4/2 อยู่เป็นเพื่อนกัน
“ตามหัวข้อเลยใช่ไหม ลุก” คำสุดท้ายกระชากเสียงเหมือนหงุดหงิด
รุจดารินก็ทำตัวว่านอนสอนง่าย เขาสั่งให้ลุกเธอก็ลุก ยังมีเอกสารอยู่ข้างหลังที่รอการเรียงเข้าแฟ้ม หญิงสาวจึงเดินหันหลังไปเพื่อไปทำอย่างอื่น เพราะเห็นว่างานนี้มีคนช่วยแล้ว
“จะไปไหน” ชายหนุ่มหันมาถาม
“ก็กันทำได้แล้ว พี่ก็เลยว่าจะไปเรียงเอกสารข้างหลัง” หญิงสาวอธิบาย
“มันงานพี่นะ ผมทำให้ได้ แต่มันจะถูกจะดีไหม พี่ก็ต้องมานั่งดู เลือกรูปด้วยกัน” ชายหนุ่มลากเก้าอี้อีกตัวมาใกล้กับเขาและชี้ให้รุจดารินนั่งลง
การทำงานประเมินจากที่มีแต่ความเหนื่อยล้า และเงียบเหงา แต่ตอนนี้มีแต่เสียงหัวเราะ ของคนสองคนที่ช่วยกันเลือกรูปภาพ
หลายครั้งที่คนทั้งคู่แตะเนื้อต้องตัวกัน อาจเป็นเพราะต่างคนต่างก็มีครอบครัวแล้ว เลยไม่ได้ระวังเรื่องแบบนี้เท่าไหร่
“ทีหลังเวลาจะลงรูป สร้างอัลบั้มก่อน เห็นไหมอยากลงอะไรก็ลง มั่วไปหมด” จากที่หัวเราะกันอยู่ดีๆ ตอนนี้ชายหนุ่มข้างๆหันมาทำเสียงเข้มใส่
“เสร็จแล้ว สั่งปริ้นเลย” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“กลับเลยเหรอ ไม่อยู่เป็นเพื่อนกันอีกนิดล่ะ” รุจดารินยังไม่อยากให้เขากลับ
“จะลงไปเก็บของที่ห้อง กลัวผีหรือไง เดี๋ยวส่งผีข้างล่างขึ้นมาเล่นด้วย” กันติทัตเป็นคนเชื่อเรื่องในสิ่งเร้นลับ แต่ถ้ารุจดารินชวนคุยเรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมพูด จะพูดก็ต่อเมื่อเขาอยากพูดเอง
“รีบเลย วางระเบิดไว้แบบนี้ ถ้ากลับก่อน พี่งอนจริงๆด้วย” หญิงสาวพยายามใช้คำพูดให้ดูสนิทเพื่อดูปฏิกริยาของอีกฝ่าย
“ซอมบี้เอ๋ย นั่งทำไปเดี๋ยวขึ้นมา”
เจอประโยคที่ดูสนิทกว่าเข้าไป หญิงสาวกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เขากล้าตั้งฉายาให้เธอ แปลว่าเขาก็ต้องรู้สึกว่าสนิทกันกับเธอเหมือนกัน
“แฟนพี่ไปไหน ไม่มาอยู่เป็นเพื่อน นี่มันมืดแล้วนะ” คำถามที่หญิงสาวไม่ชอบฟัง เธอไม่ชอบให้เขาถามถึงสามีของเธอเลย
“เขาเพิ่งกลับถึงบ้านได้สักพัก งานบ้านมีหลายอย่าง ต้องแบ่งหน้าที่กันไป มัวมาเฝ้ากันงานไม่เสร็จพอดี”
จิรกรโทรศัพท์หาภรรยา ตั้งแต่เขารับลุกเสร็จแล้ว แต่รุจดารินยืนยันเองว่าเธออยู่คนเดียวได้และอยากให้สามีของเธออยู่บ้านทำงานบ้านดีกว่า
“พี่ก็ไม่ควรจะมาอยู่คนเดียวมืดๆแบบนี้ เมื่อไหร่จะเสร็จสักที เห็นอยู่มืดมาหลายวันแล้ว” ปากก็พูดมือก็ช่วยเรียงเอกสาร
เกือบเดือนแล้ว ที่หญิงสาวกลับบ้านมืด แต่ส่วนมาไม่มืดเท่าวันนี้ แต่เธอไม่เคยเห็นเลยว่า ช่วงหลังเลิกเรียน กันติทัตอยู่ตรงไหน ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอกลับมืดทุกวันได้
“พี่ไม่เห็นเคยเห็นกันเลย แล้วกันรู้ได้ยังไงว่าพี่กลับมืด” หญิงสาวถามพร้อมจ้องตารอคำตอบ
“พี่ไม่เห็นผม จำเป็นไหมว่าผมต้องไม่เห็นพี่” คนตอบไม่มองสบตาเหมือนเช่นเคย
“แล้วอยู่ตรงไหนถึงได้เห็นพี่” รุจดารินซักไซ้
“โอ๊ะ!...จะมาอยากรู้ทำไม เห็นก็เห็นสิ แต่ละวันก็อยู่ไม่ซ้ำที่หรอกใครจะจำได้” กันติทัตเริ่มใช้น้ำเสียงที่จริงจังอีกครั้ง จนคนถามเริ่มหน้าเจื่อน
“พี่แก่กว่าผมปีนึง แต่ทำเป็นไม่โตไปได้” ชายหนุ่มตำหนิ
“นี่พี่แก่กว่าปีเดียวเองเหรอ พี่เข้าใจมาตลอดว่าพี่แก่กว่าหลายปี ก็กันหน้าเด็กพี่ดูไม่ออกเลย” หญิงสาวหยอกล้อให้อีกฝ่ายเลิกทำหน้าจริงจัง
“ตลกและ ไม่ใช่เวลามาเล่นนะ และนี่อะไรยังไม่ปิดคอมอีก” คนอายุน้อยกว่า เมื่อเสร็จจากเก็บเอกสารบนโต๊ะก็ลุกมาปิดคอมพิวเตอร์ของครูสาวรุ่นพี่ เป็นการบังคับให้เธอเลิกทำงานแล้วกลับบ้าน
เพียงไม่กี่นาที เอกสารก็ถูกเก็บและนำมาวางเรียงที่โต๊ะทำงานของรุจดารินอย่างเรียบร้อย คอมพิวเตอร์ถูกปิดลง กระเป๋าใส่ของที่หญิงสาวหิ้วมาเมื่อเช้า ก็ถูกชายหนุ่มรุ่นน้องหิ้วลงไปให้ที่รถ อย่างสองไม้สองมือ เพราะไหนจะของตัวเองด้วย
“ขับดีๆ อย่ากลับมืดแบบนี้อีก” พูดจบก็หันหลังเดินไปยังที่จอดรถของตัวเอง ทิ้งให้คนฟังยืนยิ้มหวานอยู่คนเดียว ด้วยความกระชุ่มกระชวยใจ
