บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 รู้ทัน

วันต่อมาอวี้จินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากทำอาหารเช้าไว้ให้คุณย่าเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่สวนผักเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเย็นวานนี้ลุงต่ง คนสวนที่ทำงานอยู่บ้านตระกูลอวี้มานานได้นำเงินจากการขายดอกไม้และผักมามอบให้เธอ ลุงต่งเป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดี ครอบครัวของเธอไว้ใจลุงต่งมาก น่าเสียดายชาติที่แล้วเธอไม่เชื่อฟังคำเตือนของลุงต่ง

หลังจากที่ย่าตายจากไป อวี้จินก็เชื่อฟังคำแม่เลี้ยงทุกอย่าง สมบัติทุกชิ้นในบ้านหากว่าแม่เลี้ยงอยากจะเอามันไปใช้ทำอะไรอวี้จินล้วนสนับสนุนและไม่เอ่ยปากห้าม มีวันหนึ่งลุงต่งมาเตือนเธอด้วยความหวังดีแต่กลับถูกเธอต่อว่า ลุงต่งน้อยใจจึงขอลาออก จากนั้นเธอก็ไม่ได้พบเจอกับลุงต่งอีกเลย

คนงานที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ เธอยังปล่อยให้หลุดมือไปได้ ชาติที่แล้วต้องโง่งมถึงเพียงไหนกัน

อวี้จินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย หลังจากที่จัดการใส่ปุ๋ยและรดน้ำผักกับดอกไม้เรียบร้อยแล้ว เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องนำผักไปมอบให้อาฟานที่ร้านขายโจ๊ก เพราะก่อนหน้านี้เธอบอกกับเขาว่าจะนำผักไปให้แลกกับโจ๊กสองถ้วยนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ อวี้จินจึงจัดการเก็บผักหลายอย่างใส่ตระกร้าหวายตั้งใจจะนำไปมอบให้อาฟานที่ร้านขายโจ๊ก

ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว กู้อวิ๋นฟานเพิ่งจะตื่นนอน หน้าที่ขายโจ๊กนั้นเป็นของลุงหม่า เพราะก่อนหน้านี้เขาแจกโจ๊กให้ชาวบ้านกินโดยไม่คิดเงิน หลังจากนั้นก็มีคนมาอุดหนุนเป็นประจำ เดิมที่คิดจะเปิดบังหน้ากลับมีกำไรขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

"คุณ เอ่อ อาฟาน กินโจ๊กก่อนสิ เช้านี้ตื่นสาย เมื่อคืนทำงานดึกเหรอ"

ลุงหม่าพยายามรักษาท่าทีลุงหลานจอมปลอมเอาไว้เพื่อไม้ให้ใครสงสัย กู้อวิ๋นฟานนั่งลงที่เก้าอี้พลางพยักหน้าเล็กน้อย

ตั้งแต้ย้อนเวลากลับมา เรื่องเอกสารทุกอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานที่นี่เขามักจะตรวจทานเองทุกครั้ง แม้แต่ลุงหม่ายังแปลกใจที่กู้อวิ๋นฟานเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เขาสนใจช่วยงานในบ้าน อีกทั้งยังตรวจทานเองทุกอย่าง ลุงหม่าแม้จะแปลกใจแต่กลับตื้นตันใจที่คุณชายของตนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเสียที

"ลุงหม่า เช้านี้ส่งคนไปตรวจงานที่โรงงานหน่อย ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง อุปกรณ์ทุกชิ้นผมต้องการรู้รายละเอียดทั้งหมดภายในวันนี้"

"ครับ"

ลุงหม่าพยักหน้าก่อนจะเดินไปจัดการงานของตนต่อ กู้อวิ๋นฟานกินโจ๊กไปก็ครุ่นคิดถึงเรื่องเก่าก่อนไปด้วย ชาติก่อนโรงงานของเขาเกิดปัญหาขึ้นทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะว่าผู้รับเหมาทำงานไม่ดีอีกทั้งยังขาดความรับผิดชอบทำงานชุ่ยๆ นอกจากยอดค่าใช้จ่ายจะบานปลายแล้ว ยังทำให้โรงงานที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่ได้มาตรฐานและเกิดการทรุดตัวลง จนกระทั่งพังถล่มลงมา ทำให้มีคนงานบาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายคน ครั้งนั้นตระกูลกู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายอย่างหนักให้กับญาติผู้เสียชีวิต ทำให้ไม่มีใครกล้าสมัครเข้ามาทำงานในโรงงานที่ก่อสร้างใหม่ของตระกูลกู้ ส่งผลให้กิจการเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ทุกอย่างจึงเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

บางครั้งเรื่องราวที่ตระกูลกู้ตกต่ำมันอาจจะเริ่มมาจากตรงนี้ เพราะฉนั้น เขาจะต้องเริ่มแก้ไขปัญหาจากตรงนี้ก่อน

ในขณะที่เพิ่งจะกินอาหารเช้าอิ่ม กู้อวิ๋นฟานก็เหลือบไปเห็นอวี้จินที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน แววตาของเขาทอประกายฉายแววดีใจอย่างไม่ปิดบัง ไม่คิดว่าอวี้จินจะมาหาเขาจริงๆ

"จินจิน เธอมาแล้วเหรอ"

อวี้จินเดินเข้ามาในร้านและพยักหน้าให้กู้อวิ๋นฟานเล็กน้อย ก่อนจะมอบผักให้เขา

"ฉันเอาผักมาให้ค่ะ หากว่าพี่ต้องการอีกก็ไปบอกฉันได้ ที่สวนผักของฉันมีผักหลายอย่าง หรืออยากจะซื้อฉันก็จะขายในราคาทุนให้ ถูกกว่าร้านในตลาด เอ่อ ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่เรียกคุณว่าพี่ แต่เรียกอย่างนี้ดูจะเป็นกันเองมากกว่า"

อวี้จินเอ่ยด้วยท่าทีประหม่า ชาติที่แล้วเธอเคยเรียกเขาว่าพี่แบบนี้และค่อนข้างสนิทสนมกัน ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะคิดว่าเธอล่วงเกินเขาหรือเปล่า เธอก็ยังไม่แน่ใจ

กู้อวิ๋นฟานเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็มองอวี้จินพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาส่งผักให้ลุงหม่าและหันมาเอ่ยกับเธออย่างสนิทสนม

“เรียกอะไรก็ได้ ตามใจเธอ หรือจะให้ดีเรียกที่รักก็ได้ ฉันไม่ถือ”

อวี้จินถึงกับพูดไม่ออก

“เธอกินมื้อเช้ามาหรือยัง กินกับฉันไหม"

"ฉันกินมาแล้ว อีกเดี๋ยวจะต้องไปที่ตลาด ไปซื้อของไว้ทำมื้อเย็น ฉันต้องรีบไปก่อน แล้วค่อยเจอกันใหม่นะคะ"

"ได้ แล้วแวะมาอีกนะ"

"ค่ะ"

อวี้จินยิ้มให้กู้อวิ๋นฟาน ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่ตลาด เช้านี้ของสดในบ้านหมดแล้ว เธอต้องไปซื้อมาตุนเอาไว้เพื่อทำอาหารในมื้อต่อๆไป ของบางอย่างสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดทั่วไป แต่ของใช้บางอย่างต้องนำสมุดทะเบียนบ้านติดไปด้วยจึงจะสามารถซื้ออาหารพวกนั้นจากทางรัฐได้

คนที่บ้านไม่มีใครสนใจจะมาจับจ่ายซื้อของ เจียงลี่แม้จะเป็นสะใภ้แต่กลับไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรสักอย่าง ด้านอวี้หลิงก็ทำตัวเหมือนคุณหนูนอนรอให้คนเอาอาหารไปป้อนให้ถึงปาก ส่วนพ่อของเธอก็เชื่อแม่เลี้ยงทุกอย่าง อวี้จินไม่อยากจะรอขอความช่วยเหลือจากพวกเขา อะไรที่หยิบจับได้เธอก็ทำเองทั้งหมด

ในขณะที่อวี้จินกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่นั้น สายตาของเธอก็เห็นเจี่ยงลี่เดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกล อวี้จินแอบขยับเข้าไปหลบหลังแผงร้านข้ายผักร้านหนึ่ง เจียงลี่มองไม่เห็นเธออีกทั้งท่าทีก็ยังดูรีบร้อนเป็นอย่างมาก อวี้จินค่อยๆเดินตามแม่เลี้ยงไป เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็พบว่าเจียงลี่ไปหยุดยืนอยู่ที่ร้านขายเนื้อร้านหนึ่ง

เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า อวี้จินก็ถึงกับลอบกำมือแน่น

นั่นมันร้านขายเนื้อของเถ้าแก่เฉิน ตาแก่บ้ากามที่แต่งงานกับเธอในชาติที่แล้ว

ไม่ต้องเข้าไปถามอวี้จินก็พอจะเข้าใจสถาณการณ์ได้เป็นอย่างดี เธอเดาออกมาว่าที่เจียงลี่มาพบกับเถ้าแก่เฉินเพราะอะไร คงเพราะต้องการรีบร้อนหาสามีที่ดีให้กับเธออย่างไรเล่า

อวี้จินส่งเสียงเหอะในลำคอ พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ร้านขายเนื้อร้านนั้นอีกหน่อย เธอก้มหน้าก้มตาทำเป็นจับจ่ายซื้อของ โชคดีที่ข้างๆร้านขายเนื้อมีร้านน้ำชาอยู่ร้านหนึ่ง อวี้จินนั่งหันหลังให้พวกเขาพร้อมกับหยิบหมวกที่นำติดมือมาด้วยสวมใส่เพื่ออำพรางตนเอง

"สะใภ้เจียงไม่เจอกันนานเลยนะ วันนี้มาซื้อเนื้อเองเลยเหรอ ปกติลูกสาวคนโตจะมาจับจ่ายซื้อของไม่ใช่หรือไง"

เสียงของเถ้าแก่เฉินเอ่ยถามเจียงลี่อย่างกระตือลือล้น เจียงลี่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ที่ไหนกันละ ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษากับเถ้าแก่เฉินสักหน่อย"

"เรื่องอะไรเหรอ"

"คืออย่างนี้ ลูกสาวคนโตของฉันน่ะ ใกล้จะเรียนจบแล้ว ฉันสังเกตเห็นว่าพักหลังหล่อนชอบมาที่ตลาดอยู่บ่อยๆ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไร นานวันเข้าลูกสาวของฉันน่ะเหมือนจะเหม่อมลอยคล้ายกับกำลังคิดถึงใครบางคน ฉันเลยไปถามดู เถ้าแก่เฉินทายสิว่าเพราะอะไร"

เถ้าแก่เฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"รีบเล่ามาสิ"

"จะเพราะอะไรได้อีกเล่า จินจินน่ะหลงรักเถ้าแก่เฉินเข้าแล้ว"

เถ้าแก่เฉินเมื่อได้ยินก็ตกใจไม่น้อยเลย เขาอายุขนาดนี้แล้วแต่กลับมีเด็กสาวมาชื่นชอบ มันจะแปลกไปหน่อยหรือไม่

เขาจำได้ อวี้จินเด็กสาวคนนั้นเป็นลูกสาวคนโตของบ้านตระกูลอวี้ หน้าตาสวยงามน่ารักน่าชัง เขายังเคยคิดว่าหากได้ภรรยาเด็กสักคนมาคอยเอาใจก็คงจะดี ไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้าง เด็กนั่นจะมีใจให้กับเขาจริงๆ

"เรื่องจริงเหรอสะใภ้เจียง อย่ามาอำกันน่า"

เจียงลี่ทำท่าโบกไม้โบกมือไปมา พลางเอ่ยตอบ

"อำอะไรกันเล่า ตอนแรกฉันก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกสาวจะกล้าพูดออกมาตรงๆ หล่อนเขินอายเลยไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ทั้งยังบอกว่าหลังเรียนจบอยากจะแต่งงานกับเถ้าแก่เฉิน ฉันก็ถามแล้วว่ามั่นใจแล้วใช่ไหม หล่อนตอบว่ามั่นใจมาก หล่อนไม่เคยชอบใครขนาดนี้มาก่อน ฉันน่ะดีใจมากที่ลูกสาวตาถึง แต่งกับเถ้าแก่เฉินดีกว่าแต่งกับพวกเด็กหนุ่มไร้อนาคตพวกนั้นเสียอีก หากได้แต่งกับเถ้าแก่เฉินจินจินจะต้องสบายไปทั้งชาติแน่นอน ใครๆก็รู้ว่าเถ้าแก่เฉินน่ะ รักถนอมดอกไม้ขนาดไหน"

เถ้าแก่เฉินเมื่อได้ยินเจียงลี่เอ่ยเป็นมั่นเป็นเหมาะก็เริ่มคล้อยตามถึงขั้นเข้าข้างตนเอง เขาคิดไปถึงขนาดที่ว่าหากได้อวี้จินมาเป็นภรรยาคงดีมาก เขาจินตนาการไปไกลว่าตอนนี้หล่อนกำลังนอนแก้ผ้ารอเขาอยู่บนเตียงแล้วด้วยซ้ำ

"เห้อ หล่อนยังเด็ก เอาเถอะ เรียนจบเมื่อไหร่ฉันจะรีบไปสู่ขอทันที"

"จะรอถึงตอนนั้นทำไมกัน เถ้าแก่เฉินก็จัดการเสียตอนนี้ ฉันจะช่วยเอง เด็กสาวมักเขินอาย เราต้องทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกเสียก่อน จากนั้นก็รีบแต่งรีบมีลูก อวี้จินน่ะน่ารักน่าชัง หล่อนบอกว่าอยากจะแต่งงานกับเถ้าแก่เฉินใจจะขาด ไม่อยากเรียนหนังสือแล้ว ติดที่แม่สามีฉันไม่ยอมอนุญาต ฉันสงสารลูกมากเลยต้องมาช่วยลูกสาวด้วยตัวเองนี่ไงละ"

"จะดีเหรอ"

"ดีอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าหากฝากฝังลูกสาวเอาไว้กับเถ้าแก่เฉินได้ ฉันก็วางใจแล้ว"

"อย่างนั้นก็รบกวนสะใภ้เจียงแล้ว"

เจียงลี่ยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลอวี้อย่างอารมณ์ดี ยัยเด็กอวี้จินนั่นรนหาที่เอง นึกอยากจะมาพิทักษ์สมบัติแม่ที่ตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ ฉันจะส่งแกไปให้เถ้าแก่เฉินปู้ยี่ปู้ยำ ให้ชื่อเสียงของแก่ป่นปี้ หลังจากแกแต่งงานไปแล้วก็จะไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับสมบัติในบ้านตระกูลอวี้อีก เด็กสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป ยังจะหวังพึ่งพาอะไรได้อีก ส่วนนังแก่แม่สามีจอมบงการนั่นเธอก็จะหาทางจัดการด้วยตนเอง

อวี้จินที่นั่งหันหลังฟังแม่เลี้ยงชั่ววางแผนจับเธอแต่งงานกับเถ้าแก่เฉินก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด

เจียงลี่นี่ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเสียจริง

แต่ช่างเถอะ เธอก็ไม่อยากถือสา ในเมื่อแม่เลี้ยงเสนอมาเธอก็จะสนองคืนให้

แต่คนที่จะต้องเสื่อมเสียจนอับอายไม่ใช่เธอแน่นอน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel