บทที่5/2 เปิดตัว
เปิดตัว
ปลายทางที่มาถึงไม่ใช่บ้านหล่อนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์นั่งริมชายหาด เพชรไพลินหันไปทางคนตัวโตเป็นเชิงตั้งคำถามเมื่อรถจอดสนิท
"อาศักดิ์ไปทำธุระต่างจังหวัด กลับค่ำได้ใช่ไหม" เขาถามก่อนจะเดินลงจากรถไปแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้คนที่ยังนั่งงงอยู่
"คะ?... " ถึงจะยังไม่เข้าใจแต่สาวเจ้าก็ยอมลงจากรถ กำลังจะเอ่ยถามออกไปแต่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนของเขาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน คนตัวโตจึงล้วงสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับส่วนมืออีกข้างนั้นเอื้อมมาจับเอวหล่อนไว้อย่างหลวมๆเพื่อให้เดินตามเขาไป นับว่าเป็นเรื่องดีที่บริษัทของเขามีมาตรการไม่ให้นักศึกษาฝึกงานสวมชุดนักศึกษามาฝึกงาน ให้สวมชุดสุภาพเหมือนกับพนักงานบริษัทเลย เพื่อเป็นการทดลองงานที่เสมือนจริงมากที่สุด ถ้าหากไม่มีข้อบังคับนี้มีหวังเวลาเขาไปไหนมาไหนกับเพชรไพลินคงจะตกเป็นเป้าสายตาเป็นแน่
"นู่น เจ้าภาพเดินมานู่นแล้ว" สิบทิศพูดขึ้น
พร้อมกับสะกิดเพื่อนรักอีกสองคนให้หันมาแล้วพวกมันสองคนก็ยักคิ้วให้เขาส่วนเขาก็แค่ยกยิ้มมุมปากตอบกลับไป
"ไอ้ทิศ ไอ้กร แล้วก็ไอ้พฤกษ์เพื่อนพี่ ส่วนนู่นแพรแฟนไอ้กร" ภาธรแนะนำเพื่อนทั้งสองและไม่ลืมที่จะแนะนำหญิงสาวอีกคนที่เป็นภรรยาของเพื่อนรักและเป็นญาติห่างๆของเขาให้คนตัวเล็กรู้จัก
"สวัสดีค่ะ" เพชรไพลินยกมือไหว้ทั้งสี่คน และทั้งสี่ก็รับไหว้น้องก่อนที่สิบทิศจะบอกให้เพื่อนรักรีบพาน้องมานั่ง
"ดื่มไหม" ภาธรกระซิบถามคนตัวเล็กที่นั่งข้างกัน และก็ได้คำตอบคือการส่ายหน้าเบาๆกลับมา
"นิดนึงไหม เบาๆ" เขาเสนอ ด้านคนตัวเล็กมีสีหน้าลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับไป แค่อ่อนๆคงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง
"ของกูเหมือนเดิม ส่วนเพชรเป็นคอสโมแล้วกัน" ภาธรบอกเพื่อนที่กำลังหันไปสั่งกับพนักงานสาว
จุดสนใจในกลุ่มเวลานี้เห็นจะไม่พ้นน้องใหม่อย่างเพชรไพลิน เพราะพี่ๆเอาแต่ถามหล่อนถึงเรื่องภาธร จนบางคำถามภาธรถึงกับกระเเอมปราม บ้างก็เล่าเรื่องภาธรให้ฟังบ้าง บ้างก็บอกเล่าถึงความเจ้าชู้ของเขาบ้าง ส่วนหล่อนนั้นก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี หัวเราะบ้าง ตอบคำถามทุกคนบ้างบางครั้ง
"เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบเจ้าภาพจนเกินไปเรามาเล่นเกมกัน" ชลกรเสนอพร้อมกับหยิบขวดเหล้าขึ้นมาตั้งกลางโต๊ะ
"เพชรไม่เล่น" เขาสรุปแทนเพราะรู้ว่าน้องไม่ดื่ม
"แหนะๆ มีหวงๆ" ชลกรแซวเพื่อน
"น้องไม่ดื่มไงไอ้สัตว์" ภาธรเอ่ยเสริม
"น้องไม่ดื่มมึงก็ดื่มแทน แต่คูณสองเพียวๆ" พฤกษ์เสริม
"เกมเหี้ยไรวะ ไร้สาระ" สิบทิศเอนหลังพิงพนักอย่างไม่เห็นด้วย
"หรือว่ามึงป๊อด" ชลกรยักคิ้วถามอย่างกวนๆ
"ก็ความลับมันเยอะ" ภาธรเสริม
เริ่มนึกสนุกเพราะไม่ใช่แค่เขาแล้วล่ะที่ร้อนตัวดูเหมือนว่าไอ้คนข้างๆนี่ก็ออกอาการไม่น้อยไปกว่าเขาเลย ภาธรและชลกรต่างก็จ้องไปที่คนป๊อดแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปาก
"เออๆ เล่นก็เล่น" สิบทิศตอบรับอย่างส่งๆ ก่อนจะเป็นคนเริ่มหมุนขวดเสียเอง ขวดหมุนติ้วๆตามแรงหมุนก่อนจะค่อยๆช้าลงและหยุดลง ปรากฏว่าปากขวดนั้นชี้ไปยังคนหมุน ทำให้คนอื่นโห่ขึ้นโดยเฉพาะชลกร
"แม่งโกงว่ะ หมุนโดนตัวเองเฉย" ชลกรโพล่งขึ้น
"กูจะถามมึงเนี่ยแหละ พูดมาก"
"เลี้ยงกิ๊กไว้กี่คน" คำถามนี้ทำให้คนถูกถามถึงกับไปไม่เป็น ชลกรยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดโทษก่อนจะหันไปทางแม่ของลูกแล้วส่งยิ้มแหยๆไปให้
"ไม่มีเว้ย" ชลกรตอบเสียงดังฟังชัดก่อนจะหันไปโอบไหล่แม่ของลูก แต่กลับโดนศอกกระทุ้งกลับมาทำให้ทุกคนหัวเราะตามๆกัน
ต่อไปเป็นชลกรบ้างที่เป็นคนหมุนขวด
ขวดเริ่มหมุนตามแรงหมุนอีกครั้งและค่อยๆช้าลงจนปากขวดหันไปหยุดอยู่ที่สิบทิศอีกครั้ง
"พี่ขอสั่งให้น้องเพชรหอมแก้มไอ้ธร" เมื่อได้ยินคำสั่งเพชรไพลินก็หันมามองหน้าภาธรและส่ายหน้าเบาๆ
ภาธรเอื้อมมือไปหยิบขวดเหล้ามารินใส่เเก้วสองแก้วก่อนจะกระดกลงคอ ทำให้เพื่อนๆต่างโห่แซว พฤกษ์มองภาพตรงหน้าก่อนจะแค่นยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เขาล่ะอยากเห็นเสือร้องไห้ที่ไม่ใช่ยาดองเหล้าแต่เป็นไอ้เพื่อนที่นั่งตรงข้ามนี้เหลือเกิน
เวลาล่วงเลยไปจนถึงยี่สิบสามนาฬิกาหรือห้าทุ่ม ชลกรกับแพรลดาก็ขอตัวกลับเนื่องจากฝากลูกน้อยไว้กับพี่เลี้ยง หากตื่นมาไม่เจอพ่อแม่จะร้องไห้งอแงอีก ส่วนสิบทิศนั้นหลังจากมีโทรศัพท์เข้าก็ลุกหายไปเลยส่งข้อความมาบอกแค่ว่าขอกลับก่อนเท่านั้น ตอนนี้บนโต๊ะจึงเหลือแต่เขา เพชรไพลินเพียง และไอ้พฤกษ์เพียงแค่สามคน
"งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน" คนที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
และไม่ลืมที่จะเอ่ยลาแฟนสาวของเพื่อนก่อนจะเดินออกไป บนโต๊ะตอนนี้เลยเหลือแต่ภาธรกับเพชรไพลิน
"กลับเลยไหม" เขาหันมาถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้แก้ม
เริ่มแดงปลั่งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ก็เพราะอวดเก่งอาสาช่วยเขาไปตั้งสองแก้วน่ะสิดื้อนักแม่คุณ
"กลับไปตอนนี้โดนป้ายาดุแน่เลยอะ ไปนั่งรับลมตรงนู้นก่อนได้ไหมคะ" คนที่เริ่มเมาบอกสียงอุบอิบก่อนจะหันมาถามเขา
"ห้าทุ่มแล้วนะ" ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยบอกกับคนตัวเล็ก
"แป๊บเดียวนะคะ" เพชรไพลินบอกเสียงอ้อน จนภาธรใจอ่อนพยักหน้ารับไปอย่างส่งๆ
"อือ…ตามใจแล้วกัน" ภาธรไม่ได้ขัด เขาเรียกพนักงานมาคิดเงินก่อนเดินขนาบข้างคนตัวเล็กออกจากร้านไป
ปลายทางที่ปลายเท้าเรียวก้าวไปนั้นไม่ใช่รถยนต์คันหรูสไตล์ยุโรปของภาธรแต่อย่างใด แต่เป็นหาดทรายสีขาวนวลละเอียดตามแนวริมหาด จันทร์ทอแสงลงมากระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังเป็นละลอก บวกกับสายลมโชยเข้ามาทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย ร่างบางอ้าแขนรับลมก่อนจะหลับตาลงช้าๆปล่อยให้ความเศร้าภายในจิตใจปลิวผ่านไปเหมือนกับสายลม
