บท
ตั้งค่า

ตอนที่7. มีอะไรให้ช่วยไหมคะ

“ประชุมเสร็จแล้วแม่อยาก...”

“ผมต้องกลับบริษัทก่อน คุณแม่กลับพร้อมน้องลิลลี่เลยนะครับ”

“เดี๋ยวสิ แม่...”

“น้องลิลลี่ดูคุณแม่ด้วยนะครับ”

กวิวัชร์คลี่ยิ้มโปรยเสน่ห์ทำให้ปภาวดีเคลิ้มลืมตัวพยักหน้าหงึกหงัก คุณจันทนาไม่ทันได้คว้าตัวลูกชายไว้ เขาก็ลุกออกจากเก้าอี้เดินออกมาแล้ว เขาไม่คิดจะกลับเข้าบริษัทอีก แค่ขับรถกลับก็ใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีหรือมากกว่านั้น ไปถึงก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว เพราะฉะนั้นขอใช้อภิสิทธิ์ของการเป็นประธานบริษัทก็แล้วกัน เมื่อเดินเลี้ยวออกมาเพื่อจะไปที่จอดรถ เขามองเลยไปยังห้องบรรจุหนังสือที่ให้ความรู้สึกเงียบและสงบ นานแค่ไหนที่ไม่ได้เดินเข้าห้องสมุด เขาหมุนเท้าเดินตรงไปยังห้องนั้น บรรณารักษ์สาววัยประมาณสี่สิบเงยหน้าขึ้นจากการซ่อมหนังสือ เธอส่งยิ้มให้แต่ไม่เอ่ยถามอะไร เขาเพียงยิ้มตอบแล้วเดินดูชั้นตามชั้น ห้องสมุดที่นี่ไม่เหมือนห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ที่นี่เป็นห้องสมุดกึ่งแกลเลอรี่ เท่าที่กวาดตามองในห้องนี้เก็บหนังสือเกี่ยววรรณกรรม ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ เขาหยุดมองที่ตู้กระจก มีหนังสือ ‘เจ้าชายน้อย’ หลายเวอร์ชั่นในหลายภาษา รวมทั้งฉบับอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

เสียงใสเอ่ยถามไม่ดังนัก แต่เพราะในห้องเงียบสงบทำให้เสียงหวานกังวานในห้องไม้ขนาดใหญ่ห้องนี้

น้ำเสียงคุ้นหูทำให้กวิวัชร์เงยตัวขึ้นจากตู้โชว์แล้วหมุนตัวกลับทันที หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดกระโปรงยาวเลยเข่าสีฟ้าละมุนตา ผมยาวถูกถักเปียหลวมๆ หากไม่มีแว่นตากรอบหนานั้นอยู่ เขาคงคิดว่าเธอคือพราวมุกเลขาที่ควรอยู่ที่บริษัทของเขา

พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก

“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...” เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมาก

ด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้ว

มีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้

กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้ เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน

“ชู่ว์” เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้นหายใจเมื่อร่างกายใหญ่โตของเขาแนบชิดกับร่างของเธอ เธอไม่เคยเข้าใกล้ชิดผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน ดวงตากลมเบิกกว้างและเห็นว่าเขาเหลือบมองด้านข้างตลอดเวลา จนกระทั่งเหมือนใครบางคนก้าวไปพ้นสายตาแล้ว เขาจึงยอมยกมือออกแล้วถอยห่างออกมา

“ขอโทษ ผมแค่จะหลบคน” เขาถอยออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ยอมให้เธอเดินหนีไปได้

“ค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น แต่เห็นเขายืนนิ่งเป็นตุ๊กตาหินก็ทำหน้าตึงใส่ “ช่วยหลบด้วยค่ะ”

“เดี๋ยวสิครับ” เห็นเธอเบี่ยงตัวไปทางซ้าย เขาก็ใช้ตัวเองบังไม่ให้เธอเดินออกมาได้ พอเธอขยับไปทางขวาเขาก็ทำเหมือนเดิม คราวนี้เธอคงโกรธแล้วแพราะเห็นแววตาที่จ้องเขม็งแบบจะเอาเรื่อง ทั้งที่ตัวเธอเล็กนิดเดียว และดูยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้

แต่เขากลับชอบท่าทีเหมือนแมวน้อยขู่จนขนพองแบบนี้

“นี่คุณจะเอายังไง”

“แค่อยากคุยด้วย”

“ฉันไม่รู้จักคุณ เราไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกัน” เธอเชิดหน้าพูดทั้งที่ใจสั่น กลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอไปทำงานแทนพราวมุก น้องหวังใจจะได้ทำงานที่นี่มาก เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้น้องต้องหางานใหม่ทั้งที่ทำงานไม่ถึงสามเดือน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel