บท
ตั้งค่า

ผิดแผน

ฉันเดินออกมาจากร้านอาหารตามสั่ง ในใจก็คิดว่าเขาจะรับเราไหมนะ ยังไงก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำงานที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถึงเขาไม่รับก็ไม่เป็นไรลองดูก็แล้วกัน ฉันเดินเข้ามาหน้าโรงงานตรงไปที่ป้อมยาม ซึ่งเป็นทางเข้าโรงงาน และมียามวัยกลางคนนั่งอยู่ในป้อมทางเข้า

"ลุงคะ หนูมาสมัครงานต้องไปสมัครที่ไหนคะ"

"หนูเดินไปที่ตึกสูงๆ ตรงนั้นนะเห็นไหม" ลุงแกชี้ไปยังตึกฝั่งขวามือที่อยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควร ซึ่งมันมีแต่ตึกสูงๆ ทั้งนั้น จนฉันทำหน้างงๆ ออกมา ทำให้ลุงยามเริ่มหันมาพูดกับฉันอีกครั้ง

"แล้วหนูก็เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาขึ้นบันไดไปชั้นสอง แล้วก็เลี้ยวขวาอีกทีหนึ่ง ไปถึงจะมีป้ายบอก หนูก็ตรงไปที่ฝ่ายบุคคลนะ"

"โอ้โห! เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาด้วยเหรอลุง ขอบคุณนะคะ" ฉันยกมือไหว้ขอบคุณลุง แล้วเดินตรงไปยังตึกนั่น ตามที่ลุงบอก โรงงานนี้ใหญ่มากจริงๆ ถึงว่าทำไมติดป้ายรับสมัครพนักงานหลายอัตรา ฉันเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามที่ลุงบอก จากนั้นฉันก็ตรงไปยังห้องของฝ่ายบุคคล

"สวัสดีค่ะหนูมาสมัครงานค่ะ" ฉันพูดพร้อมกับยกมือไหว้พี่ผู้หญิงสุดสวย ที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องฝ่ายบุคคล

"นั่งรอแป๊บหนึ่งนะคะ" จากนั้นพี่คนสวยก็เดินไปหยิบเอกสารมาให้ฉันกรอกรายละเอียด ฉันอ่านรายละเอียดไปเรื่อยๆ แล้วก็กรอกข้อมูลมาจนถึงหัวข้อที่ต้องลงตำแหน่งงานที่สมัคร

"พี่คะทำไมตรงนี้ ที่ต้องกรอกตำแหน่งหน่ะคะ ทำไมมีแค่ฝ่ายผลิตคะ ตำแหน่งผู้ช่วยบัญชีไม่มีเหรอคะ"

"ตำแหน่งอื่นเต็มหมดแล้วจ้า เหลือแค่ฝ่ายผลิต แล้ววันนี้ก็รับสมัครวันสุดท้ายด้วยนะ" คำตอบจากพี่สาวคนสวยทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่ก็ต้องไปต่อ

“อ๋อ..เหรอคะ ขอบคุณค่ะ" ฉันเลยลงมือกรอกข้อมูลให้เสร็จสมบูรณ์ ฉันไม่อยากจะคิดเลย ที่ฉันไม่สมัครงานที่ตั้งแต่แรก เพราะฉันแพ้เครื่องดื่มทุกชนิดที่มีแอลกอฮอล์ผสม และนี่ก็โรงงานผลิตไวน์ ถ้าฉันได้อยู่ที่ฝ่ายผลิต มีหวังได้หามส่งโรงพยาบาลแน่ๆ เพราะฉันแพ้แม้กระทั่งกลิ่น แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว ยังไงก็ขอลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ฉันกรอกเอกสารครบถ้วนก่อนจะยื่นให้พี่พนักงานสุดสวยแล้วกลับออกมา ซึ่งตอนนี้ก็จะเย็นแล้ว ฉันต้องรีบกลับบ้านไปทำกับข้าวให้ตาลุงนั่นอีก

ผมกลับเข้ามาที่ออฟฟิศ เพื่อมาสะสางงานที่ค้างแล้วก็รอเวลาให้นารากลับไป ผมแอบตามเธอไป ซึ่งเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ เธอมาสมัครงานที่นี่ ตอนนี้ผมนั่งมองผ่านกระจกเห็นเธอออกจากโรงงานไปแล้ว ผมรีบยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเลขาหน้าห้องทันที

"คุณพิมพ์ลดา ช่วยเอาเอกสารคนที่มาสมัครงานช่วงบ่ายวันนี้ ที่ฝ่ายบุคคลขึ้นมาให้ผมที"

"ได้คะท่านประธาน" ผมรอสักพัก คุณเลขาก็หอบแฟ้มเอกสารมาสองสามเล่ม แสดงว่าวันนี้คนมาสมัครเยอะเหมือนกัน

"ท่านประธานให้พิมพ์เอาเอกสารพวกนี้มาทำไมคะ มีอะไรให้พิมพ์ช่วยไหมคะ" เธอพูดเชิงอยากรู้ เพราะร้อยวันพันปี ผมไม่เคยสนใจเรื่องพนักงานที่มาสมัครงานที่นี่เลย

"ขอบคุณครับ..แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง พอดีผมอยากทราบอะไรนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ"

"ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพิมพ์ขอตัวนะคะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกพิมพ์เลยนะคะ" ผมไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าให้กับเธอ หลังจากที่เลขาเดินออกไป ผมก็เปิดแฟ้มค้นหาประวัติของนาราทันที ผมค้นหาได้สักพักก็เจอ

“นางสาวนารา น้ำใจงามประเสริฐยิ่งเจริญทรัพย์ ว้าว!” ผมนั่งขำนามสกุลของเธอที่มันนามสกุลหรือชื่อกรุงเทพฯ กันแน่ ทำไมมันยาวเหยียดอย่างนี้ อายุยี่สิบปี เรียนจบอนุปริญญา สาขาการบัญชี สมัครงานในตำแหน่งไลน์ผลิต ผมเห็นอายุของเธอแล้วอึ้งยิ่งกว่านามสกุลของนาราเสียอีก เมื่ออายุของเธอน้อยกว่าผมตั้งสิบห้าปี สมแล้วกับที่เธอเรียกผมว่าลุง ขณะผมกำลังอ่านประวัติของนาราอยู่สักพัก ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงที่มาก่อนตัว

“พี่ภูขา นับดาวคิดถึงพี่ภูที่สุดในโลกเลย ขอกอดหน่อย" เด็กสาวหน้าตาสะสวยขาวหมวยจิ้มลิ้ม เสียงมาก่อนตัวประตูไม่เคาะ เธอกอดผมจนแทบจะหายใจไม่ออก เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนับดาวน้องสาวคนเล็กของผมเอง ผมมีพี่น้องสามคน ผมเป็นพี่ชายคนโต ส่วนน้องชายคนกลางชื่ออาทิตย์ ตอนนี้เขาดูแลไร่อยู่ทางเหนือ ผมกับอาทิตย์จะสลับกันไปมา ระหว่างงานในไร่กับงานบริษัทและโรงงาน ส่วนนับดาวเพิ่งเรียนจบยังไม่อยากทำงานขอพักสักสองปี เธอบอกว่าเรียนมาเหนื่อยแล้ว ขอพักก่อนแล้วจะทำงานให้เต็มที่เลย

"ว่าไง เด็กขี้อ้อนทำไมวันนี้มาหาพี่ได้" ผมพูดกับเธอหลังจากที่นับดาวผละกอดออกจากผมแล้ว เธอเดินลงไปนั่งที่โซฟาท่าทางกระฟัดกระเฟียด ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำให้น้องสาวสุดที่รักของผมอารมณ์เสียได้ขนาดนี้

"พี่ภู! พี่ภูไปทำอะไรไว้ล่ะรู้ไหม คุณเจสซี่อะไรนั่นวิ่งแจ้นไปฟ้องคุณแม่ พี่เตรียมตัวไว้ให้ดีเลยนะ คุณแม่เอาพี่ตายแน่งานนี้”

"ใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่รับมือคุณแม่เอง น้องไม่ต้องห่วงหรอก"

"พี่รู้ฤทธิ์เดชของผู้หญิงคนนี้น้อยไป น้องแอบฟังเธอคุยกับคุณแม่ เธอร้ายกาจมากเลยนะพี่ภู คุณเจสซี่อะไรนั่นเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ ที่แม่หาให้พี่หรอกนะ!"

"ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!" ผมก็อดขำไม่ได้ในท่าทางของน้องสาว ที่พูดไปทำหน้าทำตาไป ท่าทางของเธอดูจะไม่ชอบว่าที่พี่สะใภ้ ที่มารดากำลังจะยัดเยียดให้ผมเอามากๆ

"มันไม่ขำนะพี่ คราวนี้เธอเอาพ่อของเธอมาด้วย แล้วน้องได้ยินพวกเขาคุยกัน เรื่องงานแต่งของพี่กับเธอด้วยนะ ประมาณต้นเดือนหน้าวันเกิดพี่ พี่ได้เซอร์ไพรส์แน่ๆ" ผมถึงกับทำหน้าเหวอเลยทีเดียว ถ้าเป็นอย่างที่น้องสาวผมพูด งานเข้าผมแล้วแน่ๆ

"คุณแม่นะคุณแม่ ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้างเลย "

"พี่รีบหาแฟนเลยนะ แล้วชิ่งแต่งเลย ก่อนที่คุณเจสซี่อะไรนั่นจะคาบพี่ไปกิน น้องจริงจังพูดแล้วยังจะขำอีก เดี๋ยวก็ขำไม่ออกหรอก น้องจะไม่ส่งข่าวช่วยเลยคอยดู ถ้ารู้ว่าพี่จะเห็นเป็นเรื่องตลกแบบนี้" ผมรู้สึกตลกกับคำพูดและท่าทางอันน่ารักของน้องสาว เธอหวงพี่ชายมาก ขนาดอาทิตย์ยังไม่กล้ามีแฟนเลย แต่วันนี้เธอมาแปลก รบเร้าให้ผมรีบมีแฟนแถมยังให้แต่งเลย จะไม่ให้ผมขำได้ยังไง แสดงว่าเธอไม่ชอบคุณเจสซี่เอามากๆ

"ท่าทางของน้องมันน่ารักดีนี่นา พี่ก็เลยอดขำไม่ได้ พี่สงสัยทำไมน้องยอมให้พี่มีแฟนแล้วเหรอ หืม.. "

"ตอนนี้แฟนพี่จะเป็นใครก็ได้ ยกเว้นคุณเจสซี่อะไรนั่น! น้องไม่ชอบ! เธอดูแรงและมั่นใจเกิน ถ้าพี่แต่งกับเธอนะ พี่ไม่ได้เป็นสามีเธอหรอก แต่พี่จะตกเป็นทาสของเธอมากกว่า น้องพอดูออกเธอเอาแต่ใจจะตาย"

ในขณะที่นับดาวกำลังร่ายยาว เสียงเพลงสายเรียกเข้ามือถือของผมก็ดังขึ้น ผมเอานิ้วชี้ขึ้นมาจุปาก เพื่อให้น้องสาวเงียบไว้ เพราะเบอร์โทรเข้าเป็นของมารดา

"เงียบเลยนะน้อง คุณนายแม่โทรมาคงเป็นเรื่องเจสซี่แน่ๆ" แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มากดรับสาย

"สวัสดีครับคุณหญิงลินดา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" ผมพูดเสียงหวานออดอ้อนไปตามสาย

"แกไม่ต้องมาพูดดีเลยนะตาภู แกรู้ไหมว่าตอนนี้หนูเจสซี่เขาเสียใจแค่ไหน ทำไมแกเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความรับผิดชอบปล่อยผู้หญิงไว้แบบนั้นได้ยังไง ความเป็นสุภาพบุรุษของแกหายไปไหนหมด" มารดาผมร่ายยาวราวกับพระเทศน์ ไม่รู้ว่านางไปหลงเสน่ห์อะไรของเจสซี่ ถึงได้เข้าข้างกันมากขนาดนี้

"แม่ครับพอดีผมมีนัดกับลูกค้ารายสำคัญ ก็เลยขอตัวออกมาก่อน"

"แกไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะ! ฉันโทรหาเลขาแกแล้ว แกไม่ได้ไปไหน ลูกค้าอะไรนั่นก็ไม่มี เย็นนี้แกไปรับหนูเจสซี่มาทานข้าวที่บ้านเลยนะ ตาภู แม่มีเรื่องจะคุยด้วย "

"เย็นนี้ผมไม่ว่างครับแม่"

"เย็นนี้แกก็ว่าง ฉันเช็คจากเลขาแกแล้ว แกว่างทั้งวันเลยนะวันนี้ ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่ละก็ อย่าปฏิเสธความหวังดีของฉัน" ผมคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะแม่ยังไงก็เป็นแม่อยู่ดี ก็เลยจำใจต้องต้องตอบตกลงออกไป

“ตกลงครับแม่ แค่นี้นะครับ ผมรักแม่นะครับ" ผมรีบกดวางสายแล้วหันหน้ามาหาน้องสาวอันเป็นที่รัก และเธอก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดสำหรับผมในเวลานี้

"พี่ก็ตามน้ำไปก่อนแล้วกัน พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ แม่ก็คือแม่บวกกับคุณเจสซี่อะไรนั่น น้องบอกเลยว่างานนี้ อิฐ หิน ปูน ล้วนๆ ไม่มีทรายผสม งานหยาบก็มาค่ะพี่ชายสุดที่รัก"

"พี่ไม่ขำ"

"ก่อนหน้านี้ใครนะ น้องพูดอะไรก็ขำเอาขำเอา อิอิ"

"แต่ตอนนี้พี่ขำไม่ออกแล้ว ท่าทางนายแม่เอาจริง"

"ไปเก็บของ แล้วไปรับคุณเจสซี่ น้องจะไปด้วยเป็นไม้กันหมาให้ อย่าเครียดเดี๋ยวน้องช่วยเอง เชื่อสิฝีมือนับดาวซะอย่าง" อย่างน้อยในเวลาที่ผมเครียดก็ได้น้องสาวที่น่ารักอย่างนับดาวคอยอยู่ข้างๆ แต่ผมอุตส่าห์จะรีบกลับบ้านซื้อของไปให้ยายจุ้นสักหน่อย วันนี้คงผิดแผนแล้วแถมยังมีเรื่องให้ต้องปวดหัวอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel