ตอนที่ 2
กับข้าวหลายอย่างบรรจุอยู่ในหม้ออะลูมิเนียมที่เก่าและบุบเป็นบางส่วน แต่อาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ และส่งกลิ่นหอมบอกได้ดีว่ารสชาติของอาหารคงจะอร่อยมาก ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาที่ร้านไม่ขาดสาย มือเหี่ยวย่นตามวัยหยิบจับ ตักแกงจืด แกงเผ็ด ปลาราดพริก ข้าวเปล่าอย่างว่องไว โดยมีหลานสาวตัวน้อยคอยรับถุงบรรจุอาหารเหล่านั้นมารัดปากถุงด้วยหนังยางอย่างคล่องแคล่วไม่แพ้กัน
อาหารในถุงที่มีอยู่สามในสี่ส่วน ทำให้พอมีพื้นที่สำหรับใช้มัดปากถุง เด็กหญิงขยายปากถุงให้อากาศเข้าเล็กน้อยก่อนจะพับทบปากถุงลงมาเป็นชั้นเล็กๆ กันอากาศออก จับจีบถุงแล้วใช้หนังยางรัดอย่างว่องไว ก่อนจะเช็ดถุงส่วนที่เปื้อนอาหารด้วยผ้าขี้ริ้วที่มองออกว่าคงเป็นเสื้อคอกระเช้าตัวเก่าของยายเล็กเจ้าของร้าน
“อุ๊ย! หลานสาวพี่เล็กเก่งจัง ตัวแค่เมี่ยงช่วยยายได้แล้ว โถ...มัดปากถุงเรียบร้อยด้วยลูก พี่เล็กงั้นฉันเอานี่ นี่ และก็นี่เพิ่มด้วยจ้ะ ชอบใจหลานก็ต้องช่วยอุดหนุนยายเยอะหน่อย จริงไหมลูก”
“จ้ะ” เด็กหญิงตัวน้อยรับคำพลางยิ้มแหยเพราะเกรงสายตาผู้เป็นยายที่มองมาอย่างปรามอยู่ในที แต่ก็ยังแอบลอบมองหญิงชราท่าทางใจดีที่รู้ได้โดยอัตโนมัติว่าน่าจะเป็นคนรวยเจ้าของที่และเจ้าของตลาดที่เธอกับยายอาศัยและตั้งแผงขายข้าวแกงอยู่ทุกเช้า
“อ้าว! นี่มันวันพุธนี่ ไม่ไปโรงเรียนหรือจ๊ะ”
เด็กน้อยชำเลืองมองผู้เป็นยายอย่างต้องการคำตอบ เธอก็ไม่รู้ว่าต้องไปโรงเรียนหรือเปล่าเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับยาย เธอก็ไม่เคยได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นเลยสักครั้ง
“คงไม่ให้มันไปหรอกแม่พิศ แค่นี้ก็ไม่พอจะซื้อข้าวสารกรอกหม้อกันแล้ว ถ้าให้มันไปโรงเรียนอีกคน คงต้องกินแกลบกันแน่ ไหนจะค่าชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ไหนจะค่าหนังสือเรียน ต้องห่อข้าวไปกินอีก โอย สารพัด แล้วฉันจะมีปัญญาอะไรให้มันไป”
“อ้าว! ก็ไหนใครเขาว่ากันว่าหนูฟ้าได้สามีฝรั่งไม่ใช่เรอะ ฉันก็พานคิดว่าพี่เล็กมีตังค์เสียอีก เห็นเจ้าเมฆกับเจ้าหมอกก็ไม่ได้ทำงานทำการอะไรกัน ยังสงสัยว่าพี่เล็กคงมีเงินเลี้ยง”
หากเป็นคนอื่นเอ่ยแบบนี้แกคงจะด่าเปิง ทว่าน้ำเสียงของเจ้าของตลาดและเจ้าของที่ดินที่แกอาศัยปลูกบ้านหลังเก่ามอซอซุกหัวนอนมาตั้งแต่ผัวยังไม่ตาย ไม่ได้แฝงด้วยความเยาะเย้ยหรือสมเพชแต่อย่างไร ทว่าเป็นการถามเพราะความสงสัยจริงๆ ทั้งยังเจือด้วยความเป็นห่วงจนแกถอนหายใจออกมาอย่างจนใจในชีวิตที่เป็นอยู่อย่างแท้จริง
“เฮ้อ! พูดถึงมันแล้วก็กลุ้ม โตจนมีลูกมีเมียกันได้แล้ว แต่ฉันก็ยังต้องเลี้ยงพวกมันอยู่ ก็เพราะอย่างนี้น่ะสิถึงให้นังหล้ามันไปโรงเรียนไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนไปส่งเสียมัน อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้มันเรียนด้วยละแม่พิศ เรียนมากสุดท้ายก็คงจะเป็นแบบแม่มัน เรียนไปหาผัวไปสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น” น้ำเสียงเอือมระอาของคนพูดเจือความเศร้าที่ปลายน้ำเสียงจนคนฟังรับรู้ได้ และลูกสี่คนที่พึ่งพาอะไรไม่ได้ก็เป็นต้นเหตุของความเศร้าในน้ำเสียงนั้น
ฟ้ารุ่งลูกสาวคนโตหนีตามผู้ชายไปตั้งแต่ยังเรียนอยู่แค่ ม.4 แต่ไม่นานก็หอบลูกกับผัวมากราบขอขมาแก ลมรำเพยลูกสาวคนที่ 2 จบแค่ ม.3 ทำงานโรงงานในละแวกบ้านก็ปากร้ายเสียจนหาสามีไม่ได้ ส่วนเมฆลูกชายคนที่ 3 และหมอก ลูกชายคนสุดท้องก็ไม่เอาคุ้งเอาอ่าว วันทั้งวันเอาแต่นอนเหมือนคนติดยาหรือไม่ก็ไปขลุกอยู่ในบ่อนที่ตรอกนายชัย แต่แกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะไปบอกให้ตำรวจมาจับมาตรวจแกก็สงสารลูก เผื่อตรวจพบสารเสพติดขึ้นมาจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ไหนจะภาระที่แกเพิ่งได้รับมรดกมาจากลูกสาวคนโตเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้อีก
ดวงตาฝ้าฟางทอดมองหลานสาวเพียงคนเดียวของแก หลานที่นำแต่ความชอกช้ำมาให้แกไม่รู้จักจบสิ้น เริ่มตั้งแต่ฟ้ารุ่งหนีตามนิธิ พ่อของเด็กหญิงหล้าไป แกตามหาทุกที่ทุกทางแต่ก็ไม่เจอ ครั้งนั้นแกเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะตั้งแต่ผัวตายจากไปแกก็ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังตลอดมา ฟ้ารุ่งที่หน้าตาสวยงามถึงขั้นทางจังหวัดส่งคนมาทาบทามขอให้แกพาลูกไปประกวดนางงามแกก็ไม่ยอม เพราะคาดหวังกับลูกสาวคนนี้ไว้สูงมาก
ฟ้ารุ่งเรียนเก่ง อ่อนหวาน เป็นลูกที่นำมาแต่ความภาคภูมิใจมาให้แก เด็กหญิงฟ้ารุ่งในวันนั้นมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นคุณหมอเพื่อรักษาคนไข้และดูแลแม่ให้มีสุขภาพที่ดี ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกงแต่กลับมีความคิดแบบนั้นมีหรือที่คนเป็นแม่จะไม่ปลาบปลื้มใจ แต่แล้วเมื่อฟ้ารุ่งจากไป แกก็ไม่ต่างไปจากคนหัวใจสลาย
หนึ่งปีผ่านไป ฟ้ารุ่งกลับมาพร้อมลูกและสามี แม้ลูกสาวกับลูกเขยจะมากราบขอขมาลาโทษแต่แกก็ทำใจให้ญาติดีและอุ้มชูหลานสาวคนนี้ไม่ไหว เพราะหัวใจแกชอกช้ำจนไม่เหลือช่องทางใดให้ปล่อยวางอีกแล้ว
ฟ้ารุ่งอยู่กับสามีในอีกจังหวัดหนึ่งนานทีถึงจะมาเยี่ยมแกสักครั้ง ซึ่งแกก็คิดว่าดีเพราะจะได้ไม่ต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะแกก็ไม่สนิทใจกับลูกเขยนักเลงหัวไม้คนนี้เลยสักนิด แต่มันเหมือนเป็นวิบากกรรมเพราะสามีของฟ้ารุ่งติดคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลตัดสินจำคุกกว่าสิบปี
