บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 หม่อมฉันจะรอหนังสือหย่า

เมื่อหยุนฟางเซียน ได้ยินเช่นนั้นก็ให้ยินดีออกมาอย่างปิดไม่มิด โดยที่ไม่มีผู้ใดทันได้สังเกตเห็น นางรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม นางรอวันนี้มาเนิ่นนาน

      นางยังจำได้ดีถึงวันที่ได้แต่งเข้ามาในตำหนักแห่งนี้วันแรก นางตกแต่งมาพร้อมกันกับเหมยลี่อินแต่ในตอนนั้น ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสวามีของนาง  ไม่แม้แต่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในตำหนักในคืนเข้าหอด้วยซ้ำ เขาใช้เวลาอยู่กับชายาเอกอีกคนของเขา  โดยไม่สนพระทัยในตัวนางแม้แต่น้อย  

      นางเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นเหลียว  แต่นางกลับถูกระทำหยามเกียรติอย่างถึงที่สุด  นางจึงได้ปฏิญาณกับตนเองเอาไว้ว่า มิว่าจะเกิดอะไรขึ้น  นางจะต้องทวงความยุติธรรมที่เกิดขึ้นในวันนั้นกลับคืนมาให้ได้  และแล้ววันนี้ก็มาถึง นางได้แก้แค้นนางปีศาจนั้น อย่างสาสม ความเจ็บปวดทุกสิ่งทุกอย่าง  นางได้มอบมันคืนกลับไปให้สตรีแพศยานั้นได้รับจนหมดสิ้นแล้ว

     "เจ้ายังมินำนางไปอีกหรือจางหลง รีบนำนางกลับไปที่ตำหนัก ก่อนที่นางจะกล่าววาจาเพ้อเจ้อมากกว่านี้"

    จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย รีบออกคำสั่งกับองครักษ์ของตนเองอีกครั้ง เมื่อเขาได้สบเข้ากับสายตาจริงจังนั้นของนาง  ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาที่หัวใจของเขาอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาที่ว่างเปล่านั้นของนาง ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอ  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้  เขาทำให้นางเจ็บปวดเช่นนั้นหรือ เขาเคยคิดว่าความรู้สึกที่เขามีให้นางในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความเบื่อหน่าย แต่พอมาได้ยินคำกล่าวว่าจะไปของนางเช่นนี้  เหตุใดจิตใจของเขา ถึงได้กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกเช่นนี้เล่า  หรือแท้ที่จริงแล้วเขายังรักนางอยู่เช่นนั้นหรือ  ความรู้สึกเช่นนี้มันคืออะไรกัน

    เมื่อองครักษ์จางหลงได้ยินเจ้านายของตนออกคำสั่งมาเช่นนั้น ก็รีบนำตัวพระชายาเอกเหมยลี่อินกลับตำหนักในทันที

     แต่ก่อนที่จะไป เหมยลี่อินยังได้ทิ้งคำพูดหนึ่งไว้กับเขา

     "หม่อมฉันจะรอหนังสือหย่าจากพระองค์"

      เมื่อเหมยลี่อินได้จากไปแล้ว แต่

จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยยังคงไม่ขยับ เขยื้อนไปที่ใด  เขาเพียงยืนนิ่งๆอยู่ที่นั่นเหมือนร่างไร้วิญญาณ  ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงออกมาทั้งหมดของจวิ้นอ๋องในตอนนี้ ถึงกับทำให้หยุนฟางเซียน ไม่พอใจเป็นอย่างมาก  นี่เขายังคงมีความรู้สึกกับนางแพศยานั่นอยู่อีกหรือ

    "เสด็จพี่ทรงอย่าได้คิดมากเลยเพคะ  พี่หญิงอาจจะเพียงแค่กล่าวออกไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบเพียงเท่านั้นก็เป็นได้"

    "อืม เจ้ากลับไปที่ตำหนักของเจ้าก่อนเถิด"

    หยุนฟางเซียน ถึงกับตกตะลึงนี่เขาถึงขนาดเอ่ยปากไล่นางเชียวหรือ แต่ถึงนางจะไม่พอใจมากมายเพียงใด  นางก็ต้องข่มกลั้นความรู้สึกนี้เอาไว้และแสดงออกไปอย่างยินดีเพียงเท่านั้น

   "เพคะ"

   

    เมื่อกลับมาถึงยังตำหนักของตนหยุ่นฟางเซียนถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไม่เก็บอาการของพระชายาเอกผู้มีจิตใจอ่อนโยนอีกต่อไป

    "พระชายาทรงอดทนไว้ก่อนเพคะ เรื่องที่เราทำมาทั้งหมดใกล้จะสำเร็จแล้ว  ไม่เห็นหรือว่าเหมยลี่อินถึงขนาดเอ่ยปากขอหย่าด้วยตนเองแล้ว"

    "แล้วแม่นมไม่เห็นหรือว่าท่านอ๋องทรงมีปฏิกิริยาเช่นใด หลังจากที่นางกล่าวขอหย่าออกมา"

   "ถึงอย่างไรในตอนนี้พระชายาก็ทรงเป็นที่หนึ่งในใจของท่านอ๋อง  จะทรงหวั่นวิตกอันใดอีกล่ะเพคะ"

     หยุนฟางเซียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา จนคนฟังรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ สายตาของนางมองทอดยาวออกไป โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าในตอนนี้  นางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

     "ข้ามิได้ต้องการเป็นที่หนึ่งในใจของเสด็จพี่  แต่ข้าต้องการเป็นหนึ่งเดียวในใจของพระองค์ต่างหาก" 

     

    "พระชายาทรงคิดดีแล้วหรือเพคะพระชายาจะทรงขอหย่าขาดจากท่านอ๋องเช่นนี้  แล้วหลังจากนี้ชีวิตของพระชายาจะเป็นเช่นไรเล่า"

     เหมยลี่อินจ้องมองไปที่ใบหน้าของสาวใช้คนสนิทของตนด้วยสายตางุนงง ถิงถิงและลู่ลู่ คือสาวใช้ที่จงรักภักดีกับนางเสมอมา  เมื่อชาติก่อนนั้น  พวกนางถึงกับโดนลงโทษให้ต้องตกตายไป เพราะปกป้องชีวิตของเหมยลี่อินเอาไว้ ดังนั้นในชาตินี้เหมยลี่อินจึงได้ปฏิญาณกับตนเองไว้ในใจแล้วว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  นางจะปกป้องสตรีสองนางนี้ให้ปลอดภัยให้จงได้

     "หืม ก็มีความสุขนะสิถามมาได้แปลกๆ"

     "จะมีความสุขได้อย่างไรล่ะเพคะ พระชายาทรงอย่าลืม หากพระชายาทรงหย่าขาดจากท่านอ๋องไปแล้ว  จะกลับไปที่สกุลเดิม พระชายาทรงคิดว่าท่านเสนาบดีจะยอมโดยง่ายหรือ  อีกทั้งเหล่าคุณหนูทั้งหลายก็จงเกลียดจงชังพระชายายิ่งนัก  แล้วอย่างนี้ชีวิตที่เหลือ จะมีความสุขได้เช่นไร"

     เหมยลี่อินเป็นบุตรสาวของเสนาบดีเหมยเยว่จวน ถึงแม้นว่านางจะเป็นบุตรีที่เกิดจากฮูหยินเอก แต่ก็ไม่ได้รับความรักความโปรดปราน จากผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา เนื่องด้วยว่าหลังจากที่นางเกิดมามารดาก็ได้เสียชีวิตลงจากการคลอด  จนเป็นเหตุให้ท่านเสนาบดีโยนความเกลียดชังทั้งหมดมาที่นาง ชีวิตความเป็นอยู่ของนางในจวนท่านเสนาบดี   จึงมีความลำบากพอสมควร แต่หลังจากที่นางได้พบกับจวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย เขาก็เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของนาง นางเอาความหวังทุกอย่างไว้ที่ตัวเขา เมื่อวันหนึ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิด  โลกทั้งใบของนางจึงพังทลายลง ด้วยความผิดหวังนั่นเอง

     "แล้วใครว่าข้าจะกลับไปที่จวนท่านเสนาบดีกันเล่า ข้าจะพาพวกเจ้าไปซื้อจวนที่มีแค่พวกเราต่างหาก"

     "ห๊า เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันล่ะเพคะพระชายา  ถึงแม้นว่าพระชายาจะเคยเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องมากเพียงใด  แต่เราก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดพอที่จะไปซื้อจวนอยู่ต่างหาก แล้วอีกอย่างพระชายาทรงคิดดีแล้วหรือ  ที่จะหย่าขาดกับท่านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันอยากจะให้พระองค์ทรงลองคิดทบทวนให้ดีอีกสักครั้ง"

     เหตุใดพวกนางจะไม่รู้เล่า  ว่าที่ผ่านมาเจ้านายของพวกนางนั้นมีความทุกข์ใจมากมายเพียงใด แต่จะให้ทำเช่นไรได้เล่า  เมื่อสตรีนางหนึ่งแต่งให้กับบุรุษผู้หนึ่งไปแล้ว  เขาก็เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของนาง ถึงจะมีความทุกข์หรือมีความสุขนางก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้ เพราะชีวิตเรือนหลังของสตรีนั้นขึ้นอยู่กับความโปรดปรานของบุรุษเพียงเท่านั้นมิใช่หรือ

    "ถิงถิง ลู่ลู่ พวกเจ้าลองบอกเหตุผลของการมีสามีมาให้ข้าฟังสักข้อสิ"

    "สำหรับหม่อมฉัน คือเอาไว้คอยปกป้องคุ้มครองไม่ว่ายามสุขและยามทุกข์  เราก็จะสามารถพูดคุยปรึกษาหารือกันเพคะ"

    "สำหรับเจ้าเล่าลู่ลู่"

    "มีสามีไว้เพื่อ เป็นโลกทั้งใบให้เราคอยอาศัยกระมังเพคะ  พระชายาลู่ลู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน"

    "พวกเจ้าจำที่ข้าพูดในวันนี้เอาไว้ให้ดี ก่อนอื่นข้าขอถามเจ้าก่อนเวลาที่พวกเจ้ากินข้าวเจ้าจะให้คนอื่นกินแทนหรือไม่ หากเจ้าให้คนอื่นกินแทนได้  แล้วเจ้ารู้สึกอิ่มหรือไม่"

    "ไม่เพคะ"

    "แล้วเวลาที่เจ้าหายใจเจ้าได้ยืมจมูกผู้อื่นหายใจหรือไม่"

    "ไม่เพคะ"

   สาวใช้คนสนิททั้งสองของนาง  กล่าวออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน  แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาถึงได้ถามพวกนางออกไปเช่นนั้นอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel