บท
ตั้งค่า

EP.1

‘ปานธง’ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ผิดศีลธรรม ทั้งๆ ที่ตลอดชีวิต 35 ปีของเขา ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดทำอะไรร้ายๆ ทว่าสุดท้ายเขาก็หนีไม่รอด

คำว่า ‘ตัณหา’ มันพาเขาหลงมัวเมาไปกับความผิด แม้จะคิดว่าก็แค่คนสองคนตอบสนองความใคร่ที่ไม่สิ้นสุดซึ่งกันและกันเท่านั้น แต่ความผิดก็ยังกัดกร่อนหัวใจเขาอยู่ดี

เขาน่าจะอดทนต่อความหิวกระหายให้มากกว่านี้

เขาน่าจะยับยั้งไม่คิดไปแตะต้อง ไม่คิดแม้แต่จะชิม

แต่หากเป็นคุณ... หิวมากๆ แล้วมีอาหารมาวางตรงหน้า

คุณจะกิน... หรือทิ้งไป แต่คนมันหิว มันก็ต้องกินใช่ไหม??

หากเป็นคุณ... จะอดกลั้นความอยากไว้ได้เหรอ

เมื่อมันอยากมากๆ มันก็ต้องได้รับการปลดปล่อย

หากเป็นคุณ... คุณจะทำอย่างไร

จะเลือกไปต่อ... หรือพอแค่นี้...

แต่ที่เขาเลือก...

ย้อนไปเมื่อ 3 เดือนก่อน…

‘ปานธง’ ชายหนุ่มวัย 35 ปี ทำงานอยู่บริษัท ‘ฝากบ้านเช่า’ โดยบริษัทจะรับฝากบ้านจากเจ้าของที่ต้องการปล่อยให้เช่า เสมือนทำหน้าที่บริหารจัดหาลูกค้าให้ บริษัทจะคัดเลือกลูกบ้านที่จะมาเช่าให้เหมาะสม และในระหว่างที่อยู่ในสัญญา ทางบริษัทจะดูแลซ่อมบำรุงอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นให้คงสภาพเดิมที่รับมอบมาให้ดีที่สุด

ผลที่ลูกค้าจะได้รับก็คือ ได้เงินและบ้านก็จะไม่โทรม เพราะมีคนคอยดูแลให้อยู่ตลอด

โดยอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทรับดูแลจะมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม ร้านค้า อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงคฤหาสน์ หรือโกดังให้เช่า

ปานธงอยู่ฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สิน คือต้องไปตรวจสอบสภาพของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น พร้อมลงจุดตำหนิ จุดบกพร่องให้ละเอียด ก่อนจะทำสัญญาฝากบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีพิพาทกันทีหลังว่าสภาพตอนส่งมอบกับหลังส่งคืนนั้นแตกต่างกัน

‘มยุรี’ ภรรยาของปานธงเป็นพยาบาล ด้วยงานพยาบาลที่รัดตัวเพราะมีผู้ป่วยต้องดูแลอยู่มากทำให้ช่วงเวลาของมยุรีกับปานธงไม่ค่อยจะสอดคล้องกันนัก แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นชายทั้งคู่ 5 ขวบ และ 3 ขวบ

มยุรีส่งลูกเข้าเนิร์สเซอรี่ตั้งแต่ 3 เดือน แต่โชคดีหน่อยที่เนิร์สเซอรี่เป็นของโรงพยาบาลที่หล่อนทำงานอยู่ มยุรีจึงได้ใกล้ชิดลูกเสมอ ส่วนช่วงเย็นของแต่ละวัน ปานธงจะทำหน้าที่ดูแลลูกๆ ในวันที่มยุรีอยู่เวร แต่ถึงไม่ใช่วันมีเวร ปานธงก็ให้มยุรีได้พักผ่อน เพราะเขาถือว่างานพยาบาลเป็นงานหนัก อะไรที่เขาแบ่งเบาเมียได้ เขาก็จะทำ

งานของเขาไม่ค่อยต้องเข้าออฟฟิศเท่าไร ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านนอกเสียมากกว่า การรับงานก็เป็นรายๆ ไป เขาจึงบริหารเวลาได้ดีกว่ามยุรี เขาไม่ได้คิดว่ามยุรีเป็นเมียแล้วต้องดูแลบ้านดูแลลูก ส่วนผู้ชายไม่ต้องทำอะไร คอยให้เมียบริการ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีหน้าที่การงานเช่นกัน

เขาถือว่าเรื่องครอบครัวเป็นหน้าที่ของผัวเมียเท่าๆ กัน เขาจึงไม่เรียกร้องให้มยุรีต้องทำอะไรเพื่อเขา แค่หล่อนทำงานหนัก หล่อนซื่อสัตย์และให้ลูกที่น่ารักกับเขา แค่นั้นก็พอแล้ว ดังนั้นเรื่องงานบ้าน ส่วนมากจะเป็นหน้าที่ของปานธงเป็นหลัก รวมถึงอาหารการกินของลูกด้วย

จนตอนนี้ทั้งคู่เข้าโรงเรียนอนุบาลและพอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง มยุรีจึงถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะขอย้าย หล่อนขอย้ายไปโรงพยาบาลประจำอำเภอบ้านเกิด เพื่อวางแผนในระยะยาวรองรับอายุที่เพิ่มขึ้น หวังย้ายมาก่อนปานธงเพื่อสร้างรากฐาน ดูลู่ทางทำงาน ดูโรงเรียนให้ลูก และจะได้ใกล้ชิดพ่อแม่ด้วย

แต่ช่วงแม่ย้ายที่ทำงาน ไม่ใช่ช่วงที่ลูกปิดภาคเรียน ลูกทั้งสองคนจึงต้องอยู่กับปานธงที่กรุงเทพฯ ไปก่อน รอจนกว่าขึ้นเทอมใหม่จึงจะย้ายไปอยู่กับมยุรีได้ ซึ่งที่นั่นมีตายายคอยช่วยดูแลอยู่

แรกๆ ปานธงก็คิดว่าไม่เป็นอะไรที่มยุรีจะย้ายไป เพราะกิจวัตรของเขากับลูกๆ ก็ยังเหมือนเดิม เพราะลูกทั้งคู่ก็พอช่วยเหลือตัวเองกันได้บ้างแล้ว คนเล็กแปรงฟันได้ คนโตก็แต่งตัวเองได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel