ตอนที่ 6 เริ่มหลงรักสามีตัวเอง ผิดไหม 1
รถม้าห่างจากร้านอาภรณ์ราวสามจั้ง
ฉางเฟิงค่อยๆ ยื่นถุงเงินส่งให้อู๋หมิงอย่างนอบน้อม พร้อมเอ่ยด้วยสุ้มเสียงกริ่งเกรงว่าอาจจะทำให้คนฟังรำคาญใจ “ลำบากสหายอู๋แล้ว ขอบคุณที่รับงานนี้ของข้า นี่คือเงินตามที่ตกลงไว้”
อู๋หมิงรับถุงเงินมาด้วยท่าทีเย็นชาโดยไม่เอ่ยวาจา แค่งานรับจ้างคุ้มกันหญิงชู้ที่กำลังตั้งครรภ์ของฉางเฟิงเดินทางไปคลอดยังเรือนชนบทที่ปลอดภัยไม่นับเป็นอันใด ปกติเขารับจ้างงานคุ้มกันทองคำแพรพรรณล้ำค่าที่โจรป่าคอยจ้องตามปล้นชิงตลอดทาง ลำบากกว่านี้มากมายนัก
อู๋หมิงเก็บถุงเงินใส่แขนเสื้อทำท่าหันตัวเดินจากไป ฉางเฟิงเห็นเช่นนั้นก็รีบรั้งไว้ “สหายอู๋ ช้าก่อน”
ชายหนุ่มปรายตามองช้าๆ เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “ว่า?”
ฉางเฟิงถูมือพูดอย่างเกรงใจว่า “เรื่องงานจ้างนี้ ท่านไม่แพร่งพรายใช่หรือไม่? ชื่อเสียงบัณฑิตดีงามของข้าจะด่างพร้อยไม่ได้เด็ดขาด” เพิ่งแต่งงานได้แค่สี่เดือนแท้ๆ กลับมีอนุนอกเรือนที่ใกล้คลอดแล้ว หากผู้คนรู้เข้า แย่แน่!
“เจ้าคิดว่า ข้าดูเป็นคนปากมาก?”
อู๋หมิงถามสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่น้ำเสียงก็เฉยชา แววตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ทำให้ไม่รู้ว่าเริ่มหงุดหงิดระดับไหน ทำเอาคนถูกถามรีบส่ายหน้า ปฏิเสธพัลวัน
“ไม่ๆ แน่นอนว่าไม่ใช่”
“มีสิ่งใดจะสำทับอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้ว”
“ข้าไปได้แล้วกระมัง”
“อ้อ เชิญๆ เชิญสหายอู๋ตามสบาย”
อู๋หมิงทำท่าหันหลังเดินไปอีกคราแต่พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเป็นฝ่ายหันมาสำทับฉางเฟิงแทน “ท่านควรดูแลภรรยาของตนให้ดี นางไม่ค่อยรู้ความเท่าใด คำพูดจาที่ไม่ระวัง อาจทำท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงเรื่องอื่น มากกว่าเรื่องฉ่าวโฉ่ที่ท่านทำ”
ท้ายประโยคเขาเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงแฝงแววข่มขู่
“หะ?”
อู๋หมิงไม่สนใจฉางเฟิงอีกเพียงเดินไปทางร้านผ้า ฝ่ายฉางเฟิงแม้งุนงงยังคงไม่เข้าใจคำพูดของอู๋หมิงเท่าใด แต่เมื่อเสร็จธุระของตนแล้วก็ไม่คิดอยู่ต่อ รีบเข้าไปลากตัวไป๋หลิน ดึงมือนางขึ้นรถม้าพากลับจวนไปทันที จากนั้นก็เร่งขบคิดพลางมองหน้าไป๋หลินอย่างหงุดหงิด
นางทำสิ่งใดให้สหายอู๋ไม่พอใจกันแน่?
แต่ว่าแม้จะคิดไม่ออก เขาก็คำรามใส่หน้าภรรยา “เจ้าไปทำอะไรให้คุณชายอู๋ไม่พอใจกัน? กลับบ้านไปก็จงเก็บตัวสงบเสงี่ยมอยู่แต่ในเรือนไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันสักเดือนหนึ่งแล้วกัน”
ไป๋หลินเบิกตาโพลง “ท่านพี่!”
ทางด้านไป๋เล่อชิง
หญิงสาวมองตามไป๋หลินที่ถูกฉางเฟิงกึ่งลากกึ่งจูงไปขึ้นรถม้าอย่างเร่งรีบด้วยความงุนงงครู่หนึ่ง
พี่สาวยังไม่ได้ซื้อผ้าเลยสักพับ น่าแปลกนัก!
แต่ก็ดี ไปได้เสียที นางให้รู้สึกโล่งใจเหลือเกิน
ไป๋เล่อชิงไม่สนใจพี่สาวนานนักเนื่องจากมีคนที่น่าสนใจยิ่งกว่ากำลังเดินเข้าร้านอาภรณ์มา หญิงสาวมองจนเหม่อ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใรที่อู๋หมิงยากละสายตาจากนาง
เฉิงเอินเองก็หันมาสนใจอู๋หมิงเช่นกัน นางรีบสะกิดไป๋เล่อชิงยิกๆ “สามีเจ้ากำลังมา รีบยิ้มหวานเร็ว”
“รู้แล้วๆ”
ทั้งสองล้วนรู้ใจกัน ภรรยาที่ดีสมควรรมีจริตมารยา ไป๋เล่อชิงจึงแย้มยิ้มเฉิดฉันท์ มั่นใจมากว่ายามนี้สะสวย แต่แค่ยิ้มไหนเลยเพียงพอ นางพาร่างอรชรอ้อนแอ้นเดินเข้าไปหาอย่างมีจริตจก้านของภรรยาผู้อ่อนหวานเต็มขั้น
“ท่านพี่ คุยธุระเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ?”
“เสร็จแล้ว”
ชายหนุ่มตอบพลางเดินผ่านร่างงามๆของภรรยาเข้าไปที่ห้องรับรองลูกค้าของร้านผ้า ที่นี่มีบริการสำหรับสามีที่ต้องการนั่งรอภรรยาจับจ่ายซื้อของ เขาหันไปเรียกเสี่ยวเอ้อร์แล้วสั่งน้ำชากับขนมนั่งกินอย่างใจเย็น
ไป๋เล่อชิงเอียงหน้ามองเขาจนคอแทบหัก
นึกฉงนนัก!
“ท่านพี่จะนั่งรอข้าหรือ?”
“อืม” อู๋หมิงเลิกคิ้วมองภรรยา “เหตุใดถามเช่นนั้น? ข้านั่งรอไม่ได้?”
หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อย ยิ้มกว้างขึ้น “ไม่ใช่ว่านั่งรอไม่ได้ เพียงแต่เดิมทีคิดว่าคงต้องกลับบ้านมือเปล่าเพราะข้ายังไม่ทันซื้อผ้าแม้แต่พับเดียว”
อู๋หมิงนิ่วหน้า “อ้อ หากข้าไม่รอ เจ้าก็จะรีบตามข้ากลับเลยหรือ?”
ไป๋เล่อชิงกดคางถี่ๆ “ก็ใช่น่ะสิ ท่านรีบหรือไม่”
“ไม่รีบ เจ้าไปซื้อผ้าเถอะ ข้านั่งรอได้”
“จริงหรือ?” ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ่งคลี่ยิ้มน่ารักขณะชี้นิ้วไปทางเฉิงเอินกับพี่สะใภ้ลู่ “เช่นนั้นข้าซื้อผ้าก่อนนะเจ้าคะ สหายรออยู่”
ท่าทางดีใจประหนึ่งเด็กน้อยเช่นนี้ทำเอาชายหนุ่มนึกขันถึงขั้นหลุดยิ้ม “อืม ไปเถอะ ไม่ต้องรีบ”
ไป๋เล่อชิงพลันหน้าแดงเห่อ นางเพิ่งรู้ว่าอู๋หมิงผู้นี้ปกติมักทำหน้าตาเฉยชาทึมทื่ออึมครึมมืดครึ้มไม่สดใส แต่เวลายิ้มกลับมีเสน่ห์เปล่งประกายยิ่งนัก ให้ความรู้สึกสว่างไสวปานนั้น
หญิงสาวเดินเหมือนลอยได้ไปทางสหายทั้งสอง
เฉิงเอินนั้นเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจไป๋เล่อชิง นางอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า “เท้าของเจ้าไม่ติดพื้นแล้ว”
คนถูกเย้าได้แต่คลี่ยิ้มอย่างขวยเขิน เดินตัวลอยต่อ
