอยืดอกลุกขึ้นยืนตรงจัดเสื้อผ้าทีหนึ่งอย่างมั่น

" ขออภัยครับท่านประธาน เมื่อกี้ผมเผลอเหม่อไปชั่วขณะ ไม่ทันได้ยินที่ท่านประธานพูด โปรดทวนซ้ำอีกรอบรับรอง ทุกอย่างเรียบร้อยชัวร์ตามที่ท่านประธานต้องการเลยครับ "

พูดจบก็คอยสังเกตสีหน้าไป๋เจิ้งหลงไปด้วย

" ติ้ง " เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์ ไป๋เจิ้นหลงส่งข้อความให้เขา

" ครั้งนี้ฉันจะให้โอกาสนายอย่าทำเหม่อลอยจนไม่สนใจให้เห็นอีกนะ นายติดต่อหาข้อมูลสิ่งที่ฉันส่งไปให้ ฉันจะไปที่นั่นหลังเสร็จงาน "

เจียผิงเหอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วตอบว่า

" ครับจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ "

เขาก็ลุกขึ้นหันหลังเดินออกไป ไป๋เจิ้นหลงมองแผ่นหลังที่เดินออกไปก็ยืนขึ้นไปยืนพิงหน้าต่างมองออกไปทางทิวทัศน์ด้านนอก

ในหัวเขาก็ไม่เข้าใจทำไมภาพนั้นดึงดูดเขาได้มากขนาดนี้ เป็นเพียงภาพบนดอยมีแต่ป่าเขาอยู่ห่างไกลความเจริญ คงเพราะชีวิตเขาไม่เคยสัมผัสชีวิตที่เป็นแบบนั้นมาก่อน 

จึงเกิดความสนใจขึ้นมาอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง อีกอย่างแม้สถานที่ดูเรียบง่ายธรรมดาแต่ทิวทัศน์สวยบนยอดเขามีบ้านเรือนไม้ยกสูงตั้งตระง่านให้ความรู้สึกสงบผู้คนก็แต่งตัวดูเป็นเอกลักษณ์เรียบง่าย 

ราวกับว่าต้องลองสัมผัสวิถีชีวิตแบบนั้นสักครั้งในชีวิต เขาค่อยๆยิ้มอย่างผ่อนคลาย ด้านเจียผิงเหอท่าทางมึนงงมองดูรูปภาพในมือถือ

: คนอย่างไป๋เจิ้งหลงหรือจะไปเที่ยวบนเขาบนดอยสัมผัสชีวิตเรียบง่ายเขาปกติดีอยู่รึเปล่า ทำงานหนักเกินไปจนสภาพจิตใจและสมองผิดปกติหรือเปล่า ถ้าไปที่ๆเขาเคยไปหลังเสร็จงานอย่าง ผับ บาร์ ที่ที่มีสาวๆสวยๆรายล้อมสิถึงจะปกติ นั่งจิบเหล้าจิบไวท์ หรือถานที่ท่องเที่ยวสุดหรูหรา เช่นนั้นถึงจะถูก : 

เจียผิงเหอครุ่นคิดในใจอย่างหนัก

" เอาเถอะอยากไปไหนก็ไป ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ อาจจะมีโอากาสลดคราบคุณชายผู้สูงส่งเอาแต่ใจแสนเย่อหยิ่งที่ใครๆไม่กล้าเข้าใกล้ได้บ้าง "

ชั้นที่ 25 ณ โรงแรมPL five star ผู้คนทยอยเข้ามางานเลี้ยง ภายในงานให้ความรู้สึกหรูหราอลัง โคมไฟประดับตกแต่งด้วยคริสตัลราคาแพง ทางเดินปูด้วยพรหมสีแดงหนานุ่ม รอบๆงานเลี้ยงมีบอดี้การ์ดคอยรักษาความปลอดภัยเป็นจุดๆ

ผู้คนในงานแต่งกายด้วยชุดสูทชุดเดรส ชุดราตรี ในมือถือแชมเปญคนละใบ ใบหน้ายิ้มแย้มพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

เหล่านักธุรกิจ ดารา นางแบบ นายแบบดังๆต่างก็ถูกเชิญมาร่วมงานนี้ ผู้ถูกเชิญหวังจะได้เจอเจ้าของนักธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างประธานบริษัท(PL)ไป๋หลงกรุ๊ป

รถเก๋งสุดหรูเคลื่อนมาจอดตรงประตูทางเข้าประตูรถก็ถูกเปิดออกทันที ร่างสูงใหญ่มาดขรึมสุขุมเยือกเย็นหล่อเหลาปรากฏมาในงานเดินตรงไปทางเวที พร้อมกล่าวคำปราศัย เสร็จก็ลงจากเวทีทำเอาบรรดาสาวๆต่างเก็บอาการแทบไม่อยู่ เหล่าบรรดานักธุรกิจเข้ามาทักทายไป๋เจิ้งหลงกับเลขาเจียผู้คนต่างก็รู้ว่าเลขาเจียคือคนสนิทของเขา ไป๋เจิ้นหลงพูดคุยด้วยสักพักก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มคน

" ขอตัวนะครับมีอะไรคุยกับเลขาเจียได้เลยครับ " ไป๋เจิงหลงรำคาญพวกขี้ประจบเห็นแก่ตัว เขาหันหลังเดินออกมาจากกลุ่มนั้นมือทั้งสองข้างแนบไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างสบายๆ

" สวัสดีครับ คุณชายไป๋ "

ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาทางเขาใบหน้ายิ้มอ่อนๆในมือถือแชมเปญสองใบยื่นให้กับไป๋เจิ้งหลง

ข้างกายชายคนนั้นมีสาวสวยเซ็กซี่สูงเพรียวอึ๋ม สูง170 เซน เป็นหญิงสาวที่สวยสุดในงานเลยก็ว่าได้ ดึงดูดความสนใจของบรรดาหนุ่มในงานมากมายแม้แต่ไป๋เจิ้งหลงก็ต้องมองแว้บหนึ่ง เธอเป็นดาราดังหรือที่คนในวงการเรียกเธอว่าไฮโซคนดัง 

ไป๋เจิ้นหลงหันไปทางเสียงทักทายพร้อมรับแก้วไวท์ตามมารยาทแล้วเอ่ย

" อ้อ ขอบคุณครับ คุณดนัยนั่นเอง " ยิ้มมุมปาก

ดนัย ไพวงษ์ศาเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นพ่อของอันอัน

ด้านเลขาเจียคุยแลกเปลี่ยนธุรกิจในกลุ่มเรียบร้อยก็ปลีกตัวออกมายืนข้างๆไป๋เจิ้นหลง

" สวัสดีครับคุณดนัย " เจียผิงเหอพูด

" สวัสดีครับเลขาเจีย " ยิ้มทักทาย

ในวันนี้นอกจากไป๋เจิ้นหลงแล้วก็เจียผิงเหอเนี่ยแหละที่เป็นเป้าสายตาของบรรดาสาวๆและเหล่านักธุรกิจพวกเขารู้ดีว่านอกจากเป็นเลขาแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทที่หน้าตาดีคนหนึ่งที่มากความสามารถรอบด้าน

นายดนัยเป็นคนรู้จักกับพ่อของไป๋เจิ้นหลงในแวกวงธุรกิจมานานไม่แปลกที่เขาจะรู้จักไป๋เจิ้งหลงค่อนข้างดี ดนัยเอ่ยถามขึ้นอย่างสุภาพ

" คุณพ่อของคุณชายไป๋กับคุณหญิงไป๋สบายดีมั้ยครับ "

" สบายดีครับ " ไป๋เจิ้นหลงตอบ

" ได้ข่าวว่าผู้อาวุโสไป๋ ชอบมาพักผ่อนที่ไทยบ่อยๆเหรอครับ "

" ใช่ครับ คุณปู่ ชอบวัดที่ไทยมากเลยครับ "

ทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่งดนัยก็นึกขึ้นได้ว่าต้องแนะนำให้ลูกสาวรู้จักกับไป๋เจิ้งหลงและเลขาเจียก็หันไปมองลูกสาวแล้วเอ่ยว่า

" อันอัน นี่คือคุณไป๋เจิ้นหลง ประธานบริษัทไป๋หลงกรุ๊ปแห่งประเทศจีน และคนนี้คือคุณเจียผิงเหอเลขาคนสนิทของคุณชายไป๋ "  อันอันยิ้มทักทายจากนั้นท่านดนัยก็พูดต่อว่า

" นี่อันอัน ลูกสาวของผมครับ "

" ยินดีที่ได้รู้จักครับ "  เมื่อได้ยินน้ำเสียงของไป๋เจิ้นหลงน้ำเสียงนั้นช่างมีเสน่ห์ อันอัน หลงไหลในตัวไป๋เจิ้งหลงจนแทบเก็บอาการไม่อยู่รีบยื่นมือทักทาย

" ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ "

จากนั้นก็ยื่นมือไปหาเจียผิงเหอต่อตามมารยาท

" ยินดีที่รู้จักเช่นกันนะคะคุณเจีย " อันอันยิ้ม

" ยินดีที่รู้จักครับ " จับมือทักทายเสร็จโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมองดูเบอร์ที่คุ้นเคยโทรเข้ามา

" ขอตัวออกไปรับสายก่อนนะครับ " เจียผิงเหอเอ่ยขอตัวอย่างมีมารยาทแล้วเดินออกจากวงไป

" เอ่อ คุณชายไป๋มาเมืองไทยครั้งนี้อยู่นานมั้ยครับ " ดนัยถามอย่างอยากรู้

" ประมาณเดือนนึงครับ " ไป๋เจิ้งหลงตอบอย่างเรียบเฉยแล้วพูดต่อว่า

“ ของตัวก่อนนะครับคุณดนัย ” พูดจบไป๋เจิ้งหลงก็ถือแก้วไวท์ออกไปจากที่ตรงนั้นเดินไปยังระเบียงดาดฟ้านั่งไขว้ขาจิบไวท์สูดอากาศยามค่ำคืนอย่างสบายใจ