พ่อเลี้ยงบำเรอกาม /14
“ไม่เจอกันนาน ทัยสวยขึ้นเป็นกองเลยนะ”
“ก็ตามอัตภาพน่ะจ้ะ มาๆ นั่งกินกาแฟกันสักแก้ว ฉันเลี้ยงเอง”
จากที่เคยไม่มีเงินจะกินอาหารในห้องแอร์ ตอนนี้อรทัยมักจะเข้าออกร้านกาแฟโลโก้สีเขียวๆ แก้วละร้อยกว่าบาท สถานที่นัดพบยอดฮิตของคนในยุคนี้ก็ว่าได้
“ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องแม่ของเธอ แถมไม่ได้ไปงานศพเลยสักวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกทัย ดาวเข้าใจ”
“เธอบอกว่าต้องการทำงานเหรอ”
“ใช่ พอแม่เสีย ฉันก็ยืนคว้างอยู่กลางกองหนี้สินมหึมา ฉันต้องหางานดีๆ ทำ เพื่อล้างหนี้ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ”
“แม่เธอเป็นเศรษฐีนีหม้ายคนดังของจังหวัดนี้เชียวนะ หนี้สินอะไรจะเยอะแยะขนาดนั้น”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อเจ้าหนี้เขามาทวง ฉันก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ว่าแต่...เธอมีงานให้ทำบ้างไหม งานอย่างที่เธอทำน่ะ”
แสงดาวมองอรทัยด้วยแววตาขอร้องแกมบังคับ อรทัยถอนใจก่อนจะจิบกาแฟวางมาดเป็นคุณนายทั้งที่ก็เอาเวลางานมานั่งคุยกับเพื่อน ไม่รู้จะถูกไล่ออกตอนไหน แต่อรทัยไม่สนใจงานประจำที่ได้เงินรายเดือนแค่หลักหมื่นหรอก เธอทำงานนี้บังหน้าเท่านั้น
“งานสบาย เงินดี บางทีก็เหนื่อย แต่หลังเหนื่อยก็โล่ง”
“ใช่ๆ งานอะไรเหรอ แล้วทำยังไง ฉันอยากทำบ้างได้มั้ย”
“เธอแน่ใจเหรอดาวว่าจะทำ งานสบาย เงินดี แต่เหมาะสำหรับบางคนเท่านั้นนะ”
“ทำได้สิทัย ไม่ว่าจะงานอะไร ฉันก็ทำได้”
อรทัยจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเพื่อน แล้วกระตุกคิ้วเรียวขึ้นข้างหนึ่ง พลางกวาดตามองเรือนร่างของแสงดาวอย่างประเมิน
“พริตตี้”
“พริตตี้!!” แสงดาวทวนคำเสียงสูง
“ใช่ งานดีๆ ที่เธอแค่ยืนโพสท่าสวยๆ เงินมากมาย จากคนที่รายล้อมเธออยู่ยื่นมาให้ บางวันได้หลักหมื่นก็มีนะ รับรองได้ว่า...อีกไม่นาน เธอจะเคลียร์หนี้สินได้หมด”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอทัย” แสงดาวไม่อยากเชื่อ
“ใช่ ไม่มีอะไรยาก แค่เธออยากทำและตั้งใจที่จะทำจริงๆ”
“ตกลง ฉันจะทำงานกับเธอ”
แสงดาวตอบตกลงโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน จากนั้นอรทัยก็พาไปพบใครบางคน และทำสัญญาพร้อมกับให้เงินล่วงหน้ามา 1 หมื่นบาท
ปรมัยเห็นแสงดาวกลับมาในตอนค่ำ เขาตวัดผ้าม่านปิดแล้วเดินลิ่วเข้าไปหา
“ทำไมเพิ่งกลับ”
แสงดาวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มสว่างสดใส จนชายหนุ่มผู้รอคอยอย่างร้อนรนหัวใจพองโตในทันที
“ดาวได้งานทำแล้วนะคะ”
“งั้นรึ? งานอะไร”
“พริตตี้ค่ะ” เพราะความดีใจที่ได้งานทำ แสงดาวจึงตอบเขาแบบไม่คิด ปรมัยขมวดคิ้วแล้วดึงข้อมือเล็กลากเธอเข้าหาตัว
“พริตตี้? มันต่างจากโคโยตี้ตรงไหน” ในสายตาของเขางานที่ต้องใช้เนื้อหนังมังสารูปร่างหน้าตานั้นมีค่าเท่ากัน และเขาก็ไม่ชอบ แม้ว่าในผับจะมีงานประเภทนี้แฝงอยู่
“ดาวได้เงินล่วงหน้ามาแล้วด้วยนะคะตั้งหมื่นนึง เซ็นสัญญาแล้วเรียบร้อย ยืนยันว่าดาวต้องได้ทำงานจริงๆ ได้เงินจริงๆ”
“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใสแบบนี้แสงดาว ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้จักงานประเภทนี้ หรือเธออยากขายตัวมากนัก”
“ดาวไม่ได้คิดจะขายตัว พริตตี้ก็เหมือนในงานมอเตอร์โชว์ แค่ยืนเฉยๆ ก็ได้เงิน เผลอๆ มีทิปอีกด้วย”
ใช่ว่าแสงดาวจะไม่เข้าใจความหมาย แต่เธอกำลังมองข้ามและเชื่อว่าตนเองจะรอดปลอดภัยถ้าตั้งใจทำแต่งาน ไม่ละโมบโลภมาก แต่ปรมัยกลับคิดต่าง เขาคิดว่าแสงดาวอยากขายตัวแลกเงิน ซึ่งมันเป็นวิธีที่ได้เงินง่ายที่สุด
“เด็กโง่!” ต้นแขนทั้งสองข้างของแสงดาวถูกบีบจนเจ็บ “เด็กอย่างเธอจะรู้แค่นั้นเหรอ ฉันไม่เชื่อ เธออยากจะขายตัวนักใช่มั้ยแสงดาว ไม่มีงานอะไรจะทำแล้วได้เงินง่ายเหมือนเป็นอีตัวหรอกนะ ถ้าเธออยากได้เงินขนาดนั้นทำไมไม่บอกฉัน อย่างเธอก็เคยๆ แค่ยั่วยวนฉันก็ตบะแตก ถ่างแข้งถ่างขาอยู่บนโซฟาก็ได้เงินก้อนเหมือนกันถ้าอยากได้นัก”
“พี่ปิง! ดาวไม่อยากขายตัวหรอกนะคะ” แม้คำพูดของเขาจะทำให้เธอแก้มร้อน และนึกถึงเรื่องที่เกิดในห้องทำงานสาเหตุที่ทำให้แม่ของเธอต้องมาด่วนตายจาก
เธอสลัดมือเขาออกจากบ่า แต่ทว่าปรมัยไม่ยอมปล่อยซ้ำยังออกแรงบีบแน่นขึ้นจนแน่ใจว่าต้องช้ำ
“ถ้าไม่อยากขายตัวก็ไม่ต้องทำสิ”
“ถ้าไม่ทำแล้วดาวจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้”
“แล้วเธอเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง”
แสงดาวอ้าปากหวอ เธอมีเขาอยู่ในสายตาตลอด แต่ที่ผ่านมาเขาทำเหมือนเธอเป็นคนอื่นจนคิดว่าเขาอยากจะแยกตัวออกไป ในเมื่อแม่ไม่อยู่แล้ว เขาก็คงไม่อยากอยู่กับเธอเช่นกัน
“เงินตั้งมากมาย ดาวไม่ทำให้พี่ปิงเดือดร้อนหรอกค่ะ”
“เธอดูถูกฉันมากไปแล้วแสงดาว อย่าลืมว่าเธอมีผัวยืนทนโท่อยู่ทั้งคน หรือถ้าเธอแรดนักอยากได้ผัวเพิ่มก็บอกกันดีๆ ฉันจะหลีกให้”
ปรมัยไม่เคยรู้สึกหัวร้อนขนาดนี้มาก่อน เขายอมปล่อยมือจากต้นแขนเหมือนจะตัดใจและถอยห่าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดในแบบที่เธอไม่เคยเห็น เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอมาก และการฝากฝังให้ดูแลเธอตั้งแต่เมื่อครั้งสุดารัตน์ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ปรมัยพยายามหักห้ามใจตลอดเวลา เขาทำให้สุดารัตน์เสียใจอย่างมหันต์ตั้งแต่มีลมหายใจ และเขาจะไม่ทำให้ดวงวิญญาณของคนที่จากไปไม่มีความสุข
