บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 แม่เป็นเช่นไร ลูกเป็นเช่นนั้น

เสิ่นลี่อิงพาเปาหลงไปอาบน้ำ และบอกให้เขารออยู่ที่บ้านก่อน เพราะนางนำเสื้อยืดของนางจากในมิติมาให้เขาใส่แทนชุดที่เลอะอุจจาระตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จึงคิดจะไปขอเสื้อผ้าชุดเดิมของลู่เว่ยมาให้เปาหลงยืมใส่เสียก่อน

“ข้าจะไปยืมเสื้อผ้ามาให้เจ้าใส่ ชุดเช่นนี้ใส่ออกไปข้างนอกไม่ได้รู้หรือไม่”

“ขอรับ พี่สาวอย่าทิ้งเปาเปาไปนะ”

“ไม่ทิ้งอยู่แล้ว พี่สาวสัญญา” นางยื่นนิ้วก้อยออกไปตรงหน้า เปาเปาน้อยขมวดคิ้วไม่เข้าใจการกระทำของนางแต่ก็ยื่นนิ้วก้อยออกมาตามแบบที่เสิ่นลี่อิงทำ

“ทำเช่นนี้เรียกว่าเกี่ยวก้อยสัญญา ข้าให้คำมั่นว่าจะไม่ทิ้งเจ้าไป” เสิ่นลี่อิงเกี่ยวนิ้วเล็กๆ เข้ามา จากนั้นก็รีบไปขอเสื้อผ้าที่บ้านของจินเหมยทันที

.

.

.

“พี่จิน! อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางตะโกนเรียกอีกฝ่ายออกไป

“ว่าอย่างไร ข้ากำลังจะออกไปชวนเจ้าไปขึ้นเขาพอดี”

“ข้าเพียงจะมาขอยืมเสื้อผ้าเก่าๆ ของลู่เว่ย พอจะมีบ้างหรือไม่ เมื่อคืนมีเด็กหลงมาที่บ้านของข้า คงต้องดูแลกันไปก่อน …” ลี่อิงเล่าออกไปให้อีกฝ่ายฟังบางส่วน รายละเอียดสำคัญอย่างแท้จริงไม่ได้กล่าวออกไปแม้เพียงครึ่งคำ

“ได้ๆ รอเดี๋ยวน่าจะมีสักสองชุด เด็กกี่หนาวแล้วเล่า ดูออกหรือไม่”

“ไม่เกินสามหนาวเท่านั้น”

ไม่นานนักอาภรณ์สีซีดก็มาอยู่ในมือนาง ลี่อิงขอบคุณจินเหมยอยู่หลายครา ก่อนจะถามวิธีการเข้าไปซื้อของในเมือง จึงได้รู้ว่าเมื่อคืนจินเหมยปรึกษากับสามีจะให้นางหยิบยืมเงินไปก่อน ไว้ตั้งตัวเลี้ยงตัวได้ค่อยนำมาคืน แต่หากนางคิดจะเข้าเมืองเองเช่นนี้ จินเหมยย่อมเดาได้ว่าลี่อิงคงพอมีเงิน

จินเหมยพูดออกมาตามตรงว่านางโล่งใจ คุยกันเสร็จสรรพก็ได้เวลาแยกย้าย จินเหมยต้องเข้าป่า ส่วนนางก็ต้องพาเปาหลงน้อยเข้าเมืองไปพร้อมกัน

โชคดีที่ตาเซียนนั่นช่วยบังตา ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงต้องไปขุดมันล่าสัตว์กินในป่า

“เปาเปา ข้ากลับมาแล้ว มาเปลี่ยนชุดเร็วเข้า”

สิ้นเสียงของนาง เปาหลงก็วิ่งออกมารับนางหน้าประตู เสิ่นลี่อิงจับเด็กน้อยเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว นางเองก็ตรวจสอบความเรียบร้อยของตนเองเช่นกัน ลี่อิงอุ้มเด็กน้อยเปาเปาเดินออกไปหน้าหมู่บ้านตามคำบอกของจินเหมย

“เดี๋ยวเราไปนั่งเทียมวัวของลุงไฉ่เข้าเมืองกัน นอกจากไปซื้อของ เจ้าต้องช่วยข้าคิดด้วยนะว่าเราสองคนจะหาเงินกันอย่างไร”

“หาเงินทำไย(อะไร) ป้อ(พ่อ)เปาเปาเงินเยอะ ขอพ่อ” เสียงอู้อี้ในอ้อมแขนพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจจนเสิ่นลี่อิงแอบรู้สึกหมั่นเขี้ยวเล็กน้อย

แหม..ฮีโร่ของลูกชาย รักและภูมิใจเหลือเกินน้า

“หากอยากเก่งแล้วกลับไปหาท่านพ่อ ต้องหาเงินมากๆ หากใครถามถึงพ่อให้บอกว่าโตแล้วจะไปตามหา ห้ามบอกชื่อพ่อกับใคร เข้าใจหรือไม่”

“ได้ เปาเปาเชื่อพี่สาว พี่สาวใจดี” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก มองสองข้างทางด้วยสายตาเป็นประกาย คอยถามให้นางอธิบายอยู่เรื่อยไป

เสิ่นลี่อิงคิดทบทวนเกี่ยวกับของที่มีอยู่เป็นทุนเดิม นางรู้ว่าเงินสามพันตำลึงทองที่นางมี ความจริงก็ถือว่าเป็นเศรษฐีผู้หนึ่งแล้ว แต่นางจะประมาทไม่ได้ ศัตรูในทีมืดของนางคือผู้มีอำนาจทั้งสิ้น การอยู่รอดจำเป็นต้องใช้เม็ดเงิน และหากพึ่งพาแต่ของในมิติสักวันย่อมมีคนสงสัย

แล้วก็มีเจ้าเด็กนี่ด้วยอีกคนที่ต้องส่งเรียน ยังไงก็เป็นอ๋องน้อยจะปล่อยเลยตามเลยคงไม่ได้

“เทียมวัว วัวตัวใหญ่อยู่นั่น” เปาหลงชี้ไปยังวัวเทียมเกวียนที่จอดรอรับผู้คนจากหน้าหมู่บ้านหยางไปยังตัวเมืองเจียวจู่

“เก่งมาเปาเปา ถูกต้องแล้ว”

“ไม่เคยนั่ง ตื่นเต้น” เปาเปาดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนนาง เสิ่นลี่อิงจึงปล่อยให้เด็กน้อยลงเด็กน้อยวิ่งไปยังเทียมวัวนั้นทันที

ส่วนตัวนางเมื่อปล่อยเด็กน้อยลงแล้ว ก็พึ่งรู้สึกปวดแขนขึ้นมา นางลืมว่าร่างนี้ไม่ใช่ร่างเก่าของนาง ความแข็งแรงย่อมไม่เท่ากัน อุ้มเด็กหนักประมาณยี่สิบกว่าจินเดินไกลๆ เช่นนี้ ร่างกายย่อมต้องรู้สึกเมื่อยล้า

“นั่นแม่นางลี่อิงที่มาอาศัยท้ายหมู่บ้านใช่หรือไม่ มีน้องชายด้วยหรือ” เสียงลุงไฉ่ร้องทักออกมาอย่างเป็นมิตรทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย นึกไปว่าวันนี้จะต้องมาแนะนำตัวเองเสียอีก

“เจ้าค่ะ พี่จินเหมยบอกข้าว่าหากจะเข้าเมืองต้องมานั่งเกวียนเทียมวัวของลุงไฉ่ ค่าเดินทางเท่าไรเจ้าคะ” นางยิ้มแย้มตอบ ลี่อิงเร่งสาวเท้าให้ทันเปาเปาน้อยที่วิ่งไปเรียกความเอ็นดูจากป้าๆ บนเกวียนนั้นเสียแล้ว

“ขึ้นมาๆ ค่อยจ่ายตอนลง ผู้ใหญ่สองอีแปะ ถ้าเด็กนั่งตักไม่คิดเงิน”

“ข้าขอจ่ายก่อนขึ้นแล้วกันเจ้าค่ะ ข้ามีเด็กเล็กมาด้วย จะได้ตัดปัญหาตอนลง” นางหยิบเงินจ่ายไปสองอีแปะ จากนั้นก็ไปอุ้มเปาเปาขึ้นเกวียนมานั่งบนตักตน

“น้องชายเจ้าน่ารักยิ่งนัก ตัวเท่านี้ช่างพูดเสียจริง” คุณป้าท่านหนึ่งกล่าวชมออกมา นางทำเพียงยิ้มรับตอบถามตอบตามมารยาท รอไม่นานเกวียนนี้ก็เริ่มออกเดินทาง

เวลาเพียงสองเค่อเทียมวัวนี้ก็พานางมาถึงเมืองเจียวจู่ นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมืองแห่งนี้แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ความคึกคักไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวงในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเดิมเลยทีเดียว เรื่องหาเงินคงไม่ต้องห่วงแล้ว เมืองครึกครื้นเช่นนี้แปลว่าเงินหมุนเวียนต้องมากตาม

ลุงไฉ่จอดเกวียนไว้และบอกให้นางกลับมาขึ้นที่จุดเดิมเพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน กลุ่มป้าๆ ที่มาพร้อมกันจะชวนนางให้ไปด้วยกัน แต่นางปฏิเสธอ้างว่าเพราะมากับเปาเปากลัวจะทำให้ทุกคนทำธุระล่าช้า ในขณะที่นางกำลังจูงเปาเปาออกมา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้นางต้องตั้งใจฟัง

“นั่นน้องชายจริงหรือ ที่อ้างว่าจำตนเองไม่ได้ ความจริงนางอาจจะท้องแล้วไม่มีคนรับจึงโดนที่บ้านตัดขาด ต้องหนีมาก็ได้”

เอ้า!? อีป้านี่ สาระแนละ

“พูดว่าอะไรนะ?!” นางหันขวับกลับไปทันทีที่นางพูดจบ

“ตายแล้ว!! เจ้าได้ยินด้วยหรือนี่” หนึ่งในกลุ่มป้าๆ เอ่ยออกมาอย่างตกใจ

“ได้ยินสิ ข้าไม่ได้หูหนวก”

“ข้าแค่สงสัย สงสัยไม่ได้หรือ พ่อสามีข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน สิ่งใดเกิดขึ้นในหมู่บ้านข้าย่อมต้องช่วยตรวจสอบ”

นิสัยแบบนี้นี่มัน แม่ไอ้ฉินเปาแน่ๆ

“อ๋อ แม่ของหยางฉินเปาสินะ ตัวข้านี้เกรงว่าจะออกจากบ้านไม่ดูฤกษ์ยามอีกเสียแล้ว เห้อ” นางส่ายหน้าเอือมระอา มีมารดาเช่นนี้ ก็ย่อมมีบุตรเช่นเดียวกัน เสิ่นลี่อิงเตรียมจะด่าต่อ แต่ไม่ทันคำพูดของเปาหลงน้อยที่แทรกมาเสียก่อน

“ท่านแม่อยู่บนฟ้า พี่สาวไม่ใช่ท่านแม่” เปาเปาไม่พูดเปล่าน้ำตาของเด็กน้อยดังว่าสั่งได้ หยาดน้ำใสไหลพรากๆ เรียกสายตาคนทั้งตลาดให้หันมอง เห็นทีลี่อิงคงไม่ต้องเปลืองแรงเป่าฝุ่นก็จัดการกับคนตรงหน้าได้แล้ว

“คำพูดคำจาใจดำจริงๆ”

“ตายแล้ว ทำเด็กร้องได้อย่างไร”

“ใจร้าย”

เสียงชาวบ้านในตลาดก่นด่าแม่ของฉินเปาจนท่านป้าอีกสองคนในกลุ่มถึงกับหน้าเสีย ต้องขยับตัวเข้ามาหานางเพื่อขอโทษ “พวกข้าขอโทษแทนผู่จานด้วย บางครั้งนางก็เป็นเช่นนี้อย่าถือสาเลย” แต่แม่ของฉินเปาก็ยังยืนเชิดหน้าไม่สนสิ่งใด

“ป้าไม่ได้เป็นคนว่าข้า ไม่จำเป็นต้องขอโทษแทน ข้าย่อมแยกแยะได้” นางไม่ถือสาป้าทั้งสองเลยจริงๆ เพราะในคราแรกพวกนางก็ทักทายและคุยกับเปาหลงอย่างเป็นมิตร

“เจ้าก็ใจเย็นไว้ พวกข้าจะคุยกับนางเอง”

“ช่างเถิด ไม่จำเป็นต้องคุย ข้ามีธุระมากนัก ไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับนางเช่นนี้ ข้าคงต้องขอตัวก่อน” นางปลีกตัวออกมาและต้องอุ้มปลอบเปาเปาที่ใจเสียเรื่องแม่จนร้องไห้ไม่หยุดไปด้วย หากไม่ใช่ว่านางไม่ว่างมีเรื่อง อย่าหวังว่านางจะยอมง่ายเช่นนี้เลย

อย่าให้มันมากนักนะ พวกแม่ลูกมหาภัย หึ่ยยย!!
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel