บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ออกค่ายอาสา

เสียงพูดคุยจอแจของนักศึกษาดังระงมไปทั่วลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรดาสมาชิกชมรมค่ายอาสาต่างเตรียมตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสร้างโรงเรียนให้เด็ก ๆ บนดอย เหล่าดาวเดือนจากแทบทุกคณะก็เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก

“ทุกคนเข้าแถวตามรายชื่อที่พี่แจ้งไว้นะคะ!”

เสียงสตาฟประกาศก้อง

รถทัวร์หกคันจอดเรียงรายริมถนน รอรับอาสาสมัครกว่า 150 คน และแน่นอน… พศวัต ศศิรา ปัทมา ดนัย กวี และชัญญา ได้ออกค่ายอาสาในครั้งนี้ และทั้งหมดได้ขึ้นไปอยู่ในรถคันเดียวกัน

“ขอนั่งด้วยคนนะคะพี่กวี”

เสียงหวานของชัญญาดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะทรุดตัวลงนั่งทันทีโดยไม่รอคำตอบ

“ได้ครับ” กวีตอบยิ้ม ๆ

พศวัตมองภาพนั้นอยู่ห่าง ๆ แต่เลือกที่จะเงียบ แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่น้องสาวของตนเข้าไปใกล้ชิดกับกวีมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ศศิรานั่งคู่กับปัทมา แถวเดียวกับพศวัตที่นั่งอยู่กับดนัยดูเหมือนว่าเธอจะไม่แม้แต่เหลือบตามามองเขาด้วยซ้ำ พศวัตจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าให้ดนัยเป็นสัญญาณ ดนัยรับรู้ทันที ก่อนหันไปดึงปัทมาให้ลุกขึ้นมา

“มานั่งกับพี่” ดนัยดึงแขนปัทมานั่งเบาะของเขาทันที

“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับฉัน!” ปัทมาแหวเสียงแข็ง

“เงียบเถอะ อย่าสร้างเรื่องให้วุ่นวาย นี่ค่ายอาสานะ” ดนัยกดเสียงต่ำ ตัดบทอย่างแนบเนียน

พศวัตฉวยโอกาสนั้นนั่งแทนที่ปัทมาทันที ศศิราเห็นดังนั้นก็หันขวับ เตรียมจะต่อว่า แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก มือหนาของเขากลับปิดปากเธอไว้เสียก่อน

“อย่าทำเสียงดัง ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ”

เสียงทุ้มกระซิบเบา แต่หนักแน่น

“ฉันรู้นะว่าเธอชอบฉัน”

ศศิราไม่ตอบ แต่เธอกัดมือเขาเต็มแรงจนเลือดซึม พศวัตไม่ร้องออกมา ทว่าแววตาเขาสะท้อนความเจ็บปวดชัดเจน

“เป็นหมารึไง?” เขาขมวดคิ้ว มองเธออย่างไม่อยากเชื่อ

ศศิราส่งยิ้มเยาะ ก่อนเบ้ปากใส่

“ก็แค่ไม่ชอบให้คนกวนประสาท”

พศวัตใจสั่นไปวูบหนึ่ง น่าแปลกที่เวลาหญิงสาวตรงหน้าทำหน้าท้าทายแบบนี้ เธอกลับดูน่ารักสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขายังคงตีหน้านิ่ง

“ฉันแค่มานั่งตรงนี้เพราะเพื่อนฉันขอ เขาชอบเพื่อนเธอ ฉันเลยช่วยเปิดทางให้ อย่าเข้าใจผิด”

“ไม่เข้าใจผิดหรอก เพราะคุณไม่ได้ชอบฉัน และฉันเองก็ไม่ได้ชอบคุณ ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

พูดจบ ศศิราก็สะบัดหน้าหนี มองออกไปนอกหน้าต่าง

พศวัตกำมือแน่น เจ็บใจไม่น้อยที่ถูกผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี คนอย่างเขาไม่เคยโดนเมินแบบนี้มาก่อน มันช่างเสียหน้าเหลือเกิน!

หลังผ่านไปสองถึงสามชั่วโมง บรรยากาศภายในรถเงียบสงบ ผู้โดยสารส่วนใหญ่เริ่มหลับกันบ้างแล้ว ชัญญาซบเองก็หลับซบไหล่กวี ความสนิทสนมของทั้งสองดูเหมือนจะดำเนินไปในทิศทางที่ดี

ปัทมาเองก็หลับไปแล้ว แต่เธอไม่ได้พิงดนัยแม้แต่น้อย ร่างบางซบอยู่กับกระเป๋าแบรนด์เนมหรูที่สะท้อนตัวตนของคุณหนู

ส่วนศศิรา… เธอเอนศีรษะพิงกระจก หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ทุกครั้งที่รถกระเทือน หัวของเธอก็โขกกับกระจกจนต้องสะดุ้งตื่น ก่อนจะค่อย ๆ หลับไปอีก

พศวัตที่นั่งข้าง ๆ ลอบมองอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นเธอหลับไม่เป็นสุข เขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจจะประคองศีรษะของเธอไว้ แต่ยังไม่ทันได้แตะตัว ศศิราก็ลืมตาขึ้นมาก่อน

เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง พศวัตชะงักไป เขาไม่อยากเสียหน้าจึงรีบเบือนหน้าหนี

“อย่าหวังว่าจะได้ซบไหล่ฉัน ไม่มีทาง”

เสียงทุ้มเปรยขึ้นเรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน

ศศิราขมวดคิ้ว ก่อนพึมพำเบา ๆ

“หลงตัวเองเกินไปจริง ๆ”

เธอหลับตาลงตลอดทางอย่างไม่แคร์พศวัตจะเอื้อนเอ่ยคำใดใดทั้งสิ้น

เมื่อถึงค่ายอาสา เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท เหล่านักศึกษาต่างช่วยกันหยิบจับคนละไม้คนละมือ แบ่งหน้าที่กันอย่างขะมักเขม้น

ฝ่ายหญิงดูแลเรื่องอาหาร กวาดถูทำความสะอาด ส่วนฝ่ายชายช่วยกันขนปูน ก่ออิฐ ฉาบผนัง เชื่อมเหล็ก ทุกขั้นตอนมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัย

รสรินดาวคณะอักษรศาสตร์ นักศึกษาปี 4 ที่แอบมีใจให้พศวัตมานาน เธอเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับแก้วน้ำเย็นในมือ ดวงตาคู่งามของเธอจ้องเขาอย่างมีความหมาย

“น้ำค่ะ พศวัต”

พศวัตรับแก้วมาอย่างขอบคุณ แต่สายตาของเขากลับสะดุดเข้ากับร่างของศศิราที่กำลังเดินตรงมาทางนี้

เขาตัดสินใจทำสิ่งที่ใจตัวเองยังไม่แน่ใจ รับแก้วน้ำของรสรินไว้ ราวกับจะบอกให้คนที่เดินมาเห็นว่า เขาสนใจผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่เธอ!

ทว่า...ศศิราไม่แม้แต่จะชายตามอง เธอเดินเลยผ่านไปตรงไปหากวีแทน พร้อมส่งรอยยิ้มสดใสให้เขา

“พี่กวี น้ำค่ะ วันนี้อากาศร้อน เหนื่อยไหม?”

“ไม่เลย สบายมาก”

กวียิ้มรับ พลางรับแก้วน้ำจากเธอ

พศวัตกำแก้วในมือแน่นขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รสรินเองก็มองกวีด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป...

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงใส ๆ ของชัญญาก็ดังขึ้นมาพร้อมกับผ้าเย็นที่ยื่นให้กวี

“พี่กวี ผ้าเย็นค่ะ เช็ดหน้าหน่อยนะ”

ศศิรายิ้มอย่างยินดี ก่อนจะถอยออกมาโดยไม่แสดงอาการหึงหวงแม้แต่น้อย ต่างจากสิ่งที่พศวัตคาดไว้โดยสิ้นเชิง

“ใจกว้างดีนะ ปล่อยให้ผู้หญิงอื่นเทคแคร์แฟนตัวเอง”

เขาพึมพำเบา ๆ

ศศิราได้ยิน แต่เธอเลือกจะไม่ตอบ ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปอย่างนั้นแหละ...

ไม่ไกลจากตรงนั้น ปัทมาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น

“คนทำอาหารมีเยอะแล้ว เราไปช่วยขนหินกันไหม ศศิรา?”

“ไปสิปัทมา ฉันก็เบื่อเดินแจกน้ำแล้ว เจอแต่ตาพศวัต”

ปัทมาหัวเราะเย้ยเพื่อนรักของเธอ

“เมื่อก่อนเธอชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้”

“อย่าพูดถึงอดีตเลย แค่คิดก็ขนลุก”

ศศิราหัวเราะพลางยักไหล่ ทำเอาปัทมายิ่งขำหนักกว่าเดิม

พศวัตที่ได้ยินทุกคำพูดนั้นขมวดคิ้วแน่น...ทำไมกันนะ? คำพูดของเธอกลับทำให้เขารู้สึก หงุดหงิด อย่างบอกไม่ถูก...

ทั้งสองช่วยกันตักหินใส่กระบะขนไปยังจุดก่อสร้าง ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ในค่ายอาสา ที่ทุกคนทำได้ทุกอย่างโดยไม่แบ่งแยกหญิงชาย

ศศิราใช้จอบครูดหินใส่บุงกี้ แต่พลาดทำจอบกระแทกเท้าตัวเองจนเลือดไหล

“ศศิรา! เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม?”

ปัทมาถามเสียงสั่น หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเลือดเปรอะเต็มเท้าเพื่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเช็ดเลือดออก ทำแผลหน่อยก็คงดีขึ้น”

ในจุดนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้เลย นอกจากพศวัตที่เดินเข้ามาพร้อมดนัย

“มีอะไร?”

พศวัตถามพลางก้มมองเท้าเธอที่เต็มไปด้วยเลือด

“ไม่มีอะไร... ปัทมา พยุงฉันไปนั่งใต้ต้นไม้หน่อย”

“อย่าขยับ! เดี๋ยวทรายเข้าบาดแผล”

เสียงเข้มของพศวัตสั่งห้ามทันที

ด้านดนัยที่เห็นเลือดกลับหน้าซีดเผือดเหมือนจะเป็นลม ดีที่พศวัตคว้าตัวไว้ทัน

“ปัทมา ฝากดูดนัยด้วย”

พศวัตพูดพลางผลักดนัยไปหาปัทมา ก่อนจะเดินตรงเข้าหาศศิรา ก้มลงช้อนร่างเธอขึ้นอุ้มทันที

“ปล่อยฉัน! อย่ามายุ่งกับฉัน!”

ศศิราพยายามดิ้น

“คิดว่าฉันอยากอุ้มเธอรึไง? มาค่ายอาสาอย่าทำตัวเป็นภาระคนอื่น”

“ก็บอกให้ปล่อยไง! ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณช่วยสักหน่อย”

เขายกตัวเธอขึ้นสูงราวกับจะปล่อยกลางอากาศ

“ว้าย!”

ศศิราตกใจสุดขีด รีบกอดคอเขาไว้แน่น

พศวัตแค่นยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

“ไหนว่าเก่งไง? แล้วจะกลัวอะไร?”

ศศิราเงยหน้าค้อนใส่เขา ก่อนที่เขาจะวางเธอลงบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้

“ขะ… ขอบคุณค่ะ”

“อะไรนะ? พูดใหม่ซิ”

เขาแกล้งถาม…

“ก็บอกว่าขอบคุณไง!”

เธอเมินหน้าหนี

ในขณะที่ปัทมากับดนัยเดินเถียงกันกลับมา

“เป็นผู้ชายแต่กลัวเลือด ใจปลาซิวจริงๆ”

ปัทมาว่าเขา

“ฉันแค่ร้อน หน้ามืด! อย่ามากล่าวหากันมั่วๆ ยัยน้อง” ดนัยเถียงกลับทันที

ศศิราได้ยินถึงกับหัวเราะเบาๆ พศวัตที่มองเธออยู่ รู้สึกสะดุดตากับรอยยิ้มของเธอ เหงื่อไหลซึมบนแก้ม ปอยผมติดข้างแก้มทำให้เธอดูน่ารักอย่างประหลาด

แม้เธอจะไม่ใช่ดาวมหาลัย แต่ความสวยของเธอก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้หญิงคนอื่นเลย... แล้วนี่ขนาดใส่แว่นนะ ถ้าถอดออก ความสวยคงทวีคูณแน่ๆ

เขาเผลอนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนตกอยู่ในภวังค์

“เดี๋ยวฉันไปตามพี่กวีมาทำแผลให้ดีกว่า”

ปัทมาพูด

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เขายุ่ง เธอไปเอากล่องยามาก็พอ ฉันทำเอง แผลไม่ได้ลึกมาก”

“โอเค! รออยู่ตรงนี้นะ แล้วสองคนนั้นอย่ารังแกเพื่อนฉันล่ะ” ปัทมาสั่ง

“ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง”

ศศิรายิ้มให้เพื่อน

พศวัตเห็นเลือดยังคงไหลไม่หยุด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามากดห้ามเลือดให้ทันที

“เฮ้! ไม่ต้องยุ่ง”

เธอตกใจที่เขานั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือใหญ่ของเขากดแผลเธอไว้

“เลิกดื้อซะที ทำให้เพราะกลัวว่าเธอจะเสียเลือดตาย เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจดำ”

เธอเงียบไป มองเขาที่ตั้งใจห้ามเลือดให้... เวลานี้เขาดูหล่อมากกว่าเดิมซะอีก

พศวัตเงยขึ้นสบตาเธอพอดี ศศิราตกใจ รีบเบือนหน้าหนีทันที

เขายกคิ้ว

“ทำไม? หรือว่าคิดว่าฉันชอบเธอ?”

“เปล่าหรอกค่ะ แค่ขอบคุณที่ช่วย... เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

“มาแล้วๆ!”

ปัทมาตะโกนพลางยื่นกล่องยาให้ แต่เธอไม่กล้าทำแผลให้เพื่อนตัวเอง

ศศิราพยายามเปิดน้ำยาล้างแผล แต่ทุลักทุเลไปหมด

“เอามานี่! ชักช้าจะติดเชื้อ”

พศวัตแย่งอุปกรณ์จากมือเธอ ปัทมากับดนัยมองทั้งคู่ด้วยสายตาเอะใจ

“ขอบคุณนะ”

“อย่างน้อยก็ยังมีคำขอบคุณ”

เขาพูดเบาๆ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นอีกครั้ง

“เฮ้! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าคุณอุ้มฉันไปแบบนี้ พวกสาวๆ ของคุณต้องเข้าใจผิดแน่!”

“ทำไมล่ะ? มีแต่คนอยากเป็นข่าวกับฉัน”

“แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน”

เขาอุ้มเธอเดินลุยสายตาซุบซิบของทุกคน โดยไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

จนถึงห้องพยาบาล เขาวางเธอลงเบาๆ

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

“ไม่เป็นไร ถึงฉันไม่ช่วย ก็มีคนอื่นช่วยอยู่ดี”

เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทิ้งท้ายว่า

“แล้วก็... อย่าทำตัวเป็นภาระของค่าย ทำงานที่ตัวเองไหวก็พอ อย่าเก่งเกินตัว”

ศศิรานั่งนิ่งอยู่ในห้องพยาบาล มองแผ่นหลังของเขาจนลับตา…

หัวใจเธอเต้นแรงแปลกๆ หรือว่าเธอจะกำลังรู้สึกบางอย่างกับเขา?

แต่ดูไปตอนนี้เขาก็น่าสนใจไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ แต่นึกถึงวันที่เขาทำให้เธออับอายต่อหน้าผู้คนก็น่าเจ็บใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel