บทที่ 2 นี่สินะ... ความตาย....หรือไม่ใช่!!!
บทที่ 2 นี่สินะ... ความตาย....หรือไม่ใช่!!!
เธอเดินโซซัดโซเซไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย เสียงแตรรถ เสียงผู้คนจอแจ ทุกอย่างดูห่างไกลราวกับอยู่คนละโลก ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
...น้ำตาผสมกับน้ำฝนไหลอาบแก้ม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเดินไปที่ไหน เท้าทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างอัตโนมัติ จิตใจที่เคยเฉียบคมดุจเพชร บัดนี้แตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งชีวิตโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นยักษ์
เธอสูญเสียทุกอย่าง... บริษัทที่เปรียบดังลูกในไส้ เพื่อนที่เปรียบดังแขนขา และคนรักที่เปรียบดังหัวใจ... แม้จะลากเฉินเฟิงลงนรกไปด้วยได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดในอกทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงการแก้แค้นที่ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า
ทันใดนั้น ภาพหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในม่านตาที่พร่าเลือนของเธอ
กลางสี่แยกที่การจราจรพลุกพล่าน ร่างเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ชุดกระโปรงเก่าๆ ขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเป็นก้อน ในมือเล็กๆ นั้นกอดตุ๊กตาหมีที่เก่าจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมไว้แน่น เด็กคนนั้นคงจะพลัดหลงกับผู้ปกครองและกำลังหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้
ปรี๊นนนนนนน!
เสียงแตรลมแหลมยาวบาดแก้วหูดังขึ้นจากด้านข้าง รถบรรทุกสิบแปดล้อที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จนเต็มคันกำลังพุ่งทะยานฝ่าม่านฝนเข้ามาด้วยความเร็วสูง คนขับคงมองไม่เห็นร่างเล็กๆ ที่อยู่กลางถนน หรืออาจจะเห็นแต่ก็เบรกไม่ทันเสียแล้ว
วินาทีนั้น... เวลาของไป่หลิงดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
ภาพของเด็กหญิงซ้อนทับกับภาพของตัวเธอเองในวัยเด็ก... เด็กหญิงไป่หลิงที่ถูกทอดทิ้งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่มีใครต้องการ กอดตุ๊กตาเน่าๆ ตัวหนึ่งเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่โหดร้าย
โลกนี้... มันโหดร้ายกับเธอมามากพอแล้ว มันโหดร้ายเกินไป แต่อย่างน้อย... มันไม่ควรจะโหดร้ายกับเด็กคนนี้
ในชั่วพริบตาที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายกำลังจะเลือนหายไป ร่างกายของไป่หลิงกลับขยับไปก่อนความคิด เธอไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน สองเท้าที่เคยหนักอึ้งราวกับมีโซ่ตรวน บัดนี้กลับวิ่งสุดฝีเท้าไปบนพื้นถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำฝน
"หลบไป!!!" เธอตะโกนสุดเสียง
โครม!
ไม่ใช่เสียงรถชนเด็ก แต่เป็นเสียงร่างของเธอที่พุ่งเข้าไปกระแทกร่างเล็กๆ นั้นให้พ้นจากเส้นทางมรณะ... และรับแรงปะทะทั้งหมดไว้ด้วยตัวเอง
ความเจ็บปวดมหาศาลแล่นปราดไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โลหิตสีแดงฉานพุ่งกระจายออกจากร่าง ผสมกับน้ำฝนกลายเป็นสีชาดบนพื้นถนน ร่างของเธอปลิวคว้างขึ้นไปในอากาศเหมือนตุ๊กตาผ้าขาดๆ ก่อนจะร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือใบหน้าตื่นตระหนกของเด็กหญิงคนนั้นที่บัดนี้ปลอดภัยดีอยู่บนทางเท้า...
.แสงไฟหน้ารถบรรทุกที่สว่างวาบจนแสบตาคือภาพสุดท้ายที่ม่านตาของเธอรับรู้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงสู่ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ
ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากทุกอณูในร่างกาย บัดนี้ได้เลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกว่างเปล่า ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีเสียง ไม่มีแสง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกของร่างกายตัวเอง
นี่สินะ... ความตาย
ไป่หลิงคิดอย่างเยือกเย็น ในความมืดมิดนี้ จิตใจของเธอกลับสงบลงอย่างน่าประหลาด ความโกรธแค้น ความเจ็บปวด ความผิดหวังที่เคยเผาไหม้จิตวิญญาณของเธอเมื่อครู่ บัดนี้เป็นเพียงเถ้าธุลีที่ปลิวหายไปกับสายลมแห่งความว่างเปล่า
จบสิ้นกันที... ชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ดิ้นรน ชีวิตที่ต้องปีนป่ายจากจุดต่ำสุดสู่จุดสูงสุดเพียงลำพัง ชีวิตที่ต้องสวมหน้ากากแห่งความเข้มแข็งไว้ตลอดเวลาจนลืมไปแล้วว่ารอยยิ้มที่แท้จริงเป็นอย่างไร
เธอไม่เสียใจที่ผลักเด็กคนนั้นออกไป บางที... นั่นอาจเป็นการกระทำที่มีความหมายที่สุดในชีวิตอันว่างเปล่าของเธอก็เป็นได้ อย่างน้อยที่สุด ในลมหายใจสุดท้าย เธอก็ได้ช่วยชีวิตใครคนหนึ่งไว้... ใครคนหนึ่งที่ยังมีอนาคต มีโอกาสที่จะได้พบเจอกับความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัส
ลาก่อน เฉินเฟิง... ลาก่อน ลู่เหว่ย... พวกนายชนะแล้ว... แต่ชัยชนะของพวกนายก็เป็นเพียงซากปรักหักพังที่ไร้ค่า...
ขณะที่จิตสำนึกของเธอกำลังจะเลือนลางจางหายไปจนหมดสิ้น...
ติ๊ง!
เสียงประหลาดดังขึ้นในความว่างเปล่า มันไม่ใช่เสียงที่ได้ยินผ่านหู แต่เป็นเสียงที่ก้องกังวานอยู่ในแก่นกลางของจิตวิญญาณโดยตรง
[ตรวจพบวิญญาณที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข]
[เจตจำนงในการเอาชีวิตรอด: 98%]
[ความสามารถในการวิเคราะห์เชิงตรรกะ: 99%]
[ความปรารถนาในความสำเร็จ: 100%+]
[คุณสมบัติผ่านเกณฑ์... เริ่มกระบวนการเชื่อมต่อวิญญาณ...]
อะไรน่ะ? ไป่หลิงที่กำลังจะสลายไปรู้สึกสับสน นี่เป็นภาพหลอนก่อนตายงั้นหรือ?
[ตรวจพบร่างโฮสต์ที่เหมาะสม... อัตราความเข้ากันได้ของวิญญาณ: 97.4%]
[สถานที่: หมู่บ้านต้าซาน, ประเทศจีน]
[ช่วงเวลา: ฤดูใบไม้ผลิ ปี 1978]
[กำลังติดตั้ง... ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ 100%...เริ่ม...10%... 30%... 70%...]
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนถาโถมเข้าใส่จิตวิญญาณของเธอ มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ นับล้านเส้นวิ่งพล่านไปทั่ว ก่อนจะรวมตัวกันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปทรงและตัวตนขึ้นมาในห้วงสำนึกของเธอ
[การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์! ยินดีต้อนรับสู่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ!]
ก่อนที่ไป่หลิงจะได้ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น แสงสว่างจ้าก็สาดส่องเข้ามาในความมืดมิด ดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปด้วยความเร็วสูง!
ความรู้สึกแรกที่กลับมาคือ... ความเจ็บปวด
ไม่ใช่ความเจ็บปวดรุนแรงจากการถูกรถชน แต่เป็นความเจ็บปวดที่ร้าวระบมไปทั้งศีรษะ ราวกับถูกทุบด้วยของแข็งซ้ำๆ ตามมาด้วยความรู้สึกหิวโหยอย่างรุนแรงที่บิดมวนอยู่ในช่องท้อง มันเป็นความหิวที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต... ความหิวโหยของคนที่อดอยากมานานหลายวัน
เปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีแท่งตะกั่วถ่วงไว้ค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนจะค่อยๆ ปรับโฟกัสจนชัดเจน
ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล... แต่เป็นหลังคาดินเหนียวที่มีใยแมงมุมเกาะอยู่เต็มไปหมด แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านรูโหว่บนหลังคาลงมาเป็นลำ ทำให้เห็นฝุ่นละอองเล็กๆ ลอยคว้างอยู่ในอากาศ
เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงขยับศีรษะหันไปรอบๆ
นี่คือห้องเล็กๆ แคบๆ ที่น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่าบ้าน ผนังทำจากดินเหนียวที่แตกระแหง มีลมเย็นๆ พัดแทรกเข้ามาตามรอยแยก เฟอร์นิเจอร์หนึ่งเดียวในห้องคือเตียงไม้เก่าๆ ที่เธอ... ไม่สิ ร่างนี้... กำลังนอนอยู่ มันคือแคร่ไม้ที่แข็งกระด้างจนทำให้รู้สึกเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง
เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน?
“พี่ใหญ่... พี่ใหญ่ฟื้นแล้ว!”
////
