บทที่ 2 สันดาน
เตวิช....
คนนี้แหละทุกคน ผู้ชายที่ฉันกำลังจะสารภาพความรู้สึกให้เขาได้รับฟัง คนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์แรกแย้มทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องการเขามีหมด
“เอ่อ.... สวัสดีเต”
“น้ำเต้าหู้เตเอามาฝาก”
เห็นไหม เตวิชของวิตตาเป็นคนดีแค่ไหน
“ขอบใจนะ” ว่าแล้วมือเล็กก็รับของฝากมาไว้ในมือพร้อมกับมองซ้ายขวาเพื่อดูผู้คนที่อยู่บริเวณนี้ที่ไม่มีใครแล้ว “คือ...วิตตามีเรื่องเอ่อ...จะพูดกับเตอ่ะ”
“ว่ามาสิ” รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่แฝงด้วยความอบอุ่นส่งมาให้เธอ
“คือ...วิตตาชะ ชอบเตนะ”
คำพวกนั้นออกไปแล้วพร้อมกับการถอนหายใจของฉันเอง การกลั้นหายใจพูดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะกว่าที่ฉันจะพูดออกไปมันยากเหลือแสน
“…”
“เราลองมาคบกันดูไหม?” รอยยิ้มพูดขึ้นอีกครั้ง
“ได้สิครับ”
พระเจ้า!
มันง่ายอะไรปานนั้นกับการสารภาพรักครั้งแรก คำตอบของเตวิชนั้นแทบเอาร่างของฉันล่องลอยไปกับสายลมยามเช้ามันช่างเป็นวันที่แสนวิเศษเหลือเกิน
“จะ จริงนะ”
“จะสิเป็นแฟนกันแล้วนะครับวิตตา” มือใหญ่เข้ามาลูบศีรษะฉันเบาๆ “ตอนเที่ยงเตมารับทานข้าวด้วยนะครับ”
การทำงานในช่วงเช้านั้นมันเดินมาอย่างรวดเร็วเหลือเกินวันนี้โลกของฉันเปล่งประกายสีชมพูไปหมด รอยยิ้มที่เพื่อนในที่ทำงานต่างแซวอย่างไม่ขาดสายจนฉันแทบละลาย ฉันและเตวิชแยกย้ายกันทำคนละแผนกแต่ฉันก็ยังเห็นเขาอยู่ผ่านกระจกใสไกลๆ
“ยิ้มไม่หุบเลยนะวิตตา”
“เพกาอย่าแซวสิ” เพราะถึงเวลาเที่ยงแล้วฉันยังนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อรอเตวิชแต่เพกาเพื่อนสนิทที่สุดในที่ทำงานก็ทักขึ้นก่อน “แล้ววิตตารู้จักเตวิชดีแล้วเหรอ?”
“เขาเป็นคนดีนะเพกา” ฉันตอบด้วยความมั่นใจ
“งั้นเหรอ เราไม่กวนละขอตัวไปทานข้าวกับสามีก่อนนะ”
เพกามีสามีเมื่อไหร่?
หรือว่ามีนานแล้วแต่ฉันตกข่าว?
ไอ้ประโยคพวกนี้มันยังอยู่ในหัวสมองฉันอยู่แต่ก็ช่างเถอะเธออาจจะมีเหตุไม่บอกใครก็เป็นได้ยังไงวันหนึ่งฉันก็ต้องรู้อยู่ดี การนั่งรอเตวิชลุล่วงเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหรือว่าเขายังมีงานที่ทำไม่เสร็จ
จะไปหาเขาที่แผนกดีไหม?
สายตาสีดำมองไปยังกระจกใสที่ตอนนี้ไร้ผู้คนก่อนที่จะลุกขึ้นตัดสินใจเดินไปทันที
“ทำไมต้องไปคบกับยัยนั่น?”
เสียงนั่นทำเอาฉันชะงักปลายเท้าที่เดินอยู่ถึงยังไม่เห็นอีกฟากว่าใครเป็นคนพูดก็ตามแต่ มันคงเป็นเรื่องสำคัญพอสมควรหนักเอาการเลยทีเดียวเท่าที่รับรู้
เหมือนจับได้ว่าแฟนตัวเองคบกับคนอื่น
“…”
“ฉันถามนายอยู่นะเตวิช!”
เตวิชอย่างงั้นเหรอ...
แผนกนี้ยิ่งมีคนเดียว...
การที่มาได้ยินอะไรแบบบังเอิญมันไม่เท่ากับมาได้ยินชื่อนี้ หัวใจของฉันมันเต้นรัวมาขึ้นกว่าเดิมจนเรียกได้ว่าผิดปกติแล้วความชาวาบก็เริ่มเข้ามาเล่นงานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่อออฟฟิศนี้คนชื่อนี้ก็มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“…”
“อย่าเงียบแบบนี้ เพถามก็ตอบมา!” เสียงแหลมเล็กตะคอกดังขึ้นอีกครั้ง
เพอย่างงั้นเหรอ…
เป็นครั้งที่สองที่เหมือนกับว่าใครมาเล่นตลก ผู้หญิงที่พูดนั้นชื่อเพทำไมมันถึงได้คล้ายคลึงกับคนรอบตัวฉันไปหมดแล้ว
เตวิช... เพกา...
ไม่ใช่มั้งโอ้ย ไม่คิดแล้วปวดหัว...
“ก็เล่นๆ”
น้ำเสียงสำเนียงแบบนี้ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำชั้นดีว่าสิ่งที่ฉันคิดก่อนหน้านั้นมันอาจจะเป็นความจริง ก็ตอนที่ได้ยินเสียงจึงรีบก้าวเข้าไปแอบดูทันที
“ทั้งๆ ที่เตมีเพอยู่เนี่ยนะ!”
“ก็บอกว่าเล่นๆ ไงเพ” น้ำเสียงนุ่มเริ่มแข็งขึ้นแต่แขนแกร่งยังโอบตัวของเพกาเข้ามากอดไว้นิ่งๆ “อย่าคิดมาก”
ฟ้าถล่มดินทลายกับชีวิตของฉันแล้วในสิ่งที่ฉันเห็นนั้นมันยิ่งกว่าผู้ชายคนนั้นคือเตวิชส่วนผู้หญิงก็คือเพกา
ให้ตายสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้านั่นมันเป็นแค่เรื่องเล่นๆ อย่างงั้นเหรอ ผู้ชายที่ฉันแอบรักแอบหลงความจริงสันดานเป็นแบบนี้
สันดานชั่ว!
