4
“บังเอิญจังเลยนะคะ”
แล้วแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกัน
“นี่พัดค่ะพี่ตุลย์ จำได้ไหมที่เปรมเคยบอกว่าเป็นน้องที่เปรมรักมากที่สุดแล้วก็สนิทที่สุดของเปรมไงคะ”
“พัดจ๊ะ นี่พี่ตุลย์จ้ะ”
พรรษมนมองอีกฝ่ายนิ่งๆผุดรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้วยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่าย แนะนำเสร็จสิ้น เสียงเข้มเปรยขึ้นคล้ายมีกระแสน้อยใจนิดๆในนั้น
“ไม่เห็นแนะนำกับน้องเลยว่าพี่ตุลย์เป็นอะไรกับเปรม”
ณวกาญจน์เม้มปากอมยิ้มจนปวดแก้มกับคำกล่าวท้วงของเขา แววตาหญิงสาวเต้นวิบวับเป็นประกายซุกซนขึ้นมาทันที ตอนที่สบตากับชายหนุ่ม เลยเบือนหน้าไปหาพรรษมนพูดยิ้มๆ
“พี่ตุลย์เป็น...รุ่นพี่สนิทที่สุดเหมือนกับที่พัดเป็นน้องที่สนิทที่สุดของพี่ไงจ๊ะ”
ได้ยินคำตอบของณวกาญจน์แล้ว ตุลาได้แต่ถอนใจยาวๆ มุมปากกดลงอย่างให้รู้ว่าไม่พอใจคำตอบของเธอ แววตาที่มองทางณวกาญจน์คล้ายจะบอกว่า ‘นึกไว้แล้ว ว่าต้องแนะนำแบบนี้’ แล้วเลยยอมว่าตามกันไป
“พี่เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นที่เปรมอยากให้พี่เป็น พี่เป็นได้หมดนั่นแหละ”
ณวกาญจน์ยิ้มอ่อนๆก่อนถาม “งอนหรือคะ”
“พี่เป็นแค่พี่ที่สนิทที่สุดเท่านั้นเอง มีสิทธิงอนได้ด้วยหรือครับ คนที่งอนกันได้พี่ว่าน่าจะเป็นมากกว่านั้นนะ”
“แหน่ะ ฟังแล้วก็เหมือนจะงอนนะคะ”
สองหนุ่มสาวพูดคุยหยอกล้อกันโดยไม่ทันเห็นสายตาชนิดหนึ่งของพรรษมน พอหันมาสบตาด้วย พรรษมนถึงได้ผุดรอยยิ้มอ่อนหวานตอบกลับมาอย่างไม่ให้ผิดสังเกตเลยสักนิด
คุยกันอีกไม่กี่คำค่อยแยกย้ายกัน ชายหนุ่มเดินแยกไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับที่พัก ส่วนณวกาญจน์เอารถมาจึงเดินไปยังลานจอดพร้อมเพื่อนรุ่นน้อง พรรษมนขอลงที่ป้ายรถประจำทางเจ้าตัวบอกว่ามีธุระจะไปต่อ เธอเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรแล้วจึงวนรถกลับไปยังคอนโดมิเนียมแถบชานเมืองที่ใช้เป็นที่พำนักมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
ตุลาบอกว่าที่นี่ราคาไม่แพงมาก และทุกอย่างลงตัวพอดีกับที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่ตั้งรวมไปถึงสภาพแวดล้อม พอมารู้ราคาทีหลังก็ได้แต่ค่อนเขาว่านี่นะหรือราคาไม่แพงอย่างที่บอกเธอ
เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วค่อยบอกเสียงหวานให้คนในนั้นรู้ มั่นใจว่ามีคนอยู่เพราะไฟเปิดสว่าง เครื่องปรับอากาศทำงานจนเย็นฉ่ำปอด
“กลับมาแล้วค่ะ”
“นึกว่าวันนี้จะไม่กลับ ‘รังรัก’ ของเราแล้วนะเนี่ย” เสียงถามดังมาจากส่วนที่กั้นเอาไว้เป็นห้องครัว “อยากกินอะไรอีกไหม หิวอีกหรือเปล่า”
เธอเดินไปหยิบแก้วเทน้ำใส่ดื่มอักๆถึงพูดขึ้นบ้าง
“จะทำให้กินหรือไงคะ”
“เปล่า พี่ถามไปงั้นเอง”
ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพี่หลังจากขอคบหากับเธอได้ไม่ถึงห้านาทีดี จากนั้นก็เรียก ‘พี่’ แทนคำอื่นที่ดูห่างเหินกว่ามาแต่บัดนั้น
คนพูดอยู่ในชุดเดิมที่เธอเจอเขาที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า แต่ตอนนี้มีผ้ากันเปื้อนสีสดตัดกันกับชุดคาดทับเอาไว้อีกชั้น
“เห๊อะ เรารึนึกว่าที่ถามเพราะจะทำให้กิน”
แล้วมองเขาราวกับต้องการจับโกหก
“เราบังเอิญเจอกันจริงอ่ะ?”
ใช่ครั้งแรกที่ไหนกันที่เธอมักจะเจอตุลาในห้างสรรพสินค้าแบบนี้ เรียกว่าเจอบ่อยตั้งแต่ก่อนคบหากันเสียอีก จวบจนทุกวันนี้ เธอก็บังเอิญเจอเขาอยู่บ่อยๆ
เลยโหลดแอปพลิเคชั่นเอาไว้จับผิดเขาบ้าง และดูเหมือนตุลาก็เต็มใจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โทรศัพท์ของเขาไม่ใช่ของหวงห้ามสำหรับณวกาญจน์ จนหลังๆชักเบื่อจะหยิบมาดู
แล้วก็พบว่ามันโชว์หราว่าตุลาอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ตุลาเองก็ดูชอบใจที่เธอเช็คเขาอยู่เรื่อยๆ
เลยแกล้งวางแก้วลงบนโต๊ะหนักๆ ก่อนเดินไปวางกระเป๋าที่โต๊ะที่เป็นที่ทำงานในส่วนของตัวเองคว้าโน๊ตบุ๊คขึ้นเปิดเครื่องนั่งรอครู่หนึ่ง ตุลาเดินมายืนมองที่ด้านหลังจิ้มอาหารในจานที่ถือมาด้วยเข้าปากตัวเอง ถามพร้อมเคี้ยว
“ทำอะไร”
“ทำงานสิคะ ไม่ใช่คนว่างงานนะ”
“ยังจะรับงานมาทำอีก เดี๋ยวก็บ่นปวดนั่นปวดนี่”
ตุลามากกว่าที่บ่น หน้าตาเขาดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อว่ากล่าวให้เธอ
หลังเรียนจบณวกาญจน์ทำงานเป็นสาวออฟฟิซได้ไม่ถึงสามเดือนดีก็ลาออก ตอนที่เธอได้เจอตุลาครั้งแรกนั่นลาออกมาแล้ว และรับแปลบทความจนตอนนี้ยังรับงานพวกนั้นอยู่บ้าง แต่หลักๆจะเป็นอ่านหนังสือเสียมากกว่า ตอนนี้ก็แทบจะไม่ได้รับงานแล้ว เพราะตุลาบอกให้เธองดไป หลังจากที่เธอเริ่มปวดท้องทุกครั้งที่จับงานเหล่านั้น ส่วนค่าใช้จ่าย เธอมีเงินที่มารดาทำประกันเอาไว้ให้เป็นทุนรอนอยู่จำนวนหนึ่ง และอีกจำนวนหนึ่งตุลายัดเยียดโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือน รวมๆก็มากกว่าเป็นพนักงานออฟฟิซหลายเท่าเหมือนกัน
ไม่ได้อยากว่างงานอยู่แบบนี้ แต่พอรับงานมาทำทีไรเธอจะเครียดเสมอ เธออยากทำงานออกมาให้ได้ดีที่สุด แล้วก็ชอบกดดันตัวเอง จนกลายเป็นเครียดลงกระเพาะไป
สุดท้ายตุลาทนไม่ได้ที่เธอทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บป่วยเรื้อรังแบบนั้น บอกแกมบังคับให้งดรับงานเสียงแข็ง
ได้ยินเขาบ่นแล้ว แต่เธอไม่สนบ่นกลับไปเสียเลย “เปรมบอกว่าเวลากินอาหารห้ามพูดไงคะพี่ตุลย์”
ตุลายิ้มแล้วแกล้งยั่วด้วยการเคี้ยวตุ้ยๆพร้อมรับคำไปด้วย
“โอเค ไม่พูด”
ณวกาญจน์แกล้งบ้างด้วยการตวัดตามองคนที่ชอบยอกย้อนเธอ ก่อนเบนสายตามาที่หน้าจอดังเดิม ตุลาหาเก้าอี้ใกล้ๆลากมานั่งแล้วมองหญิงสาวอยู่เงียบๆแบบนั้นไม่ทิ้งสายตาไปไหนอีก ณวกาญจน์รู้ว่าเขามองก็ชักเขิน ถอนใจเฮือก ละสายตาจากจอเอียงคอมองเขาอย่างอ้อนๆ พร้อมกับชวนเขาคุยแก้เก้อเสียเลย
“พี่ตุลย์ช่วยเปรมหน่อยสิ”
ตุลายิ้ม ตักอาหารในจานใส่ปากแล้วเคี้ยวๆ พร้อมกับถาม “อะไร” เขาจงใจยั่วให้เธอบ่นอีกว่าอย่าพูดตอนเคี้ยวอาหารแต่ณวกาญจน์เลิกสนเขาแล้วหันมาสนใจกับงานของตนเองแทน
“อยากเขียนนิยาย”
“อยากเขียนก็เขียนสิ”
“พูดเหมือนพัดเลยพี่ตุลย์เนี่ย” บ่นปอดแปดแล้วว่าต่อ “ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิคะ”
“แล้วจะให้พี่ช่วยอะไร”
เขาทอดเสียงถามฉายความเป็นห่วงเป็นใยและใส่ใจจนล้นปรี่ทั่วทั้งดวงตา ณวกาญจน์มองตาเขาแล้วยิ้มหวานให้ ค่อยลุกขึ้นเดินมาซ้อนด้านหลังชายหนุ่มบีบนวดลงบนบ่าบึกบึนภายใต้เสื้อยีนเนื้อนุ่มด้วยน้ำหนักที่กะให้พอเหมาะพอดีเพราะนวดให้เขาเป็นประจำ
ชายหนุ่มวางจานบนหน้าตัก ครางอือในลำคอถูกใจที่สาวเจ้าออดอ้อนด้วยการนวดให้แบบนี้ เอนลงกับพนักเก้าอี้ ทำเนียนเอาศรีษะพิงผนังเนื้อนุ่มหยุ่นตรงด้านหลัง
ณวกาญจน์สะดุ้งก่อนละมือมาตีบ่าเขาเบาๆทีหนึ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอครึ้มๆก็ให้ร้อนวาบไปทั้งใบหน้า นวดไปได้พักเดียวพูดขึ้น
“พี่ตุลย์เส้นตึงจัง เครียดล่ะสิ เรื่องงานใช่ไหมคะ” ถามพร้อมออกแรงนวดให้เขาด้วย ตุลาเงียบไปอึดใจถึงตอบ
“เครียดเรื่องเดียวแล้วล่ะตอนนี้”
“เรื่องอะไรคะ”
“อยากได้เปรมน้อยสักห้าคน...ได้ไหม”
“หูย...” ได้ยินจำนวนลูกที่เขาอยากมี เธอถึงกับใจสั่นไปเลยทีเดียว “รออีกหน่อยนะคะพี่ตุลย์คนดีของเปรม”
ได้ยินคำตอบของเธอแล้วหมดอารมณ์ผ่อนคลาย ตุลาแสร้งถอนใจพรืด ถามเสียงมึนตึงใส่ เชื่อว่าใครคนอื่นมาเห็นเขาแบบนี้ต้องคิดว่าตุลาถูกผีสิงแน่นอนเพราะปกติชายหนุ่มเป็นคนขรึมจัดในเวลางาน เขายิ้มเท่าที่จำเป็นเท่านั้น หน้าเลยติดดูว่าดุเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
“แล้วนี่มาอ้อนเอาอะไร ไหนจะให้พี่ช่วยอะไร ว่ามา”
ละมือจากบ่าตึงๆของตุลาแล้วเอื้อมหยิบจานบนตักของเขาออก สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำตัวกล้าบ้าบิ่นนั่งลงบนตักข้างหนึ่งของเขาแทน แล้วคล้องแขนรอบลำคอแข็งแกร่งอย่างที่เคยเห็นซีนนี้ผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นละครหรือภาพยนตร์ก็แล้วแต่
รับรู้ได้อาการเกร็งตัวหน่อยๆของชายหนุ่มพร้อมกับเสียงถามในลำคออย่างสะกดกลั้นอารมณ์
“จะทำอะไรยัยตัวแสบ”
ตุลาเหมือนเสือจำศีลที่ถูกแม่กระต่ายน้อยตัวดีกระโดดล่อหน้าล่อตาอยู่
ช่วงสองสามเดือนมานี้ เธอยังบ่นว่าปวดท้องอยู่บ้าง แม้จะงดรับงานแล้วก็ตาม ไปพบแพทย์ ตรวจร่างกายแล้วก็ว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และเหมือนว่าปัญหานี้จะทำให้ทั้งคู่ต้องยุติกิจกรรมบนเตียงไปด้วย
โอเค ตุลาก็ยินยอม เพราะห่วงเรื่องสุขภาพของเธอมากกว่า
แต่แล้ว เธอไม่รู้เลยหรือไรว่าเขายังปกติ มีความต้องการ ที่สำคัญตุลาต้องการเธอมากขนาดไหน เจ้าหล่อนจะรู้บ้างหรือไม่
เหตุใดถึงได้ชอบทำแบบนี้กับเขานัก แม้ตุลาจะต้องกรำงานในบริษัทที่ตนเองก่อร่างสร้างขึ้นกับมือจนเหมือนจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่เขายังหนุ่มแน่น พูดง่ายๆก็คือยังต้องการในเรื่องพวกนี้อยู่
คิดแล้วหงุดหงิด ตุลาตามใจเธอเกินไปไหม แต่แล้วเขาก็ไม่อาจขืนใจบังคับขู่เข็ญเอา หากว่าเธอไม่พร้อม ความรักความใคร่ความลุ่มหลงมันควรเป็นเรื่องความเต็มอกเต็มใจของคนสองคนมากกว่าจะเป็นเรื่องของคนคนเดียว
“ยังไม่หายปวดท้องอีกหรือ”
ตุลาถามอาทร แต่แววตาฉายความต้องการชัดเจน
หลบตาเขา ตอบเสียงอ้อมๆแอ้มๆ “ก็...ตอนนี้ไม่ปวด”
“ทำได้แล้ว?” เสียงเขาถามต่ออย่างมีความหวัง
“พี่ตุลย์น่ะ อย่าเพิ่งได้ไหม ช่วยเปรมทำงานก่อน”
“อะไรล่ะ ก็ว่ามาสิ”
เม้มปาก ก่อนบอกอย่างอายๆ
“เปรมอยากรู้ว่าถ้าผู้หญิงเริ่มรุกก่อน จะเป็นยังไง”
เธอได้ยินเสียงคำรามในลำคอ
“เราก็ต้อง...ลองทำดู”
เขาบอกราวกับท้า พร้อมประกายตาคมกล้าสื่อความปรารถนาไม่ซ่อนเร้น ณวกาญจน์เม้มปากแน่นกว่าเดิมจนแทบไม่เห็นสีเลือด แล้วกลั้นใจพูดออกไปอีก
“สอนเปรมหน่อยได้ไหมล่ะคะ มันต้องเริ่มยังไง เปรมจำไม่ได้”
ถามพร้อมจ้องริมฝีปากของเขา ใจสั่นทั้งๆที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับกันและกันเลยสักนิด และตุลาก็เต็มไปด้วยพลังของเพศชายที่ปลุกเร้าดึงดูดให้คู่รักของเขาพร้อมกระโจนลงไปในวังวนเสน่หาได้อย่างง่ายดาย รวมถึงสาวอ่อนด้อยร้ายเดียงสาแบบเธอด้วย
“จะให้พี่สอนจระเข้ว่ายน้ำหรือไง เวลาเรารุก พี่ก็แทบขาดใจตายทุกที ทำมาถามแบ๊วๆอีกว่า ‘ทำยังไงคะ’ ‘เริ่มยังไงคะ’ ”
ตุลากระซิบคุยคลอเคลียข้างใบหู กึ่งแซว ท้ายๆเสียงชักพร่าสั่น จบคำเขาจูบหนักๆลงข้างขมับที่มีไรผมปลกลงมาเล็กน้อย ณวกาญจน์ที่ก๋ากั่นเมื่อแรก เริ่มขนลุกขนชันทั้งตัว หดคอหนีแต่กลับไปไหนไม่รอด เมื่อเขากางกรงเล็บกักเธอเอาไว้กับตัวเสียแล้ว
หมดความอดทนจริงๆ กับร่างหอมหวานบนหน้าตักนี่ สำหรับผู้ชายทั้งแท่งแบบตุลาที่มีเลือดมีเนื้อมีความต้องการมีความปรารถนา ไม่ใช่พระอิฐพระปูนมาจากวัดไหน เธอจึงถูกเขาจุมพิตด้วยความเร่าร้อน ตุลาสอดรัดเรียวลิ้นดูดดื่มเรียกร้องมากกว่าที่เคย ชายหนุ่มที่ใครๆต่างมองว่าแสนสุภาพสุขุมนุ่มนวลกำลังจุดความปรารถนาในเรือนกายของเธอให้พุ่งพล่าน ราวปรอทที่จุ่มลงในลาวาร้อนจัดท่ามกลางภูเขาไฟ
“พี่ตุลย์...”
ได้ยินตนเองเรียกชื่อเขาเสียงเบาหวิว เมื่อรับรู้ได้ถึงริมฝีปากร้อนรุ่มที่ไต่ลงมายังแอ่งชีพจรและทำท่าว่าจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น ตุลากดริมฝีปากของตนแนบแน่นลงบนผิวอ่อนนุ่มของหญิงสาวในอ้อมกอดนิ่งนาน แล้วถึงได้ยินเขาตอบรับกลับมา
“ฮื้อม์”
กลั้นใจบอกเขาก่อนที่อะไรๆจะไปไกลมากกว่านี้
“พอก่อนค่ะ”
ตุลากัดกรามแน่น เค้นเสียงบอกคนบนตัก
“พี่หยุดไม่ได้แล้วทูนหัว”
“แต่เปรม...เปรมปวดท้องอีกแล้ว”
ว่าเสียงอ่อยลงอีก ใจโหมเต้นรุนแรงกลัวเขาจะไม่หยุด
“ปวดอีกแล้วหรือ...นี่แกล้งพี่หรือเปล่า”
ตุลาถามพร้อมกับส่งสายตาสงสัยมาให้ จนเธอร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและลำตัว อ้อมแอ้มบอก
“ปวดจริงๆ”
“โธ่...แล้วแบบนี้เมื่อไรจะมีลูก นี่พี่จะสี่สิบแล้วนะ” เขาบอกด้วยใบหน้าบึ้งตึง ที่จะได้เห็นก็ตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนเพียงเท่านั้น
“น่า...นะคะ อย่าเพิ่งมีเลย เปรมยังไม่พร้อมนี่นา”
ตะล่อมจบ หอมแก้มเขาทีหนึ่งคล้ายปลอบประโลม แต่นาทีนี้ตุลาไม่อยากได้แค่การหอมแก้ม ชายหนุ่มต้องการมากกว่านั้น เขาออกแรงเพียงนิดเดียวดันร่างแน่งน้อยบนตักให้ขยับตัวตรง
เสียงตึงใส่ “เปรมลุกขึ้นก่อน”
ได้ยินเขาว่าแล้วเลยยอมลุกออกจากตักเขาแต่โดยดี ถามเสียงอ่อน
“พี่ตุลย์จะไปไหน”
“เห็นไหม นี่อะไร” ตุลาพยักพเยิดหน้าลงมาที่กึ่งกลางลำตัวของเขา ณวกาญจน์มองตามแล้วหวีดร้องหน้าแดงซ่านทันที
“อี๊!...พี่ตุลย์บ้า”
“มายั่วเขาแล้วยังว่าเขาบ้าอีก ผู้หญิงอะไรแบบนี้เนี่ย”
ได้ยินเขาบ่นงึมงำก่อนเดินเข้าไปในห้องไป อดยิ้มตามไม่ได้ ตะโกนไล่หลังถาม
“แล้วรักไหมคะ”
ได้ยินเสียงทุ้มละมุนหูที่แสนอบอุ่นตอบกลับมาก็ยิ้มหนักกว่าเดิม “ก็เพราะรักนี่ไง ถึงต้องไปทำร้ายตัวเองในห้องน้ำน่ะ”
“พี่ตุลย์บ้า ลามก หื่น กาม”
คราวนี้ตุลาเดินกลับมายืนท้าวเอว หลักฐานความหื่นของเขายังโชว์หราตรงหน้าอีกด้วย ท้ากลับ
“ว่าอีกสิมา เดี๋ยวพี่จะบ้า ลามก หื่น กามใส่ ใครปวดท้องอีก พี่จะไม่ปล่อยแล้วคราวนี้”
“อย่ามาบ้ากับเปรมนะ เข้าห้องไปเลย”
แล้วเดินหนีกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง
เธอจดทะเบียนสมรสกับเขาเงียบๆ ไม่ได้บอกใคร แม้แต่วาสนา หรือแม้กระทั่งสองสาวเพื่อนสนิท อย่างเมธาวีและกิตติภาภรณ์
เธอกับเขาอยู่ในสถานะสามีภรรยามาได้เกือบปีแล้ว พร้อมย้ายมาพักในคอนโดมิเนียมแห่งนี้หลังจดทะเบียนด้วยกันไม่กี่วัน ห้องนี้ตุลาออกเงินซื้อและตกแต่งเองทั้งหมด ตุลาขอเธอแต่งงานตั้งแต่ตกลงว่าจะลองคบกันได้เพียงสามเดือนเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างกันเกิดขึ้นไวจนเธอไม่กล้าบอกใคร แถมยังตกลงคบหาและยอมแต่งงานกับเขาในทันทีที่ตุลาออกปากขออีกด้วย ราวกับผู้หญิงใจง่าย แล้วก็มุ่ยหน้าอย่างไม่สบายใจเท่าไรนักเมื่อนึกถึง
ครั้งหนึ่งเธอเคยคุยเรื่องนี้กับสองเพื่อนซี้ แต่พวกนั้นบอกให้เธอลองดูดูตุลาไปสักระยะก่อน อย่าเพิ่งใจร้อน แต่แล้วก็รู้สึกว่าตนเองกับตุลาเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างกัน เธอรักเขาได้อย่างง่ายดาย รักในความเป็นเขา
ส่วนตุลาเองจากวันที่พบกันครั้งแรกจนถึงวินาทีนี้ เขาก็ไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลยแม้แต่เรื่องเดียว ผิดจากที่เธอเข้าใจไปมากโข ว่าเขาน่าจะเป็นคุณชายเจ้าเสน่ห์ที่ชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้ง แล้วก็อาจมีปัญหาเรื่องผู้หญิงตามมาเมื่อเขาเริ่มเบื่อเธอแล้ว
แต่ที่เธอสัมผัสได้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา
ตุลาเป็นคนอบอุ่น ช่างเอาอกเอาใจ มีความเป็นนำสูงมาก ที่สำคัญเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องที่ใครๆต่างพากันไซโคเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่สำคัญกว่านั้นตุลายังทำอาหารได้อร่อยสุดๆอีกด้วย
ใครต่อใครที่เคยเอ่ยปากเตือนว่าเขาเจ้าชู้ เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นแบบนั้นเลยสักครั้ง จึงวางใจจนมาถึงบัดนี้
คิดเอาไว้ว่าเธอจะรออีกไม่นานก็ว่าจะเปิดตัวเขาให้ทุกคนรู้ว่าแต่งงานกันแล้วนะ แต่คงต้องบอกวาสนาก่อนเป็นคนแรก แล้วก็ตามด้วยสองเพื่อนสาวสุดแสบ จากนั้นอาจจัดงานฉลองสมรสเล็กๆ ที่มีแต่เพื่อนที่สนิทกัน ถึงตอนนั้นเธอคงไม่คุมกำเนิดแล้ว เธอเองก็อยากมีลูกเล็กๆกับเขาเช่นกัน
แล้วหากว่าระหว่างนี้มีคนเข้ามาแทรกกลางเธอกับตุลาเล่า ใครจะเข้มแข็งกว่ากัน ใครจะเหนี่ยวรั้งสายใยสัมพันธ์ที่ผูกกันและกันเอาไว้
เขาหรือเธอ
หรือจะต่างคนต่างหันหลังให้กันไป โดยไม่มีใครรั้งใครเอาไว้เลยสักคน
