ดาราตกกระป๋อง 1
เสียงสังสรรค์ในงานเลี้ยงหลังปิดกล้อง ทำให้เว่ยหย่งฮวาอดรู้สึกน้อยใจตัวเองไม่ได้ เพราะท่ามกลางผู้คนที่มากมายนี้ตัวเธอกลับโดดเดี่ยว
นอกจากผู้จัดการชั่วคราวที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นหัวนักแสดงอิสระคนนี้อีก
ไม่ว่าจะเป็นงานครั้งที่เท่าไรเว่ยหย่งฮวาก็ไม่เคยชินได้เลย อาจเพราะเธอไม่ยอมปีนขึ้นเตียงผู้กำกับพวกนั้น ทำให้เธอเป็นเพียงดาราลำดับสามที่กำลังตกกระป๋องเท่านั้น แต่เธอยอมเป็นดาราตกกระป๋องดีกว่าเป็นของเล่นให้ชายวัยกลางคนที่อ้วนลงพุงแบบนั้น
"ทำไมถึงยังนั่งอยู่อีกกันนะ ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวบ้างเหรอ"
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ที่นั่งในห้องจัดเลี้ยงเป็นแถวยาวสามแถว เว่ยหย่งฮวานั่งอยู่แถวด้านในของโต๊ะจัดเลี้ยงแถวแรก เธอจำเสียงนั้นได้เพราะต่อบทกันมานักต่อนักแล้ว
"อย่าพูดไปเชียวนะ ทำงานมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ยังขึ้นแท่นนางเอกอันดับต้น ๆ ไม่ได้เลย"
เว่ยหย่งฮวาอดจะกรอกตาไม่ได้จริง ๆ ก็คนที่พูดอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ความเป็นมนุษย์ช่างย้อนแย้ง แล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นเป็นนางเอกก็เพราะไม่ได้ปีนขึ้นเตียงเหมือนเจ้าหล่อนไง
"เบาเสียงหน่อย เจ้าตัวอาจจะได้ยินนะ"
ผู้พูดก็อยากได้แสงเหลือเกิน ต่อให้เบาขนาดไหนก็ยังได้ยินอยู่ดี ที่นั่งห่างกันเพียงหนึ่งศอกกัน นินทาระยะเผาขนขนาดนี้ไม่ได้ยินก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
ถ้าเทียบกับนักแสดงมีสังกัดล่ะก็ เว่ยหย่งฮวายอมรับว่าตัวเองไม่ค่อยมีชื่อเสียงจริง แต่ในหมู่นักแสดงอิสระด้วยกันก็ถือเป็นระดับต้น ๆ ที่ผู้คนจะรู้จัก
แต่เมื่อทำงานให้คนที่มีบริษัทเป็นรูปธรรม ต่อให้เธอจะมีความสามารถแค่ไหน บริษัทก็จะต้องเอาคนของตัวเองไว้ก่อนอยู่แล้ว
ไม่แปลกเลยเพราะหากเป็นเธอก็จะทำแบบเดียวกัน แต่การนินทาว่าร้ายกันทั้งต่อหน้าและลับหลังอย่างนี้เธอรับไม่ได้จริง ๆ
"ได้ดีเพราะว่าเรามีนางเอกแท้ ๆ กระแสก็ดังมาก ๆ ตัวเองไม่มีอะไรมาให้เทียบได้เลยต้องทำแบบนี้สินะ"
"ไม่พูดเกินไปหน่อยเหรอ เสียงเธอชักจะดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ เมาแล้วหรือเปล่าเนี่ย"
"ฉันไม่เมา ฉันคอแข็งจะตาย"
เสียงยานคางขนาดนั้นเอาตรงไหนมาไม่เมาล่ะ
เว่ยหย่งฮวาแอบค้านในใจ หากไม่ติดว่าเธอเสียเปรียบ คงจะนินทากลับไปหลายประโยคแล้ว แต่กองถ่ายนี้ไม่มีเพื่อนร่วมวงสนทนากับเธอได้จริง ๆ แม้จะเป็นกองถ่ายของผู้กับกับชื่อดัง
แต่เห็นได้ว่าทุกคนที่เขาเลือกมาแสดงล้วนมีเส้นมีสายทั้งนั้น คงมีแต่เธอที่ถูกถูกเลือกอย่างงง ๆ และนี่คงเป็นเป้าหมายให้ดาราคนอื่นจ้องจะเล่นงานเธอตลอดเวลาแบบนี้ เมื่อไม่มีโอกาสกลั่นแกล้งเธอก็ใช้ปากนินทาแทน
"ถึงเธอจะเป็นตัวละครเอกหญิงคนหนึ่ง เห็นได้ชัดเลยนะว่าไม่ว่าพระเอกหรือพระรองก็ไม่เลือกเธอ"
"ได้สิหยิ่งผยองขนาดนั้นใครจะอยากเข้าใกล้"
คนฟังเริ่มสับสนแล้วว่าตกลงนินทาเรื่องในชีวิตจริงหรือเรื่องในละครกันแน่ เพราะดูเหมือนจะเอามาปะปนกันจนเลอะเทอะไปหมด
แม้จะเป็นเรื่องที่ควรทำตัวให้ชิน แต่เว่ยหย่งฮวาก็อดหงุดหงิดไม่ได้ว่าทำไมจะต้องให้ชินกับเรื่องแบบนี้ด้วย ไม่มีใครสมควรต้องเจอเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ
นี่คือโลกบันเทิงมีใครบ้างที่จะไม่โดนนินทา แม้แต่นางเอกแสนดีมีเงินหลายร้อยล้านหยวนก็ยังถูกนินทา นับประสาอะไรกับดาราไร้สังกัดที่กำลังตกกระป๋องอย่างเธอกัน
"คือว่า นี่ดึกมากแล้ว คงต้องขอตัวก่อนนะคะ"
เว่ยหย่งฮวาลุกขึ้นแล้วเอ่ยลาทีมงาน เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่อย่างรุนแรง ความกดดันนี้เกินจะทำใจอยู่ต่อได้ จนกระทั่งจะกลับแล้วก็ยังไม่มีใครสนใจเธอเหมือนเดิม หญิงสาวทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกมาเงียบ ๆ
งานที่ส่งคำขอมาจากบริษัทนี้ในอนาคตคงต้องปฏิเสธให้หมด เรื่องเงินก็สำคัญแต่สุขภาพจิตสำคัญกว่า
