EPISODE6
ผมนั่งรออีแตนอยู่ที่เตียงนอนพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลารอมันใส่เสื้อผ้า
ติ้ง!?
ชบา: ชบาคิดถึงเสี่ยจังเลยค่ะ เมื่อไหร่เสี่ยจะมาหาชบาบ้าง
ชบา? คือเด็กในผู้หญิงที่ผมเลี้ยงไว้ เธอคือผู้หญิงที่ผมกินและเลี้ยงนานสุด เธอน่ะเอาอกเอาใจเก่ง ไม่งี่เง่า หรือก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของผมเลย เชื่อฟังผมแทบทุกอย่าง เรียกง่ายๆ ว่าเวลาผมอยู่กับเธอ ผมโคตรสบายใจ
ผม: ถ้ากูว่างกูจะเข้าไปหา
ชบา: ชบาจะรอนะคะ
แกร๊ก!
ผมผละหน้าออกจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ พร้อมร่างของใครบางคนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
ผม: อะไร
(ผมเอ่ยปากถามอีแตนที่มายืนจ้องหน้าผมอยู่)
แตน: เปล่า ฉันแค่จะบอกว่าฉันหิว
ผม: ไปกินที่ผับได้ไหม เพราะกูต้องเข้าไปดูผับด้วย
แตน: ได้สิ
(เธอตอบพร้อมยิ้มกว้างๆ ส่งมาให้ผม หึ)
ผมกับมันเดินออกมาขึ้นรถที่ไอ้ดำจอดรออยู่หน้าบ้านแล้ว
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงผับ ผมเดินเข้ามาในผับโดยมีแตนและไอ้ดำตามหลังมา
แตน: นาย
ผมหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองไอ้แตน
แตน: ขอดื่มอยู่ด้านล่างได้ไหม ฉันไม่อยากขึ้นไปน่ะ
ผม: อืม
ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นชั้นสามมายังห้องทำงานของผม โดยให้ไอ้ดำคอยดูแลอีแตนอยู่ด้านล่าง
เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา ก็มีโคโยตี้ที่ผับมานั่งรออยู่แล้ว พอเธอเห็นผมเธอก็รีบลุกขึ้นมาหาผมทันที
น้ำ: เสี่ยกว่าจะมานะคะ น้ำรอแทบแย่
(พูดพร้อมเอานมใหญ่ๆ ถูแขนผม)
เสี่ย: เธอมีธุระอะไร
(ปากถามเท้าเดินมานั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน)
น้ำ: ไม่มีธุระอะไรค่ะ น้ำแค่คิดถึง
(เดินมานั่งบนตักของผม เอามือลูบควยผมเบาๆ)
ผม: หึ
(ผมเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะสนองความต้องการให้คนตรงหน้าอย่างสาสม)
[แตน]
นายขุนพลพาฉันมาผับ โดยให้เหตุผลว่าต้องเข้ามาดูแลและเคลียร์งาน ซึ่งฉันก็ไม่ได้ขัดแย้งรึว่าอะไร กลับกันฉันชอบซะอีก
ฉันชอบแสง สี เสียง ชอบดื่มเป็นชีวิตจิตใจ
เพราะเวลาที่ฉันดื่มและฉันเมาสมองฉันจะโล่งมาก โล่งแบบไม่มีอะไรอยู่ในหัวฉันเลย
พี่ดำลูกน้องคนสนิทของนายขุนพลเปิดโต๊ะให้ฉันนั่งพร้อมสั่งอาหารและเครื่องดื่มให้ฉันเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะขอตัวไปทำธุระส่วนตัว แต่ก่อนที่เขาจะไปเขาได้บอกกับฉันว่าห้องทำงานนายขุนพลอยู่ชั้นไหน เขายังกำชับฉันอีกว่าทานเสร็จให้รีบขึ้นไป เป็นผู้หญิงคนเดียวนั่งในที่แบบนี้มันอันตราย
ฉันก็โอเคไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะตั้งใจอยู่ว่าทานอาหารเสร็จจะรีบตามนายขุนพลไปทีหลัง
ฉันนั่งทานข้าวพร้อมจิบเครื่องดื่มไปด้วย ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วตรงมาขึ้นบันไดเดินไปยังห้องทำงานของนายขุนพล
เท้าของฉันมันหยุดเดินอัตโนมัติเมื่อเดินมาถึงห้องทำงานของนายขุนพล
'อ่าส์ อ่าส์ เสียวค่ะ เสี่ย น้ำเสียว อ่าส์'
' อ่ะส์ อื้มห์ อ่าส์'
'อ่ะส์ อื้มห์ อ่ะส์ อ่ะส์ อ่าส์'
' แรงอีกค่ะ เสี่ยน้ำจะเสร็จ อ่ะส์ อ่าส์ '
'เสร็จพร้อมกัน อ่ะส์ โอ้ว อ่าส์'
'อ่าส์,อ่าส์'
ฉันยืนฟังเสียงสัตว์สมสู่กันแบบเงียบๆ เสียงคราง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องบ่งบอกได้ดีเลยว่าพวกเขากำลังมีความสุขกันมากขนาดไหน
ต่างกับฉันที่ยืนฟังเสียงนั่นอย่างนึกสมเพชและรังเกียจ
แกร๊ก!
'อุ้ย'
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูออกมา เธอมีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ แค่เล็กน้อยเท่านั้นเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบนิ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยส่งมาให้ฉัน
' มายืนตรงนี้นานรึยังคะ ไม่ทราบว่าได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า'
หึ! น้ำเสียงบวกท่าทางของเธอมันช่างดูตอแหลจนฉันนึกหมั่นไส้
ฉันไม่ตอบอะไรเพียงยืนกอดอกมองหน้าเธอนิ่งๆ เมื่อเธอเห็นว่าฉันไม่พูดอะไร เธอก็เอ่ยประโยคต่อมาเหมือนกำลังยั่วประสาทของฉัน
'ฉันไม่รู้ว่าเธอยืนอยู่ ฉันจะได้ครางดังๆ ให้เธอได้รู้ว่าฉันกับเสี่ยเรามีความสุขกันมากขนาดไหน'
(เธอยิ้มเยาะเย้ยฉันเป็นครั้งที่สองก่อนที่จะกระแทกไหล่ของฉันเดินออกไป)
แล้วคิดว่าคนที่มันยิ้มให้ฉันแบบนี้ หนำซ้ำยังกระแทกไหล่ฉันอีก คุณคิดว่ามันจะเดินออกไปจากตรงนี้ง่ายๆ ไหม
หมับ!
'โอ้ย'
ฉันตรงเข้าไปกระชากผมของมันจากด้านหลังอย่างแรง ก่อนจะจับมันพลิกตัวกลับมา แล้วประเคนฝ่ามือหนักๆ ลงบนหน้าของมันย้ำๆ หลายๆ ที
มันก็ใช่ว่าจะไม่สู้ฉันนะคะ นิ้วมือของมันคอยจิกอยู่ที่แขนของฉันตลอดเวลา
เพี้ยะ!
'อีบ้า เสี่ยคะ เสี่ยช่วยน้ำด้วย'
เพี้ยะ!
'โอ้ยย อีบ้า เสี่ยคะ เสี่ย ช่วยน้ำด้วย เสี่ย'
แกร๊ก!
ขุนพล: เหี้ยไรกันวะ แตนปล่อย
ฉันเผลอไปมองหน้าขุนพลทำให้อีน้ำนั่นใช้มือของมันตบเข้ามาที่หน้าของฉันอย่างแรง
เพี้ยะ!
เพี้ยะ!
เพี้ยะ!
ขุนพล: น้ำหยุด
ฉัน: เล่นทีเผลอเหรอมึง รู้จักคนอย่างอีแตนน้อยไปแล้ว
(ฉันสะบัดตัวออกจากการจับกุมของขุนพลแล้วตรงเข้าไปหาอีน้ำ ครั้งนี้ฉันเปลี่ยนจากการตบเป็นการต่อยแทน)
ตุบ!
ตุบ!
น้ำ: อะ โอ้ย เสี่ย นี่มึงต่อยกูเหรอ กรี๊ดดด
ตุบ!
น้ำ: จมูกกู กรี๊ดด เสี่ย ช่วยน้ำด้วย
วิ่งไปหลบหลังขุนพล
ขุนพล: มึงเลิกบ้าได้แล้วแตน
ฉัน: ไม่ถ้าวันนี้อีนี่ไม่ตายอย่ามาเรียกกูว่าอีแตนอีก บังอาจมากที่มาตบคนอย่างกู
(จะเข้าไปกระชากอีน้ำออกจากหลังขุนพล)
ขุนพล: แตนพอ
ฉัน: ไม่
ขุนพล: กูบอกให้พอ
ขุนพลตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น มีรึที่คนอย่างฉันจะฟัง ถ้าฉันได้โกรธบอกเลยใครหน้าไหนก็ห้ามฉันไม่ได้ ฉันพยายามจะเข้าไปกระชากอีน้ำอยู่แบบนั้น จน......
เพี้ยะ!
ขุนพล: เลิกบ้าได้แล้ว
ฉัน: นี่มึงตบกูเหรอ
ขุนพล: เออ น้ำออกไปก่อน
น้ำ: คะ ค่ะ
ฉันเอามือจับแก้มตัวเองแล้วมองหน้านายขุนพลแบบนิ่งๆ
ขุนพล: เป็นบ้าอะไรถึงไปตบเขา
ฉันเงียบไม่ตอบได้แต่มองหน้านายขุนพลนิ่งอยู่แบบนั้น สายตาที่ฉันมองไปมันมีแต่ความขยะแขยงแฝงอยู่
ขุนพล: อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนี้
ฉัน: .......
ขุนพล: อย่ามาใช้สายตาแบบนี้กับกู
ขุนพลตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบปากฉันอย่างแรง
สายตาของฉันกับเขาจ้องมองกัน เราจ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร จนนายขุนพลก้มลงเอาปากของเขามาประกบปากฉัน
ฉันไม่ได้ขัดขืนและฉันก็ไม่ได้จูบตอบ ฉันปล่อยให้เขาจูบฉันอยู่แบบนั้น จูบจนเขาพอใจและเป็นฝ่ายผละออกไปเอง
ขุนพล: หึหึ
(นายขุนพลหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะมองหน้าฉันแล้วยิ้มมุมปาก)
ฉันมองหน้าเขานิ่งก่อนที่ฉันจะเอ่ยประโยคนึงออกมา ที่ทำให้นายขุนพลหัวร้อนและโกรธฉันมากกว่าเดิม
ฉัน: อย่าเอาปากที่ไปจูบตามร่างกายของคนอื่นมาจูบฉัน หรือโดนร่างกายของฉัน เพราะมันน่าขยะแขยง
