คนอ่อนแอ
ไคน์ยืนมองหญิงสาวที่ร่างกายบอบบางถูกเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยกลั่นแกล้งและทำร้ายอยู่ริมระเบียงใหญ่ เขาสะแยะยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ นักศึกษาหญิงที่กำลังลงมือกับคนตัวเล็กที่แสนอ่อนแอนั้นคือพวกมนุษย์ด้วยกันเอง
“นังผู้หญิงปากดี แกกล้าทำให้เจ้าชายโกรธได้อย่างไรกัน”
---เพี๊ยะ!!---
---เพี๊ยะ!!---
ฝ่ามือของหญิงสาวคนนั้นฟาดลงบนใบหน้าเรียวเล็กเต็มแรงจนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง ไอรีนไร้ซึ่งหนทางสู้ เธอนั่งก้มหน้าก้มตารับความรุนแรงจากคนพวกนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืน
“คิดว่าการที่แกไม่โต้ตอบแล้วพวกฉันจะปล่อยแกไปอย่างงั้นเหรอ หึ!! ฝันไปเถอะนังผู้หญิงชั้นต่ำ”
---เพี๊ยะ!!---
---เพี๊ยะ!!---
“คนต่ำต้อยแบบแก ใช้วิธีไหนยั่วยวนเจ้าชายกันล่ะ ลุกขั้นมานี่!! ไหนทำให้พวกฉันดูหน่อยซิ แกยั่วยวนเจ้าชายด้วยท่าไหน”
“ลุกขึ้นมา นังตัวดี!!”
มือของหญิงสาวคนหนึ่งเอื้อมมาจิกผมที่ยาวสลวยและดึงขึ้นด้วยความรุนแรง ร่างกายบางเล็กลุกขึ้นตามแรงดึงนั้น เธอพยายามปัดป้องขัดขืน แต่ตัวคนเดียวย่อมไม่อาจสู้แรงของผู้หญิง 5 คนได้
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ปล่อย!! นี่พวกเธอบ้าไปแล้วเหรอ”
“คิดจะสู้พวกฉันงั้นเหรอ แกนี่อวดดีนักนะ!!”
มือข้างหนึ่งของหญิงสาวในกลุ่มนั้นบีบเข้าที่แขนเล็กอย่างเต็มแรงด้วยความโกรธ ไอรีนพยายามดิ้นขัดขืนเพื่อให้หลุดจากกลุ่มหญิงสาวที่โหดร้ายราวกับแม่มดพวกนี้
“ทำไมกัน? ทำไมพวกเธอต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพวกแวมไพร์ที่น่ารังเกียจพวกนี้ด้วย พวกเธอลืมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปแล้วหรือยังไงกัน!! ช่วยมีสติกันหน่อยได้ไหม!!”
“ศักดิ์ศรีงั้นเหรอ? ฮ่า ฮ่า นังคนชั้นต่ำกล้าพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีเหรอ น่าขำสิ้นดี”
“ใช่ คนอย่างแกกล้าพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีกับพวกฉันเหรอ? ศักดิ์ศรีที่แกพูดถึงกินอิ่มท้องไหม ใช้แทนเงินได้ไหม ทำให้แกมีชีวิตรอดในดินแดนแห่งนี้ได้รึเปล่า ฮ่า ฮ่า”
“การที่ได้เป็นคนของเจ้าชายนั้นถือว่าวิเศษแค่ไหนแล้ว ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแกกล้าดียังไงมาทำให้เจ้าชายของพวกเราโกรธ ทำตัวเป็นคนอ่อนแอ มารยาสาไถนักนะ
---ผลัก!!---
ไอรีนใช้ช่วงเวลาที่หญิงสาวทั้ง 5 คนเผลอ ยกมือเล็กขึ้นผลักพวกเธอให้ถลาเซล้มไป ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นวิ่งหนี แต่ก็หนีไม่ทัน เมื่อหนึ่งในหญิงสาวของกลุ่มนั้นลุกขึ้นมากระชากผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยของเธอเอาไว้ จากนั้นหญิงสาวทั้ง 5 คนก็รุมล้อมคนตัวเล็กเอาไว้อีกครั้ง
“ผมยาวๆของเธอนี่มันช่างเกะกะเสียจริง งั้นพวกฉันจะช่วยตัดออกให้ก็แล้วกัน ฮ่า ฮ่า”
“ยะ...อย่า...นะ!!! ปล่อยฉันนะพวกบ้า”
เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเจ้าชายแวมไพร์อย่างไคน์มาตั้งแต่ต้น ดวงตาคู่สีน้ำตาลที่เป็นประกายและผมผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยนั้น ช่างเหมือน เหมือนเหลือเกิน เหมือนกับคนคนนั้นเมื่อ 11 ปีก่อน ช่างเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน....
ไคน์กำมือแน่น เขาพยายามที่จะไม่มองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังถูกรุมทำร้ายอยู่ตรงสนามเบื้องล่าง แต่ก็ไม่สามารถห้ามสายตาไม่ให้มองได้เลย ภาพที่เห็นตอนนี้คือคนตัวเล็กกำลังถูกกลุ่มหญิงสาวใช้กรรไกรตัดผมที่ยาวสลวยนั้นทิ้งอย่างเป็นเป็นทรง แวมไพร์หนุ่มไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เขาจึงตัดปัญหาด้วยการเดินกลับเข้าไปภายในห้องพักส่วนตัวเพื่อไม่ให้เห็นภาพบาดตาเล่านั้น
“เจ้าชาย ท่านอธิการบดีเรียกให้เจ้าชายเข้าไปพบที่ห้องประชุม เชิญครับ”
เป็นเสียงของพ่อบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลเคลล็อกก์ที่ดูแลรับใช้ตระกูลนี้มานานได้เอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวของไคน์
“หึ! น่าเบื่อเสียจริง”
เขาสบถขึ้นก่อนจะเดินสวนออกไปอย่างหัวเสียพ่อบ้านเก่าแก่คนนั้นสังเกตเห็นร่องรอยบาดแผลบนใบหน้าเนียนของเจ้าชายจึงได้ทักขึ้น
“เจ้าชาย เหตุใดบนแก้มของคุณถึง...เอ่อ รอยแผลนั่นมัน...คุณมีเลือดออกนะ”
“หึ!! อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉัน อย่ามาทำเป็นรู้ดี กลับไปทำหน้าที่ของนายซะ”
เขาเอื้อมมือขึ้นใช้นิ้วปาดไปที่รอยแผลนั้น ทันควันกลับไม่มีร่องรอยของบาดแผลอีกเลย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ ร่างสูงเดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัวของพี่ชายก่อนที่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ในแต่ละวันพี่ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงเรียกหาแต่ฉันอยู่ได้”
"ได้ข่าวว่านายประกาศเป็นศัตรูกับผู้หญิงคนนั้นทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเลยเหรอ”
“คิงส์” ผู้เป็นพี่ชายและยังมีตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้กล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นน้องชายของเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์
“หึ!! ผู้หญิงคนนั้นสมควรโดนแล้ว พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ทำเป็นรังเกียจแวมไพร์แบบฉัน ทั้งที่ความจริงก็อยากได้ฉันจนตัวสั่น”
“นายอย่ามั่นใจไปหน่อยเลยไคน์ ฉันเคยเตือนนายแล้วใช่ไหม ตอนนี้นายอยู่ในช่วงเตรียมตัวเข้าร่วมคัดเลือกเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนนะ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเหล่าแวมไพร์อาวุโสเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับนาย”
“พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไร พี่เรียกฉันมาเพื่อที่จะพูดแค่นี้ใช่ไหม หึ!! น่าเบื่อ”
