ราคะแห่งด้ายแดง (หื่นถึงใจ)

47.0K · จบแล้ว
ลออจันทร์ / เลี่ยงจิน 亮金
32
บท
68.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ตะโบมจูบซุกไซ้ไปตามซอกคอนวลระหง ฝังรอยจูบแดงระเรื่อจนเป็นปื้นแดงเพื่อตีตราประทับความเป็นเจ้าของ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยึดศีรษะของนางให้แหงนเงยแล้วจูบจ้วงโดยที่นางไม่อาจเบือนหนี จูบแรง ป่าเถื่อน บดขยี้จนริมฝีปากสีชาดเห่อบวม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าชาวประมงต้องเดินเรือครั้งละหลายเดือนโดยปราศจากผู้หญิง ทุกครั้งที่กลับขึ้นบก ชายโสดจะไปที่หอคณิกาเพื่อปลดปล่อยความใคร่ที่อัดแน่น และข้าก็เป็นหนึ่งในชายเหล่านั้น” เขาเลื่อนริมฝีปากหนาหยักได้รูปไปกระซิบที่ข้างใบหูของเจ้าสาวแสนสวย ก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ครั้งนี้ข้าไม่ต้องไปถึงหอคณิกา ก็มีเจ้ามาปรนเปรอถึงเตียง หึ...” ในตอนท้ายของประโยคเจือไปด้วยเสียงหัวเราะดูแคลน ริมฝีปากสวยสั่นระริกด้วยความโกรธ ประกายตาของนางฉายชัดว่าชิงชังชายตรงหน้าจับขั้วหัวใจ “ป่าเถื่อนไร้อารยะ!”

นิยายจีนโบราณนิยายรักรักหวานๆพระเอกเก่งแต่งงานก่อนรักผู้ชายอบอุ่นฟินๆ18+21+25+

Chapter 1 คืนเข้าหอ

ตึก! ตึก! ตึก!

ราวกับหัวใจกำลังจะกระโจนออกมานอกทรวงอก มันเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมให้สงบลงได้ จนทำให้สติการรับรู้ทั้งหมดถูกปลุกให้ตื่นตัวเกินกว่าเหตุ เรือนกายอ้อนแอ้นอรชรร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเปลวเทียนลามไล้แผดเผา ริมฝีปากแห้งผากจนต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากหลายต่อหลายครั้ง รู้สึกกระหายน้ำคล้ายกำลังรอนแรมอยู่ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ

ร้อน!

เหตุใดจึงได้ร้อนและทรมานเช่นนี้ โดยที่นางไม่รู้ตัวนางเผลอหนีบต้นขาเข้าหากัน รับรู้ได้ว่าจุดซ่อนเร้นของอิสตรีกำลังไวต่อสัมผัสและความรู้สึก แค่เพียงเบียดเสียดเข้าหากันก็เสียวสะท้านจนต้องห่อไหล่

บ้าจริง! นี่ข้าเป็นอะไร!

นางกัดริมฝีปากเป็นเส้นตรง พ่นลมหายใจจนผ้าคลุมหน้าสีแดงขยับไหว มือที่ผสานกันก่อนหน้านี้ยิ่งบีบแน่นพยายามควบคุมความหวามไหวที่จู่ๆ ก็แล่นเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว

หญิงสาวในชุดสีแดงมงคลปักด้วยดิ้นทองลายมัจฉาในเกลียวคลื่นมหาสมุทร บ่งชัดว่าผ้าผืนนี้ได้รับการถักทอขึ้นเพื่อสกุล ‘หลิว’ โดยเฉพาะ ตระกูลชาวประมงที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้า ส่งออกปลาทะเลแห่งเกาะหมิงหนวนไปยังแคว้นใหญ่ทั้งห้า ได้แก่แคว้นไห่เหอ แคว้นหาน แคว้นฮุ่ยผิง แคว้นหู่เฉียง และแคว้นเซี่ยโจว ตระกูลหลิวมีเรือหาปลากว่าหลายร้อยลำ มีคนงานหาปลากว่าห้าร้อยชีวิต

ชาวบ้านในเกาะหมิงหนวนทั้งหมดล้วนทำประมงโดยขึ้นตรงกับตระกูลหลิวแต่เพียงตระกูลเดียว ทำให้ตระกูลหลิวมั่งคั่งเทียบเท่าคหบดีในเมืองหลวงเลยทีเดียว

และใช่...

นางเป็นเจ้าสาวของตระกูล ‘หลิว’ จำต้องแต่งงานกับบุตรชายคนโตของตระกูลหลิวนามว่า ‘เส้าเหิง’ ชายผิวเข้มที่มีรูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม กิริยากักขฬะ แตกต่างจากชายหนุ่มในเมืองหลวงราวกับหน้ามือกับหลังเท้าเลยทีเดียว

นางเคยเห็นเขา ใช่! นางเคยเห็นเขาแค่เพียงครั้งเดียวเมื่อครั้งที่เรือเทียบท่า เขายืนเปลือยอกแกร่งอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามอู่ ตะโกนโวยวายเสียงดังสั่งงานชาวประมงจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน ท่าทางของเขาเกรี้ยวกราดคล้ายกับโจรสลัดหาใช่ชาวประมง ดวงตาไม่เป็นมิตรราวกับสัตว์ร้าย ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง ผมยาวหยิกถูกมัดไว้อย่างลวกๆ คล้ายไม่ยี่หระ

นับจากนี้นางต้องเป็น ‘ภรรยา’ ของชายกักขฬะผู้นี้ ชายที่เกิดและเติบโตขึ้นบนเกาะหมิงหนวนที่แสนห่างไกลและกันดาร มารยาท วัฒนธรรม ประเพณีดีงามนั้นอย่าได้ถามหา ทุกคนที่นี่ดำเนินชีวิตเพื่อปากท้องราวกับอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ไม่ปาน

หากว่า...

บิดาของนางไม่ถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายจนต้องระเห็จมาอยู่บนเกาะห่างไกลแห่งนี้ นางคงไม่ต้องมีชีวิตที่อดสู อย่างร้ายที่สุดนางก็คงแต่งงานไปกับคุณชายปลายแถวหรือบัณฑิตใฝ่รู้เคร่งตำรา หาใช่ชาวประมงกักขฬะเช่นนี้

ตึ้ง!

เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่กำลังก้าวไปทั่วห้องทำให้จูซ่านลี่ตื่นจากภวังค์ความคิด นางนั่งนิ่งราวกับตุ๊กตาไม่มีชีวิต เงี่ยหูฟังเสียงปลายเท้าของคนตัวโตที่กำลังเดินไปมาราวกับหนูติดจั่น

ปั้ง!

ซ่านลี่สะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เส้าเหิงก็ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะไม้เสียงดังสนั่น นางได้ยินเสียงเขาสบถในลำคอว่า

บัดซบ!

เพียงเท่านั้นเองหยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็เอ่อขึ้นกลบหน่วยตา ความร้อนผ่าวทวีไปทั่วร่างด้วยความอับอาย ดูเอาเถอะ แม้แต่ชาวประมงป่าเถื่อนก็ยังรังเกียจคุณหนูตกอับอย่างนาง

แน่ละ ก็นางเป็นเจ้าสาวที่มาจากการซื้อขาย หาใช่จากการสู่ขอหรือรักใคร่ชอบพอแต่อย่างใด

ยามนี้บิดาของนางที่เคยเป็นขุนนางน้ำดีกลายเป็นชายแก่ขี้แพ้สิ้นหวังเอาแต่ดื่มสุราเมามาย อีกทั้งยังปล่อยให้เกาอิ๋งอิ๋งผู้เป็นมารดาเลี้ยงขายนางให้กับตระกูลหลิว เพื่อแลกกับเงินก้อนโตที่จะนำไปใช้จ่ายในตระกูล

บุตรสาวของภรรยาเอกที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครคอยคุ้มครองปกป้อง ถูกเมิน ถูกทำเหมือนเป็นอากาศธาตุมาถึงสิบแปดหนาว แต่อย่างน้อยร่างกายของนางก็ยังพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง

ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้หยาดน้ำตาร่วงเผาะ หยดลงบนหลังมือที่ผสานกันไว้บนหน้าตัก

“ว้าย!”

จูซ่านลี่ถึงกับหวีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อจู่ๆ หลิวเส้าเหิงก็ย่ำฝีเท้าเข้าประชิดแล้วกระชากผ้าคลุมหน้าสีแดงออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ทว่านั่นกลับทำให้นางยิ่งงดงามชวนหลงใหลจนคนตัวโตแทบหยุดหายใจ

เงียบไปหลายอึดใจเมื่อต่างฝ่ายต่างตกตะลึง

เมื่อสติกลับคืน คนตัวโตก็สะบัดผ้าคลุมหน้าในมือทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี แล้วใช้นิ้วสากกร้านบีบที่ปลายคางของนางจนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ดันปลายคางแรงจนใบหน้าแหงนเงยแทบจะตั้งฉาก

“เจ้ารังเกียจข้า! จนถึงกับต้องหลั่งน้ำตาเลยรึ!”

“อื้อ!”

ซ่านลี่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ไม่อาจตอบโต้ได้แม้เพียงครึ่งคำด้วยถูกบีบแรงจนไม่อาจอ้าปากพูด แล้วโดยที่นางยังไม่ทันตั้งตัว เส้าเหิงก็โน้มกายลงมาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจเจือกลิ่นสุรา จังหวะนั้นเองริมฝีปากสากกระด้างกดทับลงมายังริมฝีปากนุ่มสีชาดอย่างไม่ออมแรง

หัวใจเจ้าเอยไยจึงไหววูบไปกับจูบไร้อารยะ มันร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ก่อนจะกระโจนกลับมาเต้นระรัวราวกับเสียงกลองรบ เลือดในกายพลันเหือดหาย คล้ายมีกระแสปราณแล่นปราดไปทั่วร่างจนนางรู้สึกระทวยอ่อนไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน

จูบรสสุรา

ขมปร่าทว่าหวานลึก มอมเมาให้มืดมัวใหลหลงยากจะถอดถอน อีกทั้งบางสิ่งบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในกายนางได้ประทุออกมาราวกับดอกไม้เพลิง ซ่านกระเส็นไปทั้งสรรพางค์กาย ในท้องหมุนมวนราวกับมีฝูงผีเสื้อนับร้อยพันกระพือปีกไปพร้อมๆ กัน

ริมฝีปากกระด้างจูบจ้วงดุดัน ปลายลิ้นร้อนบีบบังคับให้นางเปิดริมฝีปากที่ปิดสนิทให้เผยอออก แล้วดุนดันปลายลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานราวกับน้ำผึ้งหายากแห่งเทือกเขาคุนเหม่ย

หวานจับใจ หวานจนแทบละลายหัวใจกระด้างของคนตัวโต ทว่าจู่ๆ เส้าเหิงก็ดึงริมฝีปากออกจากการจูบจ้วงอย่างแรง แล้วกระชากร่างบางให้ยืนขึ้นก่อนจะกระหวัดเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแข็งแกร่ง

“นับจากนี้ตัวเจ้าเป็นของข้า แต่ใจของเจ้าจะเป็นของใครข้าหาได้ไยดี!”