บทที่ 2 รักของเรา
เช้าที่แสนสดใส พิมพ์ชนกนอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของว่าที่สามี เธอกับเตชินท์กำลังจะแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
“ตื่นได้แล้วครับที่รัก จะขี้เซาไปไหน” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูของพิมพ์ชนก แทนที่หญิงสาวในอ้อมกอดจะตื่น เธอกลับเบียดร่างที่ไร้อาภรณ์เข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายกำยำของเขา ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
เตชินท์นึกอยากจะแกล้งคนขี้เซา เขาก้มหน้าลงไปไซ้ซอกคอระหง ก่อนจะเลื่อนมาครอบครองปทุมถันของเธออย่างถือสิทธิ์ มือใหญ่ไม่ยอมอยู่นิ่ง เขาลูบไล้ไปทั่วร่างนุ่มนิ่มของเธออย่างหลงใหล
“อื้อ...เตทำอะไรคะ” พิมพ์ชนกถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย วันนี้เป็นวันหยุดเธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะตื่นสายสักหน่อย
“ผมก็ปลุกคุณไงครับ...ทำไมนอนขี้เซาแบบนี้...”
“ยังจะกล้าว่าให้พิมพ์อีก เป็นเพราะเตนั่นแหละกวนพิมพ์ทั้งคืน”
“ก็ผมรักของผมนี่น่า”
ไม่พูดเปล่าเตชินท์ยังมอบจูบอันเร่าร้อนให้แก่เธอ พิมพ์ชนกจูบตอบอย่างดูดดื่มไม่แพ้กัน มือใหญ่เลื่อนมาหยุดตรงเนินเนื้อสามเหลี่ยมเขานวดคลึงติ่งเสียวอย่างชำนาญ ก่อนจะใช้นิ้วสำรวจภายในโพรงสวาทของเธอ ร่างบางถึงกับสะท้านด้วยความเสียวซ่านที่ยากจะบรรยาย ตรงส่วนกลางร่างกายของเธอตอนนี้เปียกแฉะไปด้วยน้ำหวาน ร่างระหงบิดเร่าด้วยความทรมาน
“อื้อ...เตขา” เธอส่งเสียงครางหวานออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นไว้ได้ เขาเร่งความเร็วของนิ้วขึ้นอีก ร่างระหงตรงหน้ายิ่งส่งเสียงครางออกมาดังกว่าเดิม
“อ๊ะ...เสียว...” พิมพ์ชนกส่งเสียงครางไม่หยุด
“รอผมก่อนที่รัก” เตชินท์จับแก่นกายขึ้นมา เขาจะใช้มือรูดขึ้นรูดลงก่อนแทรกแก่นกายเข้าไปในร่างเธอจนมิดลำ
“อ่าส์...” เขาครางเสียงต่ำด้วยความเสียว ชายหนุ่มเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นตามแรงปรารถนาที่มี สองหนุ่มสาวส่งเสียงครางประสานกันตามแรงอารมณ์ที่กำลังลุกโชน ไม่นานเขาก็พาหล่อนไปถึงปลายทางแห่งความสุข
พิมพ์ชนกมองชายหนุ่มที่นอนหลับใหลอยู่ข้างกาย แววตาของหญิงสาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เธอจุมพิตที่หน้าผากของเขาก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
พิมพ์ชนกออกมาซื้อของใช้และอาหารสดที่ห้างสรรพสินค้าวันนี้เธอตั้งใจจะทำอาหารให้เตชินท์ทานสักหน่อย แต่พอกลับเข้ามาในบ้านเธอกลับเห็นชายหนุ่มเอาแต่ยืนเหม่อลอย
“เตคะ! คิดอะไรอยู่คะ ยืนนิ่งเชียว” เสียงของพิมพ์ชนกดังขึ้นทำลายความคิดของเขา
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”
เตชินท์ตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าอยู่ๆ เขาก็คิดถึงเรื่องราวสมัยยังเด็ก ซึ่งตัวเขาเองก็ลืมไปตั้งนานแล้ว แต่พอใกล้จะถึงวันเวลาที่จะแต่งงานกับเธอ เรื่องราวในอดีตกลับผุดขึ้นมาในห้วงคิดคำนึง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขากลัวมากที่สุด
“วันนี้เตอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวพิมพ์ทำให้ทาน” พิมพ์ชนกเอ่ยถามก่อนจะวางข้าวของในมือลงบนโต๊ะ เธอจัดการเก็บของสดเข้าในตู้เย็นใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย
“ถ้าผมบอกว่ายังไม่หิวข้าว แต่หิวพิมพ์ละครับ” เตชินท์เอ่ยขึ้น
พลางเดินมาสวมกอดร่างบาง ไม่รอให้พิมพ์ชนกปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบอุ้มเธอไปที่ห้องนอนทันที
“เตคะ คุณไม่หิวเหรอคะนี่มันสายแล้วนะ”
“ก็บอกแล้วไง...ว่าผมหิวพิมพ์”
เตชินท์รีบมอบจูบอันเร่าร้อนให้แก่พิมพ์ชนก ก่อนที่เธอจะเอ่ยปฏิเสธเขาอีก ไม่นานหญิงสาวก็เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขา ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเธอ มือใหญ่กำลังเคล้นคลึงเต้าอวบ และแล้วเตชินท์ก็ต้องหยุดการกระทำทั้งหมด เมื่อได้ยินท้องของพิมพ์ชนกร้องเสียงดัง
“พิมพ์ว่าเราพอดีกว่าค่ะ เห็นมั้ยว่าท้องพิมพ์ประท้วงแล้ว” หญิงสาวพูดพลางหัวเราะเสียงดัง ส่วนเตชินท์ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“สรุปเตอยากทานอะไรคะ”
“อะไรก็ได้ครับ พิมพ์ทำอะไรก็อร่อยหมดทุกอย่างแหละครับ” เขาพูดพลางจุมพิตที่หน้าผากของหล่อน
“อืม...เอาเป็นว่าทำต้มยำกุ้งแล้วก็ไข่เจียวก็แล้วกันนะคะ” หล่อนพูดเสียงใส
“ครับ...งั้นเดี๋ยวผมเป็นลูกมือพิมพ์นะ จะได้เสร็จเร็วๆ”
“อย่าเลยค่ะ วันหยุดทั้งทีเตพักให้เต็มที่นะคะ ส่วนเรื่องทำกับข้าวให้เป็นหน้าที่ของพิมพ์ เตแค่เป็นกำลังใจให้พิมพ์ก็พอค่ะ”
“ได้ไงครับ พิมพ์ก็ทำงานมาทั้งอาทิตย์เหมือนกันใช่ว่าจะอยู่บ้านเฉยๆ สักหน่อย”
“เชื่อพิมพ์เถอะค่ะ...นะคะที่รัก” เธอสวมกอดเขาพร้อมทั้งทำเสียงอ้อน
“งั้น...ก็ได้ครับ” เตชินท์ยิ้มก่อนจะฝังจมูกลงไปที่แก้มนวลของเธอ เพราะพิมพ์ชนกน่ารักแบบนี้นี่เอง เขาถึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีคนรักอย่างเธอ เพราะเธอเข้าอกเข้าใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ตั้งแต่คบกันมาเขาและพิมพ์ชนกยังไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว
