รักตรงสเปค

153.0K · จบแล้ว
พิชามญธุ์
72
บท
21.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มาตราฐานผู้ชายของเธอสูง แต่เขาก็เข้ามาสั่นไหวหัวใจของเธอให้เต้นแรงได้ ก็หน้าตาเขาเหมือนไอดอลของเธอขนาดนั้น ตรงสเปคขนาดนี้ แถมยังเข้าอกเข้าใจ น่ารักมุ้งมิ้ง ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ไหม

นิยายรักนิยายปัจจุบันนางเอกเก่งรักหวานๆโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกพระเอกเก่ง

ตอนที่ 1 ผู้ชายในฝัน

น้ำนิ่ง

“พวกแก พวกแกชอบไอดอลเกาหลีกันปะ” ฉันถามเพื่อนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือกันอย่างตั้งใจ

อยู่ ๆ ฉันก็มีความคิดอยากถามเพื่อนขึ้นมา พวกมันเงยหน้าขึ้นมามองฉันเป็นตาเดียว

ฉันเม้มปากเข้าหากัน อย่างรอคำตอบ

“ไอดอลเกาหลีที่หมายถึงนักร้องอย่างนี้ใช่ไหมนิ่ง” ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับปั้นหยา

“หือ ฉันไม่ชอบอะ ฉันว่านักร้องเกาหลีก็หน้าเหมือนกันหมดแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร” ปั้นหยาตอบกลับมา

“ฉันก็ว่างั้น” ลูกพีชสนับสนุน

“ฉันว่าหล่อออก ฉันชอบนะพระเอกซีรีส์เกาหลี” ปั้นหยีทำหน้าเพ้อฝัน

ฉันถอนหายใจเบาๆ เลิกเซ้าซี้เพื่อน คำตอบของเพื่อน ฉันไม่ได้โกรธหรอกนะ เพราะต่างคนต่างความคิดและไม่ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาจริง ๆ

“ถามทำไมแกชอบงั้นเหรอ” ลูกพีชถามฉันกลับบ้าง ฉันชะงักไปก่อนจะตอบเพื่อน

“เปล่า แค่ถามดู”

“แปลกปกติแกไม่เห็นสนใจเรื่องพวกนี้ นึกอะไรทำไมถึงถาม”

“เห็นในเฟสผ่านๆ น่ะ เผื่อพวกแกจะชอบกัน”

“อ่อ”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบต่างคนต่างตั้งใจอ่านหนังสือ ฉันเป่าลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก เกือบไปแล้วไหมล่ะ

ทั้งสามคนที่ฉันคุยด้วยนั้นเป็นเพื่อนในมหาลัยของฉัน ซึ่งรู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ มันเริ่มต้นจากการรับน้องและได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ทำให้เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วันนั้น

ปั้นหยีกับปั้นหยาเป็นฝาแฝดกัน แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว ปั้นหยาจะเรียบร้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นเรียบร้อยเหมือนผ้าผับไว้ ปั้นหยีจะห้าวๆ หน่อย ส่วนลูกพีชเป็นลูกคุณหนูที่ติดดินเอามาก ๆ เวลาอยู่กับคนที่บ้านหรือพี่ๆ ของเธอ เธอจะเหมือนคุณหนูตัวเล็กตัวน้อยของพี่ๆ มีคนคอยเอาใจ แต่เวลาอยู่กับเพื่อนเธอจะเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องเยอะ พวกเราถึงสบายใจที่คบกัน

ส่วนฉัน น้ำนิ่ง ฉันเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เพราะวันๆ เอาแต่อยู่กับโทรศัพท์ โดนเพื่อนบ่นประจำ

เพราะฉันมีความลับที่ไม่ได้บอกเพื่อนที่รู้จักกันมาสามปี ใช่ ตอนนี้เราอยู่ปีสามกันแล้ว เรียนคณะบริหาร

ความลับที่ว่านั้นก็คือ การที่ฉันชอบนักร้องเกาหลี เรื่องนี้เพื่อนฉันยังไม่รู้ เพราะฉันไม่เคยบอกไม่เคยพูดให้เพื่อนระแคะระคายเลยสักนิดนอกจากเมื่อครู่

ฉันลองเชิงถามเพื่อนดูเผื่อเพื่อนจะชอบ จะได้มาหวีดด้วยกันงี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครชอบเหมือนฉันสักคน และคงเป็นเพราะการเป็นติ่งนี่แหละทำให้ฉันกลายเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ เพราะส่วนใหญ่ฉันจะอยู่กับโทรศัพท์ สิงอยู่ในทวิตเตอร์ ไม่คุยกับใครทั้งวันยังได้

แต่ใช่ว่าฉันจะไม่มีเพื่อนหวีดเลย ฉันมีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ชื่นชอบเหมือนกัน ทำให้ฉันไม่กลายเป็นคนเก็บกดจนเกินไป

ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากปิดบังเพื่อนหรอกนะ แต่ก็กลัวว่าถ้าบอกหรือพูดออกไปแล้ว จะทำให้เพื่อนรำคาญ เพราะเวลาฉันพูดถึงเรื่องไอดอลที่ตัวเองชอบนี่ไม่ได้พูดน้อยได้ที่ไหน

กลัวว่าคำพูดของเพื่อนจะทำให้ฉันเสียความรู้สึก ลองนึกดูถ้าสมมุติมีเพื่อนที่ไม่ชอบในสิ่งที่เราชอบแล้วมาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ จะโกรธไหม

เหมือนข้างต้นที่ฉันถามเพื่อนไป คำตอบของพวกมันฉันไม่โกรธหรอกเพราะครั้งแรกและพวกมันไม่รู้ด้วยว่าฉันชอบ แต่ถ้ารู้ว่าฉันชอบแล้วมากระแนะกระแหนใส่ ฉันถึงจะโกรธ

เอาละ เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ

ฉันตั้งใจอ่านหนังสือบ้าง เพราะเรามีสอบกันในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

“ได้เวลาแล้วขึ้นห้องกัน” ลูกพีชเอ่ยชวนพวกเรา หลังจากนั้นเราก็ขึ้นห้องกัน

จนกระทั่งการสอบผ่านพ้นไป

“เป็นไง ทำได้ไหมแก” ปั้นหยีเดินตามฉันมาติดๆ ถามขึ้น

“ก็ได้นะ คิดว่า”

“ฉันไม่น่าถามคนที่ได้ทอปตลอด ชิ” ปั้นหยีสะบัดหน้าใส่ฉัน

“เธอทำไม่ได้” ฉันถามกลับ

“น่าจะได้นะ แต่คงไม่ได้เต็มเหมือนเธอ”

“แค่ผ่านก็พอแล้วน่า เรื่องแบบนี้มันแข่งกันยากนะ” ฉันหัวเราะเบาๆ ก็ได้รับค้อนงามๆ กลับมา

“ยะ ว่าแต่พวกนั้นทำไมช้าจัง” ปั้นหยีมองไปที่ประตูห้องเรียนเพราะปั้นหยาและลูกพีชยังไม่ออกมา

แต่ไม่กี่อึดใจทั้งสองคนก็เดินออกมา

“เป็นไงบ้างหยา” ปั้นหยีถามคู่แฝดของตัวเอง

“ขอให้ผ่านก็พอ ไปหาอะไรกินกันเถอะฉันหิวแล้วอะ”

“อืมๆ” หลังจากนั้นพวกเราก็ตรงมายังโรงอาหารคณะ

“ตอนเย็นไปเปิดหูเปิดตากันไหม สอบเสร็จทั้งที” ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่ลูกพีชพูดเท่าไหร่ เพราะมีสิ่งที่สนใจมากกว่า ตอนเย็นผู้ชายของฉันมีคอนเสิร์ตและตอนนี้ฉันกำลังแชทกับเพื่อนอย่างเมามัน

“น้ำนิ่ง น้ำนิ่ง ได้ยินไปฉันพูดรึเปล่า”

“หา อะไรนะ” ฉันที่โดนตะโกนใส่หูเงยหน้าถามเพื่อนด้วยความตกใจ

ทุกคนถอนหายใจใส่ฉัน

“แกติดโทรศัพท์มากอ่ะ ทั้งที่ไม่มีแฟน หรือว่าแอบมีแล้วไม่บอกเพื่อน” ปั้นหยีหรี่ตามองฉัน

“บ้า แฟนอะไร ฉันคุยกับเพื่อน ว่าแต่มีอะไร”

“ลูกพีชชวนไปเที่ยวคืนนี้ ไปไหม” ฉันมองหน้าทุกคน ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ให้ แล้วส่ายหน้า

“ฉันไม่ว่างอ่ะ”

“ทำอะไรทำไมถึงไม่ว่าง สอบก็เสร็จแล้ว”

“คือ... เพื่อนฉันจะมาหา” ฉันพูดความจริง วันนี้เป็นวันศุกร์ ยัยทับทิม เพื่อนสมัยมัธยมจะมาหา คนนี้แหละที่เป็นติ่งด้วยกัน จะมาค้างด้วยเพื่อมาหวีดผู้ชาย

“ทับทิมน่ะเหรอ” ปั้นหยาถาม ทุกคนรู้จักทับทิมเพราะทับทิมมาหาฉันบ่อย ทำให้สนิทกันพอสมควร

“อืม”

“ชวนไปด้วยกันสิ” นั่นไงว่าแล้ว

“ฉันต้องถามมันก่อนว่าจะไปไหม”

“งั้นก็ถามเลย นาน ๆ ทีเราจะไปเที่ยวนะ” ลูกพีชว่า

“ว่าแต่แกไปได้เหรอ พี่พัทให้ไป” ลูกพีชมีพี่ชายอยู่คนหนึ่งที่หวงน้องมาก

“ได้น่า ฉันขอได้”

เมื่อเพื่อนว่าแบบนั้น ฉันก็ได้แต่ก้มกดแชทหายัยทับทิม ฉันเองก็ไม่ได้อยากปฏิเสธเพื่อนหรอกแต่ผู้ชายก็สำคัญเช่นกัน ยัยทับทิมตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าไป ค่อยรีบกลับก็ได้ เพราะนาน ๆ ทีจะไปเที่ยวกัน

โอเค ฉันไปก็ได้ เพราะยังไงคอนเสิร์ตก็เริ่มเที่ยงคืน เวลาที่ไทยกับที่โน่นห่างกันหกชั่วโมง

“ฉันขอกลับก่อนเที่ยงคืนนะ” ฉันบอกพวกมัน

“ไม่มีปัญหา เราไม่ใช่สายดื่มกัน แค่ไปเที่ยวสนุกๆ กลับก่อนเที่ยงคืนอยู่แล้ว” ปั้นหยีบอก

“งั้นโอเค”

“แยกย้ายนะ เจอกันที่หน้าผับ x ตอนสองทุ่ม”

หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับห้อง ยัยทับทิมมาหาฉันเกือบหกโมง เราสองคนไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกันแต่ก็สามารถไปมาหากันได้

“แกแต่งชุดอะไรเนี่ย อย่างกลับไปขึ้นเขา” ปั้นหยีเห็นชุดฉันมันก็หน้านิ่วคิ้วขมวด มันก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย ฉันแค่ใส่กางเกงขายาวรองเท้าผ้าใบเสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์หน่อยๆ ก็ฉันคิดว่าในผับมันต้องหนาวแน่ ๆ เลยแต่งแบบนี้ ยัยทับทิมก็ไม่เห็นจะว่าอะไรฉันเลย

“ทำไมอะ แปลกเหรอ”

ทุกคนถอนหายใจยกเว้นทับทิมคนเดียว แต่คำพูดของมันก็ทำให้ฉันชะงักเหมือนกัน

“ปล่อยมันไปเถอะ เสื้อผ้ามันมีแต่แบบนี้ ฉันเองยังขี้เกียจพูดเลย” อ้าวที่ไม่ว่านี่คือขี้เกียจพูดเหรอ

“ชิ จะเข้าไปไหมไม่เข้างั้นฉันกลับนะ” แต่งตัวแบบนี้แล้วเขาไม่ให้เข้าผับรึไง

“เออๆ ไปเถอะ ว่าจะพามาส่องผู้ชายซะหน่อย แก๊งเรามีแกคนเดียวนะที่ยังไม่เคยมีแฟน” ลูกพีชว่า

“ฉันไม่เห็นอยากมีเลย” ฉันยักไหล่ให้มัน

ความคิดที่จะมีแฟนไม่เคยอยู่ในหัวฉันสักนิด ไม่มี ฉันก็มีความสุขดี

“มาตรฐานผู้ชายในหัวมันสูง คงหาได้หรอก” ทับทิมว่า ฉันมองค้อนมัน ใช่สิ ก็มันเคยมีแล้ว

“สูงขนาดไหนเชียว” ปั้นหยาหันมาถาม

ฉันไม่กล้าสาธยายให้เพื่อนฟังหรอกว่ามาตรฐานผู้ชายของฉันเป็นแบบไหน เพราะต้องโดนกลอกตามองบนใส่รัว ๆ แน่ ๆ