บท
ตั้งค่า

บทที่7 ปีศาจสีเลือด

สถานการณ์ทางด้านเหยี่ยนฮ่าว ดำเนินต่อไปในทิศทางที่ไม่ดีนักเขานำเครื่องรางป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่ท่านพ่อเขามอบให้มาห้อยไว้ที่คอ   เขารู้สึกถึงพละกำลังที่หายไปสามส่วนเพราะถูกเครื่องรางดูดซับไป จนมันเริ่มร้อนขึ้น   นี่คือสัญญาณว่าเครื่องรางได้ถูกใช้งาน   

         เพราะการเปิดใช้เครื่องรางนั้นจะดูดซึมพลังวิญญาณจากเจ้าของ  จึงทำให้พละกำลังที่ใช้ต่อสู้ลดลงไป   จึงเหมาะสมที่ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น

แกร่ก  แกร่ก!

 

         เหยี่ยนฮ่าวตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน  จากที่เขาครุ่นคิดดู ตอนนี้ศัตรูเขามีสองฝ่าย  หนึ่งคือฝ่ายทหารแค้วนจ้าวสองคน ซึ่งเหลือเพียงคนบาดเจ็บที่ขากับคนที่กำลังโดนผีสาวสะกดไว้  หากสู้กันจริงๆเขาก็ไม่เกรงกลัว   แต่ปัญหาคือฝ่ายที่สองซึ่งก็คือวิญญาณร้ายตัวนั้นที่ส่งผลคุกคามต่อชีวิตเขาที่สุด 

         ตั้งแต่ที่เหยี่ยนฮ่าวมาถึงค่ายทหารแคว้นฉู่ตรงชายแดนนั้น  ด้วยความรอบคอบเขาได้เลือกศึกษาข้อมูลต่างๆของสนามรบเอาไว้อย่างละเอียด  จนเขาได้ไปเจอกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณร้าย ที่สามารถพบเจอได้แถวบริเวณรอบๆป่าต้องห้าม  เพื่อป้องกันเหล่าทหารใหม่แตกตื่นจึงไม่ได้ถูกบันทึกไว้เป็นตัวอักษร  แต่หากถามผู้ที่ประจำการอยู่แถวนี้มาเกินสิบปีล้วนทราบดี

        เหยี่ยนฮ่าวเองก็อาศัยเส้นสายจากทางตระกูล จนได้พบกับทหารเก่าที่เคยเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายโดยตรง  ซึ่งสามารถจำแนกอันตรายได้เป็นสามระดับตามที่เคยมีผู้พบเห็น 

 

ระดับแรกคือพวกวิญญาณหยิน พวกนี้เกิดจากวิญญาณคนที่ตายในสนามรบแล้วยังมีบ่วงผูกพันไม่สลายไป จนถูกป่าต้องห้ามดึงดูดเข้าไปกลายเป็นวิญญาณสวมชุดขาว ที่คอยล่อลวงคนมีชีวิตเข้าไปให้พวกมันสิงสู่ดูดกลืนพลังชีวิตจนตาย แต่พวกนี้จะอ่อนแอมากแค่เพียงผู้ฝึกยุทธตั้งแต่ขอบเขตรวมปราณขึ้นไปก็ต่อกรได้ไม่ยาก 

         ระดับที่สองคือวิญญาณแค้น  พวกนี้เกิดจากคนที่ตายด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส จนสาปแช่งต่อสวรรค์ พวกนี้จะสวมใส่ชุดที่เปื้อนเลือด ยิ่งมันฆ่าคนมีชีวิตมากขึ้นเท่าไหร่มันจะยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น  ความแค้นของคนที่ถูกมันสังหารจะถูกดูดไปเพิ่มรอยเปื้อนบนชุดมันให้เพิ่มขึ้น  พวกนี้ต้องอาศัยผู้ฝึกตนขอบเขตรวมปราณที่มีจิตเข้มแข็งสามถึงสี่คน  รวมทั้งอาวุธที่ผ่านการเข่นฆ่ามามากมายจนมีพลังหยางแรงกล้าถึงจะต่อกรได้

          ระดับสุดท้าย คือวิญญาณแค้นที่เข่นฆ่าผู้คนมากมายจนชุดที่สวมใส่ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งตัว  พวกนี้จะกำเนิดใหม่ด้วยคำสาปกลายเป็นปีศาจสีเลือด  แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะพบเจอ  ไม่ใช่วิญญาณแค้นทุกตนจะเกิดใหม่เป็นปิศาจสีเลือดได้  ซึ่งผู้ที่พบเห็นหากหนีไม่พ้นต้องเสียชีวิตทุกคน  แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตปราณนภาก็ยังอาจถูกคำสาปมันสังหารได้

            

ซึ่งผีสาวตรงหน้าเหยี่ยนฮ่าวนี้ก็เป็นวิญญาณแค้นที่น่ากลัว ชุดที่สวมใส่ชุ่มไปด้วยเลือดเกือบครึ่งแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าเครื่องรางจะป้องกันได้หรือไม่  หากมันเพ่งเล็งมนต์สะกดมาที่เขาเพียงผู้เดียว

ตุบ ตุบ!

         เหยี่ยนฮ่าวเดินออกมา สบตากับหัวหน้าทหารจ้าวแล้วพยักหน้าให้ ส่งสัญญาณมือชี้ไปทางผีสาว  พวกเขาทั้งสองต่างเป็นคนมีความคิดอ่าน ทำให้ต่างก็เข้าใจสถานการณ์โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา

            

ตอนนี้ผีสาวตนนั้นก้าวเท้าข้างหนึ่งเหยียบ ลงบนบ่าของเหยื่อรายใหม่แล้ว ซึ่งกำลังยืนนิ่งตาลอยไม่รู้สึกตัว  แม้ตอนที่เหยี่ยนฮ่าวเดินออกมาก็ไม่มีการตอบสนอง เหมือนมองไม่เห็นไม่รับรู้ใดๆ ส่วนทหารคนแรกที่ถูกสิงมาตอนนี้กลายเป็นเพียงซากศพที่แห้งกรัง ยืนตัวแข็งอยู่กับที่  อย่างกับว่ากับว่าหากผีตนนั้นเปลี่ยนที่สิงสู่  ก็จะกลายเป็นซากศพนี้จะผุพังลงไปกองกับพื้นทันที

            

“ โจมตีตอนนี้ ”  เหยี่ยนฮ่าวตระโกนขึ้น พร้อมกับพุ่งหอกโจนทะยานเข้าใส่ผีสาวทันที หอกที่เขาใช้ได้รับสืบทอดมาจากบิดา ผ่านการใช้งานในสงครามมาหลายปีมีปราณหยางสังหารหนาแน่นใช้ทำร้ายพวกวิญญาณแค้นได้แน่นอน  เสริมด้วยผลของเครื่องรางที่สวมอยู่ จึงทำให้เขาตัดสินเลือกกำจัดผีสาวก่อน

           “ ปราณกระทิงอัคคี ” หัวหน้าทหารจ้าวก็ผสานการโจมตีกับเหยี่ยนฮ่าว  เขาหยิบมีดสั้นสีดำซึ่งเป็นอาวุธเวทที่เขาพกไว้ติดตัว มันสามารถใช้โจมตีใส่วิญญาณแค้นได้เช่นกัน  เขาใช้พลังปราณสิบส่วนถ่านทอดเข้าไปในมีดบินจนมีเปลวเพลิงลุกท่วม  แล้วปาเข้าใส่ขาของผีสาวที่เหยียบอยู่บ่าพี่น้องของเขา 

หากเขาเลือกได้ก็ขอตายจากการต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน  ย่อมดีกว่าถูกผีร้ายสิงแล้วสูบพลังชีวิตจนตาย

            

การโจมจากทั้งสองทาง พุ่งเข้าใส่ผีสาวทันที  ปลายหอกของเหยี่ยนฮ่าวถึงเป้าหมายก่อนเป็นอันดับแรก แต่โดนมือของทหารที่ถูกสิงจนแทบจะกลายเป็นศพแห้งยกขึ้นมาจับไว้ แววตากลวงโบ๋ของซากศพเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหยี่ยนฮ่าว   ความหนาวเย็นบางอย่างที่ทำให้ร่างกายแข็งทื่อแทรกซึมเข้ามาในร่างเหยี่ยนฮ่าวทันที   แต่เมื่อเครื่องรางที่สวมอยู่เปล่งความร้อนขึ้นเล็กน้อย   ความหนาวเย็นที่รู้สึกได้ก็ถูกขับออกไปทันที

            

ปลายหอกถูกดันเข้าไปเรื่อยๆจนนิ้วของทหารที่ถูกสิงขาดออกไปสองนิ้ว  แต่มันก็ใช้มืออีกข้างมาจับหอกจนหยุดไว้ได้  ตอนนี้ผีสาวกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการเปลี่ยนภาชนะใหม่  นางกำลังครอบงำสติของเหยื่อรายใหม่ ทำให้ไม่สามารถแบ่งแยกพลังมารับมือกับเหยี่ยนฮ่าวได้มากนัก

            

ในป่าแห่งนี้ไม่มีทางหนี หากเยี่ยนฮ่าวและหัวหน้าจ้าวเลือกที่จะหนีทั้งคู่  สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครรอด  เราเพราะต่างก็ถูกคำสาปของผีสาวไปแล้วโดยไม่รู้ตัว  ความสามารถของวิญญาณแค้นตนนี้คือ หากนางใช้คำสาปหมายหัวผู้ใดในป่าต้องห้าม ทุกครั้งที่กระพริบตาจะเห็นเงาร่างนางเข้ามาใกล้เรื่อยๆไม่มีทางหนีพ้น

ฟิ้วว!! 

          มีดสั้นที่มีลุกท่วมของหัวหน้าจ้าวถูกมือของผีสาวคว้าไว้ได้  มือนางถูกเผาไหม้ทันที 

กรี้ดดด!!

          เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยลอยแผลเริ่มฉีกขาดอย่างน่ากลัว  ลูกตาสีแดงที่ถลนออกจากเบ้าทอประกายสีเขียว  มันมองตรงไปที่หัวหน้าจ้าวด้วยความคลั่งแค้น  ริมฝีปากสีม่วงคล้ำพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ   

ครึ่กๆ

ร่างของหัวหน้ากองจ้าวสั่นสะท้านอย่างแรง  เขามองเห็นตัวเขาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งแทนที่น้องร่วมสาบาน  ใบหน้าของผีสาวตนนั้นก้มมองลงมาจากเหนือศีรษะ  บาดแผลบนใบหน้านั้นฉีกอ้าออกเลือดสีแดงของมันพุ่งกระจายใส่ใบหน้าของเขา  ลิ้นสีดำยืดยาวออกมาเลียไปที่ใบหน้าเขาอย่างช้าๆ  ความหวาดกลัวสุดขีดแทบทำให้เขาพังทลายลง

 

          “ ตั้งสติ ! ” เสียงเหยี่ยนฮ่าวที่ตะโกนออกมาพร้อมกับพลังของเครื่องราง ฟื้นสติหัวหน้าจ้าวให้หลุดจากภาพมายาของผีสาวได้ทันท่วงที

           พั่ก !

           เหยี่ยนฮ่าวพลิกหอกจนหลุดจากการยึดกุมของทหารที่ถูกสิง  แล้วหมุนใช้เท้าถีบไปที่น้องร่วมสาบานของหัวหน้าจ้าวอย่างแรงจนกระเด็นไปไกล  ร่างผีสาวตนนั้นหายวับไปทันที มีดสั้นสีดำของหัวหน้าจ้าวก็ตกลงบนพื้นแล้วถูกหัวหน้าจ้าวเดินเข้ามาเก็บเอาไว้  ซากศพที่ยึดกุมหอกของเหยี่ยนฮ่าวก็ทรุดลงไปนอนแน่นิ่งที่พื้น 

 

         “ น้องสาม เจ้ารีบฟื้น !! ” หัวหน้าจ้าวเดินลากขาข้างที่บาดเจ็บมาตรงจุดที่น้องร่วมสาบานเขานอนอยู่  เขาใช้มือซ้ายเขย่าตัวน้องร่วมสาบานแรงๆ  ส่วนมือขวากำมีดสีดำไว้แน่น ขวางไว้ตรงด้านหน้าเพื่อป้องกันเหตุเปลี่ยนแปลง  ยิ่งเวลาผ่านมาหลายนาทีแล้วน้องสามยังไม่ฟื้น  มือที่ถือมีดไว้ก็ยิ่งกำแน่นขึ้น  เขากลัวว่าผีสาวตนนั้นยังสิงอยู่ในร่างของน้องสาม

            

“ เจ้าไม่ต้องระแวงไปหรอก นางไม่ได้สิงอยู่ที่น้องชายเจ้า ”  เหยี่ยนฮ่าวพูดออกมา

  หัวหน้าจ้าวเงยหน้าขึ้น  แววตาที่แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดมองตรงมาทางเหยี่ยนฮ่าวอย่างสงสัย

          “ ข้ามีวิธีสัมผัสได้ถึงพวกวิญญาณร้าย ”เหยี่ยนฮ่าวตอบ  ตอนนี้เขาเอาเครื่องรางซ่อนไว้ในอกเสื้อแล้ว  มันยังอยู่ในสถานะเปิดการใช้งานอยู่  ยังไงอีกฝ่ายก็ยังเป็นศัตรูที่หันมาร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอด  เขาไม่อาจเปิดเผยความลับให้อีกฝ่ายรู้มากเกิน

            

“ เรามาร่วมมือกันจนกว่า ดวงอาทิตย์จะขึ้น ตกลงไหม ”  เหยี่ยนฮ่าวเสนอเงื่อนไข

            

“ ตกลง ” หัวหน้าจ้าวตอบ ไม่มีใครอยากตาย โดยเฉพาะตายแบบน่าสะพรึงกลัวแบบที่เจอในวันนี้  ต่อให้ต้องร่วมมือกับไอเด็กคนนี้เขาก็เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย  ไว้หนีออกไปจากป่านี้ได้ค่อยหาทางจัดการมัน   เขาลากน้องสามมาอยู่อีกด้านหนึ่งของกองไฟ  ห่างจากเหยี่ยนฮ่าวประมาณสิบก้าว 

หัวหน้าจ้าวหยิบถุงสัมภาระที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา เพื่อจะค้นหายามารักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของตัวเอง  แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เขามองหารอบๆตัวก็ไม่พบถุงสัมภาระอื่น   คงเป็นเพราะว่าสัมภาระติดตัวของพวกเขาอาจตกหายไปหมด ตอนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากสัตว์อสูร

ซึ่งท่าทางของหัวหน้าจ้าวที่พยายามค้นหายาก็อยู่ในสายตาเหยี่ยนฮ่าวตลอด และเขาก็พอเดาได้ว่าถุงสัมภาระใบนั้นคงไม่มียาเหลือ  เพราะเขาเห็นมันถูกใช้รักษาหัวหน้าจ้าวตอนหมดสติไปหมดแล้ว

            

“ นี่อาหารกับยารักษา ” เหยี่ยนฮ่าวโยนถุงสัมภาระที่เก็บมาจากศพทหารที่ถูกเขาสังหารให้หัวหน้าจ้าวเพื่อลดความตรึงเครียด  และเพื่อให้หัวหน้าจ้าวได้ฟื้นฟูกำลังให้พร้อมต่อสู้ต่อไป

 ตุบ! 

 ถุงสัมภาระลอยผ่านหน้าหัวหน้าจ้าวไปตกลงที่พื้นข้างๆ  โดยอีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับไว้

            “ ข้าไม่วางยาพิษหรอก  นี่เป็นของทหารฝ่ายเจ้าที่ข้าเก็บมา ” เหยี่ยนฮ่าวพูดขึ้นพร้อมคิดในใจว่าอีกฝ่ายระแวงเกินไปแล้ว  แต่เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติได้เสียก่อน สายตาของหัวหน้าจ้าวไม่ได้มองตรงมาที่ตัวเขา  แต่มันกลับมองผ่านไปทางด้านหลังเขา

!!

ใบหน้าอันซีดขาวกับแววตาที่หวาดกลัวของหัวหน้าจ้าว  ทำให้เยี่ยนฮ่าวเริ่มสัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่าง  แต่เขาก็ไม่กล้าหันไปดูทันที เพราะหากไปสบตากับผีสาวเข้าก็อาจโดนมนต์สะกดจากแววตาอาฆาตได้  เขาจึงอาศัยใบหอกสะท้อนแสงจากกองไฟเพื่อดูเงาสะท้อนทางด้านหลัง  เงารางๆด้านหลังมีเพียงต้นไม้ใบหญ้าไม่พบอะไรผิดปกติ 

         

“ เจ้าเห็นอะไร….บอกข้า ” เหยี่ยนฮ่าวถามขึ้น  เพราะแม้แต่เครื่องรางของเขาเองก็ยังไม่แจ้งเตือนออกมา  หรือทหารนายนี้อาจจะเห็นภาพหลอน เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงหันกลับไปดูด้านหลัง

ขวับ!

ไม่มีอะไรทั้งสิ้น 

เขาจึงหันกลับมามองหัวหน้าจ้าวอีกที แต่ก็เห็นทหารคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งมองตรงไปทางทิศทางเดิม  ด้วยสีหน้าซีดกว่าเดิม แต่มือที่ถือมีดส้นไว้กำแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน

 

อาจเพราะด้วยระยะห่างของตำแหน่งที่นั่งและแสงจากกองไฟที่สั่นไหว  ทำให้เหยี่ยนฮ่าวไม่รู้เลย ว่าสิ่งที่หัวหน้าจ้าวเห็นนั้นอยู่ไกลออกไปทางด้านหลังของเหยี่ยนฮ่าวประมาณร้อยก้าว  ที่นั่นมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ลำต้นผุพังเป็นโพรงใหญ่ แต่ยังมีความสูงโดดเด่นเหนือต้นไม้อื่นรอบๆ บนต้นไม้ที่ใบไม้ร่วงแทบจะหมดต้นนั้น  มีกิ่งไม้ใหญ่ที่มีเงาร่างจางๆยืนอยู่สามเงา 

 หนึ่งในนั้นคือผีสาวที่ถูกขับไล่ไปเมื่อครู่ ยืนอยู่กับชายหนุ่มในชุดทหารที่ชุ่มไปด้วยเลือดไร้ศีรษะ  และเด็กหญิงอายุประมาณห้าขวบมัดผมแกะสองข้าง  ที่บนใบหน้านั้นมีเพียงหลุมลึกสีดำอยู่แทนตำแหน่งดวงตาของข้าง  ไม่มีจมูก แต่มีริมฝีปากถูกเย็บติดกันด้วยด้ายสีแดง

ด้วยขั้นรวมลมปราณ ทำให้สายตาของหัวหน้าจ้าวนั้นดีกว่าเหยี่ยนฮ่าวมาก  เขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าและชัดเจนยิ่งกว่า 

เขาเห็นทั้งใบหน้าของผีหญิงตนนั้น ที่ฉีกยิ้มให้เขา   

เขาเห็นเงาร่างของชายไร้ศีรษะชักดาบที่ข้างเอวออกมา ชี้ตรงมาทางเขา

และเขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยถือหัวคนไว้ในมือเหมือนลูกบอล  เด็กคนนั้นสวมใส่ชุดสีแดงทั้งตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือด…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel