บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 มิใช่ความตั้งใจของนาง

“องค์ชายเลยเหรอ” ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นสวย แต่ถึงขนาดรักกับองค์ชายเลยเนี่ยนะ

“องค์ชายสิบห้าเจ้าค่ะ จินอ๋อง ชื่อหลี่อี้ค่ะ”

“จินอ๋องเป็นชื่อที่ฮ่องเต้ประทานให้ใช่ไหม”

“เจ้าค่ะ ชื่ออี้ แซ่หลี่” สาวใช้คนสวยกระซิบแผ่วเบา

“กลัวโดนประหารเหรอหลิวอิง” ฟางหลินเอ่ยถาม น้ำเสียงแก่นแก้วราวกับต้องการจะแกล้ง

“คุณหนู...” หลิวอิงขานเรียกเสียงแกว่ง หล่อนดูราวกับลูกแมวที่ส่งเสียวแง้วๆอย่างน่ารัก ใบหน้ารึก็ออกจะน่ารักน่าชัง

“แล้วตาองค์ชายอะไรนั่นหล่อมากไหม” ฟางหลินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถ้านึกขนาดหยอดคำหวานจนผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ยอมทำตามทุกอย่าง ก็หวังว่าคงจะหล่อสักหน่อยหนึ่งนะ

“คุณหนูเจ้าคะ..ทำไมต้องไปสนใจเขาด้วย” สาวใช้ทำหน้ากระเหง้ากระงอด แสดงออกว่าไม่พอใจนัก

“ข้าไม่ได้สนใจ ...ข้าจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ข้าแค่อยากรู้ว่าเขาหล่อพอให้ข้าต้องตายไหมก็แค่นั้น”

“...หล่อเจ้าค่ะ ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่คารมกลับร้ายยิ่งกว่า”

“อ๋อเหรอ แต่ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียข้าก็จำไม่ได้อ่ะนะ ...ข้าไปเดินเล่นได้รึเปล่า” ฟางหลินเอ่ยถาม ใจคิดอยากจะออกไปเดินเล่นเที่ยวชมความงามของเมืองฉางอันเสียเต็มประดา

“ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณหนูยังไม่หายดี” หลิวอิงปฏิเสธฟางหลินถอนหายใจ พยายามระดมความคิดหาทางให้สาวใช้อยู่ห่างจนพ้นสายตา นางจะได้มีโอกาสไปเที่ยวเล่น

“ทำไมข้าถึงยังไม่หาย ข้าหายดีแล้ว ดูสิ กระฉับกระเฉงซะขนาดนี้” ฟางหลินลุกขึ้น ยกแขนสองข้างไปมาเร็วๆ “นะๆ พาข้าออกไปข้างนอกหน่อย แค่สวนข้างหลังนี่ก็ได้ อยู่แต่ในนี้ข้าอึดอัด”

“คุณหนูเจ้าคะ...”

“นะหลิวอิงคนสวย นะนะนะ” ฟางหลินใช้ลูกไม้ประจำแบบที่เคยให้กับพี่ชายเวลาต้องการจะออดอ้อนเอาอย่างใจต้องการ

“เฮ้อ...คุณหนู ก็ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้ยอมตามใจคุณหนูของนางด้วยที่ว่านางอุตส่าห์เอ่ยปากขอร้อง เป็นอาการที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน

สองสาวเดินไปตามทางที่ร่มรื่น เหยียบย่ำไปตามแผ่นหินอ่อนอย่างช้าๆ ยังไม่ทันเดินได้ไกลนัก สายตาของนางก็พร่าลง ภาพเบื้องหน้าเลือนลาง ห้วงความคิดคิดสับสน ร่างเล็กโอนเอนแทบจะยืนไม่อยู่

“หลิวอิง ข้าเวียนหัว...” ฟางหลินตัวเอนไปด้านหน้าทำท่าจะล้มลง สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังจึงวิ่งมาพยุงไว้

“คุณหนู..ข้าว่าแล้วเชียว” หลิวอิงเอ็ดเข้าหนหนึ่ง

“พาข้าไปพักที่นั่นก่อน...” ฟางหลินชี้นิ้ว สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับและประคองร่างของนางไปนั่งลงที่นั่น

“คุณหนูไหวหรือเปล่าคะ จะให้ข้าไปบอกฮูหยินไหมเจ้าคะ”

“อย่างไรก็ได้” ฟางหลินตอบ นางคิดอะไรไม่ออก จะพยุงร่างของตัวเองยังทำไม่ได้เลยแท้ ๆ

“เจ้าค่ะ ๆ คุณหนูรอข้าตรงนี้ ข้าจะรีบกลับมานะเจ้าคะ” หลิวอิงลนลานทำอะไรไม่ถูก

ฟางหลินตาพร่าไป ยามเมื่อหลับตาลง โลกทั้งใบก็หมุนเคว้ง ข้อเท้าเล็ก ๆของนางสดุดเข้ากับพื้นหินไม่เท่ากันที่ถูกปูบนศาลาริมสระเบื้องหน้า ตัวนางเอียงล้มลง หากแต่จุดที่นางสะดุดอยู่ริมน้ำ นางพยายามคว้าเสาไม้ใกล้ตัวมาคว้าเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองตัวลงไป หากแต่มือเรียวนั้นกลับขยับข้าเกินไป ร่างเพรียวบางของนางร่วงหล่นลงไปในสระ หลังของนางกระแทกพื้นน้ำจนเจ็บ หากแต่นางก็ยังพยายามดิ้นรน ระยะเวลาครู่หนึ่ง นางก็ไม่อาจต่อสู้กับห้วงน้ำที่ค่อย ๆ พรากเอาอากาศจากปอดของนางไปไม่ได้ นางจะต้องตายอีกครั้งอย่างนั้นหรือ

ทันใดนั้น มือปริศนาก็ดึงร่างที่สิ้นสติไปแล้วของนางขึ้นจากก้นสระ มือหนาคว้าร่างของนางมาโอบอุ้มเอาไว้ ลากร่างบางเข้าใกล้ตลิ่ง อุ้มนางขึ้นด้วยพละกำลัง วางร่างอ่อนปวกเปียกของนางบนศาลา เขาเขย่าตัวนางเพื่อไล่น้ำที่ไหลครั่งเข้าปอดหวังยื้อชีวิตของนาง

“คุณหนู...ฮือ...คุณหนูจะทิ้งข้าไปอีกแล้ว” หลิวอิงร้องไห้สะอึกสะอื้น นางกลับมาทันเห็นว่าฟางหลินกำลังหล่นลงน้ำไป นางนึกจะลงไปช่วยหากแต่ท่านอ๋องที่นางคุ้นเคยอย่างดีบอกให้นางไปตามคุณชายใหญ่มาแทน หลิวอิงเห็นว่าท่านอ๋องเขายอมกระโดดลงไปช่วยอย่างไม่คิดชีวิต นางก็เลยหันหลังรีบวิ่งไปบอกคุณชายใหญ่ทันที

ฟางหลินสำลักน้ำ ก่อนจะพบกับสายตาจากใบหน้าอันหล่อเหลาที่จ้องมองหล่อนอยู่ด้วยแววตาจ้องเขม็ง เขาดูอายุมากกว่านางหลายปี และดูดุเหลือเกิน

"หยางจื้อ ขอบคุณที่ช่วยเหลือน้องสาวของพวกข้าเอาไว้"

"หาไม่ได้ น้องสาวของพวกท่าน ก็ถือเป็นน้องสาวของข้าด้วย" หงเชาผู้เป็นพี่รองประคองร่างที่แทบไม่มีแรงของน้องสาวขึ้น แล้วจึงอุ้มนางกลับเข้าเรือนอย่างไม่รีรอ

"...ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะทำอย่างนั้นอีก" ต้าเจิงเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ คิดไปแล้วก็อดกลุ้มใจไม่ได้ เพิ่งดีใจได้เพียงวันเดียวก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก

“นางอาจจะยังเจ็บช้ำเรื่องจินอ๋องอยู่กระมัง” หวังหยางจื้อสหายผู้น้องที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่แบเบาะออกความเห็น

“อ้อ...ข้ายังไม่ได้ขอบใจเจ้าเรื่องเมื่อวาน สองครั้งแล้วนะที่เจ้าช่วยนางเอาไว้” ต้าเจิงเอ่ยขอบคุณเมื่อนึกได้

“นางควรจะทำใจได้เสียที ผ่านมาก็นานเสียขนาดนี้แล้ว”

“ข้ายังไม่มีโอกาสได้บอกเจ้าสินะหยางจื้อ” ต้าเจิงเอ่ยด้วยความจริงจัง “ฟางหลินกลับมาคราวนี้ ลืมหมดทุกอย่าง ลืมกระทั่งชื่อของตัวนางเอง”

“หากว่านางลืมหมดทุกอย่างจริง แล้วทำไมจึงทำอย่างนี้อีกเล่าท่าน” หวังหยางจื้อกล่าว สายตากังวลปนห่วงหามองตามหลังหงเชาที่อุ้มร่างเล็กนั้นไปไกลแล้ว

ถ้าหากว่านางยังไม่ลืม เขาก็ขอบอกเอาไว้เลยว่าต่อไปเขาเองก็จะไม่ทนมองดูอยู่เฉยๆอีกแล้ว

เขาจะทำในสิ่งที่ควรจะทำตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนให้ได้ โดยที่จะไม่สนแล้วว่านางจะห้ามอย่างไร

.

.

.

คนทั้งสี่นั่งประจันหน้าเข้ามา จ้องมองใบหน้าของนางด้วยแววตาส่อแววผิดหวัง ฟางหลินเห็นดังนั้นจึงได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด

“เจ้ามีอะไรจะบอกพวกเราไหม ฟางหลิน” เสียงดุเอ่ยถาม สายตาบ่งบอกความโกรธขึง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่สะดุดแผ่นหินต่างระดับที่นั่น” ฟางหลินตอบตามความจริง ก่อนจะถอนหายใจแล้วอธิบายความจริงต่อ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรให้พวกท่านไม่สบายใจนะเจ้าคะ เพียงแต่ว่า...”

“ว่ามา”

“คือตอนที่ข้าตายจากที่นี่ไปแล้ว ...เอ่อ...ข้าก็ไปเกิดกับครอบครัวที่นู่น ที่นั่นข้าเหลือเพียงพี่ชายสองคนเท่านั้น ” ฟางหลินเริ่มสะอื้น

“เจ้าพูดเรื่องโป้ปดอะไรอยู่” ต้าเจิงพี่ใหญ่พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ นางควรจะคิดถึงใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่จะทำอย่างใจต้องการทุกอย่างอย่างนี้

“ข้าไม่ได้โกหกพวกท่าน ทำไมข้าจะต้องโกหก ถ้าพี่ใหญ่คิดว่าข้าโกหก อย่างนั้นบอกได้หรือเปล่าว่าร่างของข้าที่ฝังไปแล้วกับตาของทุกคนทำไมถึงกลับมาได้”เหอ ต้าเจิงไม่มีคำตอบ พลันย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อน เขาเองก็เห็นว่านางตายไปแล้ว ร่างเก่าของนางก็ถูกฝังไปแล้วอีกด้วย

“ครอบครัวของเราต้องทนทุกทรมานกับการที่ไม่มีเจ้าอยู่มาตลอด2ปี หากมันเป็นเหตุสุดวิสัยอย่างที่เจ้าบอกพวกเรา ก็ขอให้เจ้าระวังตนมากกว่านี้ อย่าทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย” หงเชาเอ่ยขึ้น ใบหน้าของเขาจริงจังจนหล่อนรู้สึกได้ พี่ปุณที่โน่นก็เป็นอย่างนี้ พอมีเรื่องจริงจังขึ้นมา นางก็เถียงไม่ได้ทุกที

พี่ปอนด์พี่ปุณสบายใจได้นะ ที่นู่นหอมมีพวกพี่ ที่นี่หอมก็มีทุกคนเหมือนกัน

นางเห็นท่านพ่อท่านแม่ร่ำไห้ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ โลกนู้นนางไม่มีโอกาสได้ดูแลพวกเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะโลกไหน พวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวของนาง

“...ข้าทราบแล้ว ข้าขอโทษท่านพ่อท่านแม่ ...ขอโทษพี่ใหญ่กับพี่รองด้วย ข้าจะระมัดระวังตัวเองให้มากกว่านี้ พวกท่านยกโทษให้ข้านะ” ฟางหลินเสียงแผ่ว เอ่ยขอโทษจากใจจริง

[1] เทียนจื่อ แปลว่า โอรสสวรรค์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel