ตอนที่ 3 น้ำอสุจิผู้ชายกินได้ไหม?
ถ้ามีนาสังเกตเธอจะเห็นแววตาของธันวาที่มีบางอย่างซ่อนเอาไว้ เขาไม่ได้ต้องการแค่นักเขียนเงามาช่วยเขียนเรื่องเสียวเท่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วเขาอยากได้คนที่เขาจะสามารถชักจูงให้ทำตามที่ตัวเองต้องการด้วย ซึ่งมีนาถูกเลือกเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นโดยที่เธอไม่เอะใจเลยสักนิด....
“ส่วนพวกนี้เป็นตัวอย่างงานที่ผมเคยเขียนไว้บางส่วนนะครับ ผมอยากให้คุณมีนาโฟกัสที่สำนวนการเขียนและอารมณ์ของเรื่องเป็นหลัก เพราะพล็อตเรื่องผมจะเป็นคนส่งให้เองครับ”
“ค่ะ งั้นรบกวนส่งมาให้มีนาทางแชตหน่อยนะคะ เดี๋ยวมีนาจะได้กลับไปทำการบ้าน”
คำว่ากลับไปทำการบ้านในสถานการณ์ตอนนี้ของมีนามันแฝงความอึดอัดเอาไว้เล็ก ๆ เพราะการบ้านที่ว่าคือการอ่านนิยายอีโรติกที่เนื้อหาออกไปทางเรื่องเสียวแนว 18+
“โอเค ผมส่งให้แล้วครับ ถ้ามีปัญหาหรือว่าสงสัยอะไรทักถามผมได้ตลอดนะครับ ถ้าไม่อ่าน ไม่ตอบ แสดงว่าหลับไปแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้มีนาส่งบทความบทแรกให้คุณธันวาก่อนก็แล้วกันนะคะ จะได้ช่วยดูว่าต้องปรับอะไร ส่วนนิยายขอเป็นหลังจบงานบทความนะคะ”
“ได้เลยครับ เรื่องบทความผมไม่ห่วงเพราะคุณมีนามืออาชีพอยู่แล้ว ไม่งั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 5 ดาวแน่ ๆ “
“ขอบคุณที่ไว้ใจให้มีนาทำงานให้นะคะคุณธันวา”
“ผมว่าเรามาเปลี่ยนสรรพนามกันใหม่ดีกว่าครับ รู้สึกมันจะเป็นทางการไปหน่อย เอาเป็นคุณมีนาเรียกมาว่า “พี่วา” ส่วนผมก็จะเรียกคุณมีนาว่า “มีนา” เฉย ๆ จะได้ดูเหมือนคนที่ทำงานร่วมกันหน่อย”
“งั้นก็ได้ค่ะ เอ่อ...พี่วา งั้นวันนี้มีนาขอกลับไปเขียนบทความให้ก่อน แล้วก็จะอ่านนิยายของพี่ว่าด้วยถ้าไม่ง่วงจนเกินไปนะคะ”
“โอเคครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วยครับพี่นา”
“ขอบคุณมากค่ะพี่วา มีนาก็ยินดีเช่นกันค่ะ”
คืนนั้นมีนากลับมาถึงบ้านก็ทำธุระส่วนตัวต่าง ๆ แล้วก็กินข้าวรวมถึงให้อาหารเจ้าเทมเป้แมวที่เธอเลี้ยงไว้ เสร็จแล้วมีนาก็เปิดแล็ปท็อปเพื่อเริ่มต้นงานที่เพิ่งได้รับมาทันที เพียงแค่หัวข้อแรกก็ทำเอามีนาเขียนไปด้วยจินตนาการไปด้วย แม้จะแอบเขินที่ต้องมาเขียนงานแนวนี้แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพเธอก็เขียนมันจนเสร็จก่อนจะส่งให้กับธันวาตรวจ
“พี่วาคะ มีนาส่งงานบทแรกมาให้ดูก่อนค่ะ พี่ว่าลองดูว่าต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไรบ้าง บอกมีนามาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“โอเคครับมีนาเดี๋ยวพี่ดูตอนนี้เลย เขียนเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ยังไม่ถึงสี่ทุ่มเลยส่งงานแล้ว เพิ่งรับบรีฟแท้ ๆ”
“ก็อยากเขียนบทความให้จบก่อนจะเริ่มเขียนนิยายค่ะ
บทความของมีนา.....
น้ำอสุจิผู้ชาย…กินได้จริงไหม? เรื่องสุขภาพที่หลายคนสงสัย แต่ไม่กล้าถามดัง ๆ
มีคำถามหนึ่งที่หมอและนักเพศศึกษามักได้ยินอยู่บ่อย ๆ คือ
“น้ำอสุจิผู้ชายกินได้ไหม?”
คำถามนี้อาจฟังดูขัดเขินในสังคมไทยที่ยังถือว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย แต่ในความเป็นจริง มันคือคำถามด้านสุขภาพที่สำคัญและควรถูกพูดถึงอย่างเปิดเผยและมีข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะหลายคนอาจได้รับข้อมูลผิด ๆ จากโซเชียลหรือเพื่อน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่มักทดลองโดยขาดความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยทางเพศ
วันนี้เราเลยอยากพามา “คลี่” เรื่องนี้อย่างละเอียดกันทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์ สุขอนามัย ความเสี่ยง และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่คุณควรรู้ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรเกี่ยวกับ “น้ำอสุจิ”
น้ำอสุจิคืออะไร?
น้ำอสุจิ (Semen) เป็นของเหลวที่หลั่งออกมาจากอวัยวะเพศชายเวลาถึงจุดสุดยอด ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกันของอวัยวะสืบพันธุ์หลายส่วน ไม่ใช่แค่จาก “ลูกอัณฑะ” เท่านั้น
ในน้ำอสุจิประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ๆ ดังนี้
1. อสุจิ (Sperm cells) – เป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชายที่ผลิตจากลูกอัณฑะ
2. ของเหลวจากต่อมลูกหมาก – ทำหน้าที่ให้สารอาหารแก่อสุจิและช่วยควบคุมความเป็นกรด-ด่าง
3. ของเหลวจากถุงน้ำเชื้อ (Seminal vesicle) – มีน้ำตาลฟรุกโตสซึ่งให้อาหารและพลังงานแก่อสุจิ
4. ของเหลวจากต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s gland) – ช่วยหล่อลื่นและลดความเป็นกรดของท่อปัสสาวะ
ลักษณะทั่วไปของน้ำอสุจิคือมีสีขาวขุ่นหรือขาวเทา มีกลิ่นเฉพาะตัว และมีรสเค็มหรือคาวเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากสารแร่ธาตุ เช่น สังกะสี และเอนไซม์บางชนิดในนั้น
พูดง่าย ๆ ก็คือ น้ำอสุจิไม่ใช่ “สิ่งสกปรก” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่ “ของวิเศษ” อย่างที่บางคนเชื่อว่ากินแล้วผิวดีหรือบำรุงสุขภาพ ซึ่งเราจะมาคุยกันต่อในหัวข้อถัดไป
แล้วน้ำอสุจิกินได้ไหม?
คำตอบสั้น ๆ คือ “กินได้” แต่ไม่จำเป็นต้องกิน
ในทางชีววิทยา น้ำอสุจิเป็นของเหลวที่ประกอบด้วยโปรตีน น้ำตาล และแร่ธาตุ ซึ่งล้วนเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยได้เหมือนอาหารทั่วไป ไม่มีสารพิษโดยตรง และหากคนที่หลั่งน้ำอสุจิมีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) การกลืนลงไปจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “กินได้” ไม่ได้หมายความว่า “ปลอดภัยในทุกกรณี” เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ควรรู้
ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการกลืนหรือสัมผัสน้ำอสุจิ
1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs/STIs)
น้ำอสุจิสามารถเป็นพาหะของเชื้อโรคได้หลายชนิด เช่น
o HIV (เชื้อเอดส์) – ติดต่อได้ผ่านเยื่อบุในช่องปาก
o ซิฟิลิส (Syphilis)
o หนองในแท้ (Gonorrhea)
o เริม (Herpes)
o ไวรัสตับอักเสบบี และซี
เชื้อเหล่านี้สามารถอยู่ในน้ำอสุจิได้ แม้ผู้ชายจะไม่มีอาการชัดเจนก็ตาม หากมีแผลในปาก เหงือกอักเสบ หรือแผลเล็ก ๆ บนเยื่อบุปาก ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ทันที
2. การแพ้โปรตีนในน้ำอสุจิ
มีรายงานทางการแพทย์จำนวนหนึ่งที่ระบุว่าบางคนมีภาวะ “แพ้โปรตีนในน้ำอสุจิ” ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคัน แสบ หรือผื่นขึ้นรอบบริเวณที่สัมผัส — แม้กระทั่งภายในช่องปาก
3. สุขอนามัยในช่องปาก
หากช่องปากไม่สะอาด หรือมีปัญหาทางทันตกรรม เช่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือมีแผลในปาก จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย
ดังนั้น หากพูดในแง่ความปลอดภัยทางการแพทย์ คำตอบคือ “ไม่แนะนำให้กลืน” หากไม่มั่นใจในสุขภาพของคู่ หรือไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและตรวจโรคกันเป็นประจำค่ะ
แล้วมีประโยชน์ไหม?
บางแหล่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมักพูดว่าน้ำอสุจิ “มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ” หรือ “ช่วยให้สุขภาพดี” ซึ่งพริมขออธิบายให้ชัดเลยนะคะว่า
ประโยชน์มีจริง แต่ปริมาณน้อยมาก จนแทบไม่มีผลทางโภชนาการ
เพราะถึงจะมีโปรตีน สังกะสี และวิตามินเล็กน้อย แต่ในปริมาณน้ำอสุจิเฉลี่ยต่อครั้ง (ประมาณ 3-5 มิลลิลิตร) สารอาหารเหล่านี้มีเพียงนิดเดียว ไม่เพียงพอที่จะให้ผลลัพธ์ใด ๆ ต่อร่างกายหรือผิวพรรณเลย
ดังนั้น หากต้องการบำรุงร่างกายหรือผิว ควรเลือกวิธีที่ปลอดภัยกว่า เช่น กินอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะดีกว่ามาก
แล้วทำไมบางคนถึงชอบ?
นี่เป็นคำถามด้านจิตวิทยาที่น่าสนใจ
ในความสัมพันธ์ทางเพศ บางคู่มองการกลืนน้ำอสุจิเป็น “สัญลักษณ์ของความไว้ใจหรือความยอมรับ” มากกว่าจะมองในเชิงโภชนาการหรือสุขภาพ ซึ่งตรงนี้ไม่มีถูกหรือผิด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของ “ความยินยอม” และ “ความเข้าใจร่วมกัน”
นักจิตวิทยาหลายคนอธิบายว่า การกระทำลักษณะนี้อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับอารมณ์ ความผูกพัน และความรู้สึกใกล้ชิดในคู่รักบางคู่ แต่ถ้ามีใครคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจหรือถูกกดดันให้ทำ ทั้งที่ไม่อยากนั่นไม่ใช่ความรักที่ปลอดภัย
สิ่งที่ควรทำถ้าอยากปลอดภัย
1. ตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ
คู่รักที่มีความสัมพันธ์ทางเพศควรตรวจเลือดหาเชื้อ HIV, ซิฟิลิส, หนองใน, และไวรัสตับอักเสบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. รักษาความสะอาดก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
ล้างมือ ล้างปาก และอวัยวะเพศให้สะอาด ลดความเสี่ยงจากแบคทีเรียและเชื้อรา
3. หลีกเลี่ยงการกลืนถ้ามีแผลในปากหรือไม่แน่ใจในสุขภาพของคู่
แม้แผลจะเล็ก แต่ก็เป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมาก
4. ใช้ถุงยางอนามัยหากต้องการป้องกันโรค
โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นความสัมพันธ์แบบไม่มั่นคง หรือคู่ไม่ได้ตรวจสุขภาพร่วมกัน
มุมคิดสำคัญ: เรื่องเพศควรเป็นเรื่องของ “ความเข้าใจ”
ในสังคมไทย เรื่องเพศยังมักถูกปิดบังหรือพูดอย่างอาย ๆ ทำให้หลายคนหาข้อมูลจากแหล่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ในโซเชียล หรือเพื่อนเล่าต่อกันมา ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น “กินน้ำอสุจิแล้วผิวดี” หรือ “เป็นการพิสูจน์รักแท้”
ความจริงคือเรื่องเหล่านี้ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ความรู้ ความปลอดภัย และการเคารพซึ่งกันและกัน”
เพศศึกษาไม่ได้สอนให้คนมีเพศสัมพันธ์ แต่สอนให้คน “รู้เท่าทัน” เพื่อดูแลตัวเองได้ถูกต้อง และไม่ตกเป็นเหยื่อของความเชื่อผิด ๆ
ฝากไว้ให้คิด
น้ำอสุจิ “ไม่ใช่สิ่งสกปรก” แต่ก็ “ไม่ใช่ของวิเศษ” ความรักหรือความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ได้วัดจากการยอมทำสิ่งที่เสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ควรวัดจากการ “เคารพกัน” และ “ดูแลกัน”
อย่าลืมว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นเรื่องที่เราควรพูดได้อย่างมีความรู้ และเข้าใจอย่างถูกต้อง เพราะสุขภาพดีไม่ได้เริ่มที่ร่างกายเท่านั้น แต่เริ่มจาก “ใจที่รู้เท่าทัน” ด้วย
บทสรุป
“น้ำอสุจิไม่ใช่ของแปลก แต่ก่อนจะทำอะไรกับมัน ต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเราปลอดภัยแค่ไหน และคู่ของเรามีสุขภาพดีจริงหรือเปล่า เพราะความรู้เท่านั้น ที่ป้องกันเราได้ดีกว่าความเชื่อ”
ธันวาแอบยิ้มกับบทความที่มีนาเขียนมา สมแล้วที่เธอเป็นมืออาชีพด้านการเขียนและการใช้ภาษา บทความของมีนาแทบไม่ต้องแก้อะไรเลย เขาสามารถนำไปใช้งานได้ทันที เพียงแค่เพิ่มเติมความคิดของเขาลงไปนิดหน่อยเท่านั้น แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวข้อบทความก็คือเขาพยายามใส่ความคิดบางอย่างให้มีนาทีละน้อย เป็นกับดักที่เขาวางเอาไว้อย่างแยบยลแบบที่มีนาคิดไม่ถึง
“พี่อ่านแล้วครับมีนา ไม่ผิดหวังที่เลือกมีนามาทำงานนี้ พี่แทบไม่ต้องปรับแก้อะไรเลย มีนาทยอยส่งงานที่เหลือมาได้เลยนะครับ คิดว่า 10 บทนี้ใช้เวลากี่วันครับมีนา”
“น่าจะไม่เกินสามวันค่ะพี่วา เพราะมีนากำลังว่างอยู่พอดี ถ้าพี่ว่าโอเคกับสำนวนของมีนาที่ส่งไปเดี๋ยวมีนาเร่งทำที่เหลือให้นะคะ”
“โอเคครับ เรื่องบทความพี่ไม่ห่วงละ ยังไงฝากทำการบ้านเรื่องนิยายด้วยนะครับ”
“ค่ะพี่วา เดี๋ยวหลังจากนี้มีนาจะเริ่มอ่านตัวอย่างที่พี่วาส่งมาก่อน พอจบงานบทความพี่วาก็ส่งพล็อตนิยายที่จะให้เขียนมาได้เลยค่ะ”
พอคุยกับธันวาเสร็จมีนาก็พักสายตาและปรับจูนความคิดตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดตัวอย่างนิยายที่ธันวาให้มาอ่าน โดยหารู้ไม่ว่านี่ก็เป็นอีกแผนของธันวาที่จงใจให้มีนาอ่านเรื่องเสียวแนวที่เขาถนัดเพื่อที่จะชักจูงเธอเข้าสู่เส้นทางแห่งกามารมณ์ที่เขาวางไว้ได้ง่ายขึ้น!!!
