บท
ตั้งค่า

5 ทำความรู้จักกันใหม่

ต้าเป่าคิดว่าพ่อกับแม่ต้องวางแผนบางอย่างเกี่ยวกับเขาและน้องชายอย่างแน่นอน ต่อไปเขาจะต้องปกป้องน้องชายและระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น

ลู่หยางเข้าใจสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองมา เขาเองก็อยากจะต่อยหน้าเจ้าของร่างเดิมเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบและใจดำเป็นที่สุด

ถ้าเป็นเขาเมื่อได้แต่งงานมีลูกและภรรยาแล้ว ต่อให้จะต้องขายไตหรือเลือดเขาก็จะไม่ยอมให้ครอบครัวของตนเองต้องลำบากอย่างแน่นอน

ยิ่งชายหนุ่มคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับชีวิตของเด็กน้อยตัวเล็กๆ ทั้งสองที่ไร้เดียงสา

ลู่หยางลูบหัวของเด็กชายฝาแฝดทั้งสองและให้คำสัญญา “ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะต่อไปพ่อจะดูแลพวกลูกอย่างดีแน่นอน”ในเวลานี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลเด็กทั้งสองคนนี้

ไป๋ถังฟังคำพูดของชายหนุ่ม แล้วก็คิดว่าวิญญาณที่เข้ามาแทนที่คนนี้เป็นคนจิตใจดีมากทีเดียว

“ลูกหิวไหม”ไป๋ถังลูบหลังของ เสี่ยวเป่า และพบว่าร่างกายของเขามีแต่กระดูกและผอมมาก ดูเหมือนสิ่งแรกที่เธอควรทำในฐานะแม่คือต้องป้อนอาหารให้กับลูกทั้งสองเสียก่อน

เสี่ยวเป่าลูบท้องแบนๆ ของตนแล้วและพยักหน้า “เสี่ยวเป่าหิวแล้ว”

เขาและพี่ชายกินแตงกวาที่แม่เฒ่าในหมู่บ้านให้มาเป็นอาหารกลางวัน พ่อแม่มักจะไม่หาอาหารให้พวกเขากิน เพื่อจะได้มีชีวิตพี่ชายจึงต้องไปขออาหารจากคนในหมู่บ้าน

“เด็กๆ หิวแล้ว”ไป๋ถังไม่เคยทำอาหาร เธอเป็นพวกทำลายล้างในห้องครัว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินเด็กๆ บอกว่าหิว หญิงสาวก็มองไปที่ลู่หยางส่งสัญญาณให้เขาที่เป็นพ่อรีบไปทำอาหารมา

ลู่หยางไม่ได้โต้เถียง เพราะเขาทำอาหารเก่ง ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบลุกขึ้นเดินไปในห้องเพื่อหาอาหารที่เจ้าของร่างเดิมซ่อนเอาไว้ เขาเดินไปรอบ ๆ และพบหมั่นโถวข้าวโพดเพียงสองก้อนเท่านั้น

ไป๋ถังตกตะลึง “มีเพียงเท่านี้หรือ”

เธอรู้ว่าประเทศจีนในยุคนี้ มีความขาดแคลนอาหารอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะขาดแคลนอาหารมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ามาตรการต่างๆ เริ่มผ่อนคลายแล้วหรอกหรือ ชาวบ้านเริ่มใช้เงินในการซื้ออาหารได้โดยไม่ต้องใช้ตั๋วและไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจับ

ลี่จูและชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ดูไม่ได้อดอยากมากขนาดนั้น แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เพราะพวกเขาต่างขยันทำงานจึงได้รับส่วนแบ่งอาหารมาก แต่ครอบครัวนี้ทั้งสามีภรรยาต่างก็ขี้เกียจทำงาน และเงินทองก็ไม่มี จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะอดยาก

ลู่หยางมองหมั่นโถวสองก้อนในมือ แล้วถอนหายใจออกมา “มีเท่านี้แหละ”

เสี่ยวเป่าเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่ของเขาพูด และรู้ว่าที่บ้านมีเพียงหมั่นโถวข้าวโพดเพียงแค่สองชิ้น เด็กน้อยก้มหน้าลงลูบท้องที่กำลังหิวของตน เขาคิดว่าครั้งนี้คงไม่ได้กินแน่!

ลู่หยางเห็นท่าทีของเสี่ยวเป่า เขาก็รู้สึกเสียใจ เด็กตัวเล็กๆ เท่านี้ต้องมากังวลเรื่องอาหารการกิน มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน “เด็กโง่ พ่อกับแม่จะไม่ปล่อยให้พวกลูกต้องหิวแน่นอน รอหน่อยนะพ่อจะรีบไปอุ่นมาให้”

ชายหนุ่มจัดการก่อไฟต้มน้ำเพื่อนึ่งหมั่นโถว ให้กับลูกชายทั้งสอง หลังจากอุ่นหมั่นโถวจนร้อน เขานำมันใส่จาน แล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านให้ลูกชายทั้งสองกิน

เด็กทั้งสองกัดหมั่นโถวเข้าปากแล้วกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความหิวโหย

ไป๋ถังเทน้ำต้มสุกให้พวกเขาดื่ม “ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวจะติดคอเอา “

เสี่ยวเป่ากินหมั่นโถวไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นอีกครึ่งไปให้แม่ของตน “แม่อยากกินไหม”

ไป๋ถังยิ้มให้กับเด็กน้อย “แม่ไม่กิน เสี่ยวเป่ากินเถอะ”

ต้าเป่าเมื่อเห็นน้องชายทำเช่นนั้น แม้เขาจะไม่เต็มใจแต่ก็ยังถามพ่อออกไป “พ่อ อยากกินไหม”

ขอร้องล่ะ พ่อต้องพูดว่าไม่กินนะ!

ต้าเป่าภาวนาอยู่ในใจ เพราะพ่อของเขาเป็นคนน่ากลัวมาก เด็กน้อยเคยเห็นพ่อยัดหมั่นโถวชิ้นใหญ่เข้าปากได้เพียงคำเดียว!

ลู่หยางไม่รู้ว่าลูกชายคนโตของครอบครัวคิดกับเขาเช่นไร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าใจมาก เพราะเด็กสองคนนี้ยังคงมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ได้ แม้ว่าจะถูกกระทำอย่างรุนแรงก็ตาม

เขาลูบหัวต้าเป่าด้วยความอ่อนโยน “พ่อไม่หิว ลูกกินเถอะ”

ต้าเป่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบจัดการกับหมั่นโถวที่เหลือเข้าปากอย่างรวดเร็ว

เขาคิดว่าหลังจากได้กินอาหารดีๆ เช่นนี้ ไม่รู้ว่ามื้อต่อไปเขาจะยังได้กินอยู่ไหม

ท่าทางของพ่อกับแม่ ทำให้เขานึกหวาดกลัว เป็นอย่างมาก มีแม่เฒ่าในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตอนที่พ่อแม่จะเอาลูกๆ ไปขาย พวกเขามักจะป้อนอาหารให้อิ่มก่อนเสมอ

หัวใจของต้าเป่ารู้สึกเจ็บปวด เขาก้มหน้าจิบน้ำในถ้วย โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพ่อกับแม่

เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองกินหมั่นโถวเสร็จแล้ว ไป๋ถังก็ขยิบตาส่งสัญญาณบอกว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องคุยกันแล้ว

ลู่หยางพยักหน้าบอกให้ ต้าเป่า และเสี่ยวเป่านั่งรออยู่ตรงนี้ ส่วนเขาก็กลับไปที่ห้องพร้อมกับไป๋ถัง

ในห้องยังคงระเกะระกะไปด้วยสิ่งของที่ทั้งสองคนทำพัง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะพวกเขากำลังให้ความสนใจกับหัวข้อที่กำลังจะสนทนามากกว่า

ไป๋ถังยื่นมือไปหาลู่หยางอย่างเป็นทางการ “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อไป๋ถังมาจากยุคอวกาศ แต่เพราะยานเกราะระเบิดก็เลยทะลุมิติเข้ามาอยู่ที่นี่”

“ยุคอวกาศ”ลู่หยางตะลึง “ยุคอวกาศที่มีแต่ในภาพยนตร์ไซไฟน่ะเหรอ”

ไป๋ถังเลิกคิ้ว “คุณมาจาก...”

ลู่หยางเคยปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว

“สวัสดี ผมชื่อลู่หยาง มาจากศตวรรษที่ 21 เป็นทหารหน่วยรบพิเศษ “

ดวงตาของไป๋ถังเป็นประกาย วิญญาณของอีกฝ่ายดูไม่เลวเลยทีเดียว เป็นถึงทหารจากหน่วยรบพิเศษ

รอยยิ้มของไป๋ถังสดใส ก่อนจะดึงมือของตนออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม “ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่อายุใกล้เคียงกับคนในยุคนี้ แต่ในความคิดของฉันคุณก็ถือว่าเป็นคนในยุคโบราณเช่นกัน”

เมื่อลู่หยางได้ยินเช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่ทะเลาะกัน ไป๋ถังบอกว่าเธอเป็นบรรพบุรุษของเขา

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองได้เปรียบจึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน “ดูเหมือนว่าผมจะเป็นบรรพบุรุษของคุณนะครับ”

ไป๋ถังยิ้มหวานตอบเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น...ฉันควรจะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้คุณดีไหมคะ”

ลู่หยาง “...”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel