ตอนที่ 2 พนันกันมั้ย (2)
[Talk เอิงเอย]
“อีเอย มึงไปต่อปากต่อคำทำไมว่ะ เสียสุขภาพจิต” มีนเพื่อนรักฉันพูดขึ้น
“เออนั่นดิก็แค่เด็กน้อยมั้ย มึงไม่เห็นต้องใส่ใจ” ชมพู่เพื่อนสนิทอีกคนพูดขึ้นมาอีก
“เออ กูเกลียดแววตามองเหยียดของไอ้เด็กนั่นชิบ มองเหมือนกูเป็นตัวเชื้อโรค เลยเผลอไปหน่อย”
ฉันเริ่มสงบสติอารมณ์แล้วฟังเพื่อน น่าโมโหชิบสายตาหมอนั่น ต่อไปอยู่ให้ห่างดีกว่า ถ้าไม่งั้นต้องได้มีเรื่องถึงขั้นชกต่อยกันแน่ๆ อะไรกันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แต่กลับมาไม่ชอบขี้หน้ากันแบบนี้
“เออๆดีแล้ว แล้วยังไง คืนนี้มึงก็ต้องทำงานเหมือนเดิมงั้น”
ชมพู่มันถามในสิ่งที่มันรู้อยู่แล้วทำไมว่ะ ถึงจะดูท่าทางเป็นห่วงมากก็เถอะนะ
“เออ ก็ต้องทำดิ ไม่ทำกูจะเอาตังไหนมาผ่อนรถ”
ฉันตอบไปอย่างเสียไม่ได้ อาชีพของฉันมันได้เงินดีด้วยสิโดยเฉพาะทิปจากแขก
“เออ อย่าดื่มเยอะนะมึงเดี๋ยวขับกลับไม่ไหว” ชมพู่ยังคงเป็นห่วงฉันเหมือนที่ผ่านๆ มาเสมอ
“ปกติกูก็ไม่ค่อยกินอยู่แล้วถ้าไม่โดนคะยั้นคะยอจริงๆ ส่วนใหญ่จะเมาดิบมึงก็รู้”
ฉันถอนหายใจพลางพูดขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนสบายใจ พวกมันเป็นห่วงฉันมากข้อนี้ฉันรู้ดีที่สุด ถ้าไม่มีพวกมันฉันอาจจะผ่านยุกมืดของตัวเองมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เออ วันไหนไม่ไหวก็โทรหาพวกกู”
มีนพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“ขอบใจมากมึง กูไหว”
[Talk เหมันต์]
“เชี่ยโดนรุ่นพี่ดูถูกขนาดนี้เจ็บใจฉิบหาย ว่าแต่ทำไมดูนางอารมณ์บูดๆ ว่ะ ปกติกูก็แซวนางแบบนั้น แต่วันนี้นางของขึ้นเฉย”
ไอ้บอสถามอย่างสงสัย
“เพราะกูมั้ง”
ผมแกล้งพูดในสิ่งที่เหมือนผมจะรู้ดีเต็มอก เป็นใครก็ต้องโมโหแหละ ถ้าโดนมองเหมือนเชื้อโรคขนาดนั้น
“ว่าแต่มึงเถอะ ทำไมถึงไม่ชอบพี่เขาขนาดนั้นว่ะ พี่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้มึงสักหน่อย”
มันถามคำถามที่ผมเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ รุ้แต่ว่ายัยนั่นเหมือนใส่สูตรโกงมาตั้งแต่เกิด ทั้งรูปร่างหน้าตานั่น แต่ดันทำตัวเองซะไร้ค่า ดูท่าทางดีดกะโหลกแล้วเจนสนามนั่น ไม่สมเป็นผู้หญิงสักนิด ผมชอบแบบเรียบร้อย ใช่ ผู้หญิงต้องเรียบร้อยสิ
“ขยะแขยง ผู้หญิงที่เอากับคนอื่นไปทั่ว มึงไม่ขยะแขยงหรอไอ้บอส”
ผมไหวไหล่ถามมันแล้วใช้สายตามองเหยียดไปยังโต๊ะที่พวกเธอนั่ง
“มึงรู้ได้ไงไอ้เหม มันก็แค่ข่าวลือป่ะว่ะ กูไม่เคยเห็นพี่เขาคบใครเลยนะ ถามใคร ใครก็บอกว่าพี่เขาไม่มีแฟน”
“เออ ไม่มีแฟนนั่นแหละตัวดี แอบแดกเงียบๆ ฟาดทั้งมหาลัย ไหนจะเรื่องบุหรี่อีก แค่มองกูก็รับไม่ได้แล้ว”
“แต่กูว่าพี่เขาไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายแบบที่มึงว่าว่ะ”
โอ้โหไอ้เชี่ยนี่ ก็คือมันเป็นเพื่อนผมแต่มันพูดเข้าข้างคนที่มีฮี แค่นั้นจริงๆ ผมได้แต่กลอกตามองบนกับสิ่งที่มันกำลังร่ำไรไม่จบ แล้วจู่ๆสมองก็คิดเรื่องสนุกๆขึ้นมาได้
“กูว่ายังไงก็เจนสนาม มึงพนันกับกูมั้ย”
ผมเริ่มโมโหที่มันเข้าข้างฮี มากกว่าเพื่อนแล้วเผลอท้ามัน ด้วยความคึกคะนองของตัวเอง
“เออ กูว่าไม่เจนสนามสนาม กูพนันกับมึงว่าปากถ้ำยังไม่ถึงขั้นรถสิบล้อเข้าไปกลับลำได้”
“เออ แล้วมึงคอยดู มาพิสูจน์กันสิว่าจะอย่างที่มึงว่ามั้ย”
“แล้วจะพิสูจน์ยังไงวะ ไปขอดูก็คงจะโดนถีบกลับมามั้ย”
เออก็จริงของมันว่ะ
“เอางี้ มึงกับกูทั้งคู่เลยเข้าหายัยนั่น ถ้ายัยนั่นลากใครไปนอนด้วยคนนั้นก็พิสูจน์แล้วกลับมาบอก โอเคมั้ย”
“เออ เข้าท่านี่ว่า จะได้รู้ด้วยว่าเธอง่ายจริงหรือเปล่า”
ไอ้บอสยอมรับไอเดียแสนบรรเจิดของผม
และนั่นคือที่มาของเรื่องทั้งหมดของผมกับยัยรุ่นพี่ปั่นประสาทนี่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมคงไม่ไปท้ามันแบบนี้แน่ๆ
