บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ทรมาน

ภายในตำหนักเย็นอันห่างไกลไร้ผู้คน ซูเซียวรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงฝนตกกระทบลงบนลงคา บนหลังคาที่มีรอยรั่วทำให้น้ำหยดลงมาโดนร่างบอบบางที่ถูกมัดเอาไว้ หญิงสาวรู้สึกปวดท้องเป็นอย่างมาก ภายในห้องได้กลิ่นคาวของเลือดตลบอบอวลไปทั่ว เสียงประตูห้องถูกเปิดออกทำให้ซูเซียวต้องลืมตาขึ้นมามอง จึงเห็นว่าเป็นเสิ่นซิ่วอิงอีกแล้วที่เดินเข้ามา นางไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่ยังมีขันทีเดินตามมาสองคน

เสิ่นซิ่วอิงไม่ได้มาที่นี่สามวันไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสภาพน่าสมเพชของคนตรงหน้า หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของซูเซียวก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าฝ่าบาททรงมาเห็นอดีตชายาของตนเองมีสารรูปเช่นนี้แล้วจะรู้สึกเช่นไร

"เจ้ามาที่นี่ทำไม" ซูเซียวเอ่ยถามออกมาด้วยความโกรธ นางอยากจะเข้าไปกระชากผมของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงดังๆ ว่ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าถึงได้ทำร้ายลูกของนางได้ลงคอ แต่นางก็คิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์ที่จะไปเอ่ยถามกับคนไร้หัวใจเช่นเสิ่นซิ่วอิง

"ข้าบอกแล้วไงว่าจะมาเล่นสนุกกับเจ้าอีก แล้ววันนี้ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกมือขึ้นโบกส่งสัญญาณให้ขันที่ทั้งสองคน ขันทีทั้งสองคนไม่รอช้าเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ถูกมัดเอาไว้ก่อนจะยกมีดเงาวับขึ้นมา

"พวกเจ้าคิดจะทำอะไร" ซูเซียวตวาดขันทีทั้งสองคนด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดว่าเสิ่นซิ่วอิงจะกล้าพาคนเข้ามาทำร้ายนางในนี้เป็นครั้งที่สอง แต่คิดแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะคนที่ปล่อยให้หญิงสาวเข้ามาทำร้ายนางเช่นนี้ได้คงจะเป็นกัวเจียอีอนุญาตให้นางทำ

"ไม่ต้องกลัว ข้าแค่จะส่งเจ้าไปหาลูกของเจ้าก็เท่านัั้นเอง ดูสิว่าข้าใจดีกับเจ้ามากแค่ไหน" เสิ่นซิ่วอิงพูดพร้อมกับดึงมีดมาจากมือของขันทีก่อนจะใช้มันเฉือนเข้าที่แก้มของซูเซียวจนใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

"กรี๊ดดด...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย" ซูเซียวกรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน มือบางพยายามกระชากเชือกที่มัดเอาไว้ออกแต่ก็ทำไม่สำเร็จ นางพยายามร้องเรียกให้คนช่วยแต่มีหรือที่ใครจะมาสนใจตำหนักเย็นแล้วยิ่งตอนนี้เป็นคืนที่ฝนตกหนักทุกคนคงกำลังนอนหลับสบายใต้ผ้าห่มอันหนานุ่ม

"อย่าร้องให้เหนื่อยเลยไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอก ในเมื่อฝ่าบาทเป็นคนส่งข้ามาจัดการกับเจ้า จัดการเฉือนเนื้อเลาะกระดูกนางที่ละน้อย อย่าให้ตายไวนักละ" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยบอกกับซูเซียวด้วยความสะใจก่อนจะยื่นมีดไปให้ขันทีแล้วสั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในที่สุดคนที่นางต้องการให้ตายก็จะหายไปจากโลกใบนี้แล้ว ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ ใครใช้ให้ซูเซียวมาเป็นศัตรูหัวใจของนางกันละ ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีจุดจบเช่นนี้

"ไม่ต้องกลัวหรอก พวกข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดนาน อดทนหน่อยก็แล้วกัน" ขันทีคนหนึ่งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดก่อนที่จะลงมือกรีดมีดลงบนแก้มของหญิงสาวอีกข้าง ส่วนขันทีอีกคนก็เฉือนเข้าที่แขนเรียวจนซูเซียวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ไม่ว่านางจะส่งเสียงร้องไปมากเท่าไรก็ไร้ค่าไร้ประโยชน์

หญิงสาวโดนเฉือนเนื้อออกทีละชิ้นๆ จนมองเห็นกระดูก ทั้งร่างอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน นางเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหวลมหายใจรวยระรินแต่ก่อนที่นางจะหมดสติ ซูเซียวก็ได้ให้สัญญากับตัวเองไว้ถ้าหากได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้งนางจะทำให้คนที่ทำร้ายครอบครัวและลูกของนางต้องได้ตกนรกทั้งเป็น หากแต่จะมีโอกาสนั้นหรือไม่ก็อยู่ที่สวรรค์กำหนดแล้ว เมือคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็หมดลมหายใจตายอย่างทรมานอยู่ในตำหนักเย็นอันเงียบเหงา

"ตายง่ายกว่าที่คิดเสียอีก ข้ายังเล่นสนุกไม่พอเลย" ขันทีหนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นอย่างผิดหวังก่อนที่ทั้งสองคนจะช่วยกันเก็บกวาดสิ่งที่ทำเอาไว้จนเรียบร้อยเหมือนตำหนักนี้ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรที่นี่มาก่อน

ภายในจวนขนาดใหญ่ ในเรือนหลันฮวาบนเตียงมีสตรีนางหนึ่งกำลังนอนอยู่โดยข้างกายมีสาวใช้อย่างอ้ายเหม่ยและอ้ายเสินยืนเป็นกังวลอยู่ข้างเตียง สาวใช้ทั้งสองคนนัยน์ตาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มายาวนาน

ร่างบางบนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เหลือบตามองภายในห้องไปมาด้วยความแปลกใจว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่านางตายแล้วหรือทำไมถึงได้กลับมาอยู่ที่จวนตระกูลซูได้หรือว่าคนที่ตายไปแล้วจะเห็นภาพหลอนเช่นนี้

แล้วนั่นเสียงร้องไห้ของใครกัน หญิงสาวคิดในใจด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปมองก็เห็น่ว่าเป็นสาวรับใช้ทั้งสองคนของนางกำลังยืนส่งเสียงสะอื้นอยู่ข้างเตียง

"พวกเจ้ายังอยู่" ซูเซียวเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจหรือนี่จะเป็นโลกหลังความตายกัน

"คุณหนูฟื้นแล้ว ช่างดีจริงๆ เจ้ารีบไปตามหมอมาเร็ว" อ้ายเหม่ยเห็นคนบนเตียงได้สติขึ้นมาแล้วก็หันไปเอ่ยบอกกับอ้ายเสิน ก่อนหน้านี้คุณหนูของนางจู่ๆ ก็ผลัดตกน้ำทำให้ไม่ได้สติ ไปเชิญท่านหมอมา ก็ไม่ได้ผลลมหายใจของคุณหนูของนางอ่อนระรวยจนแทบจะสิ้นลม ท่านหมอต่างพากันส่ายหน้าบอกว่าไร้ทางจะรักษา

ด้วยความดีใจที่เห็นคุณหนูของตนเองฟื้นขึ้นมา อ้ายเสินก็รีบวิ่งออกจากห้องไปตามหมอมาอย่างไว พอคนในจวนรู้ว่าซูเซียวฟื้นแล้วก็รีบตามมาดูอาการทันที ซูเฉินและจางซื่อบิดามารดาของซูเซียวยืนรอหมอตรวจอาการของบุตรสาวอยู่ข้างๆ

หลังจากตรวจอาการเรียบร้อยแล้ว หมอหลินก็บอกว่าซูเซียวนั้นไม่เป็นอะไรมากแล้ว เพียงแค่ต้องดื่มยาตามเทียบยาที่เขียนไว้ให้อาการก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ พอหมอหลินกลับไปเรียบร้อยแล้วซูเฉินก็เดินเข้าไปใกล้เตียงของบุตรสาว

"เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หลังจากนี้ก็รักษาตัวให้หายเพราะอีกไม่นานก็จะถึงงานเลี้ยงชมบุปผาแล้ว เจ้าจะได้ไปงานเลี้ยงกับท่านแม่ของเจ้า" ซูเฉินเอ่ยบอกกับซูเซียวถึงงานเลี้ยงที่กำลังจะถูกจัดขึ้นโดยฮูหยินของเสนาบดี ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นงานเลี้ยงชมบุปผาแต่ความจริงแล้วจัดขึ้นเพื่อให้คุณหนูและคุณชายของจวนต่างๆ ได้มาทำความรู้จักกันโดยมีงานเลี้ยงบังหน้า

"เจ้าค่ะท่านพ่อ" ซูเซียวไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะได้ย้อนเวลากลับมาจริงๆ แถมยังย้อนกลับมาก่อนงานเลี้ยงที่นางจะได้พบกับกัวเจียอีอีก ช่างดีจริงๆ ความแค้นของชาติที่แล้วที่นางได้รับนางจะต้องส่งคืนให้กับทุกคนที่ทำร้ายนางอย่างแน่นอน

"ข้าละเห็นเจ้าป่วยแล้วหัวใจของคนเป็นแม่อย่างข้าแทบจะสลาย เจ้ารักษาตัวให้ดีเอาไว้หายดีเมื่อไรข้าจะได้เชิญร้านเสื้อมาตัดชุดให้กับเจ้าใส่ไปงานเลี้ยง" จางซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเข้าไปจับมือของซูเซียวด้วยความรักใคร่

"เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกจะกินยาตามที่ท่านหมอสั่งจะได้หายไวๆ" ชาติก่อนนางเคยสงสัยว่าทำไมจางซื่อถึงได้ดูลำเอียงรักซูหลันน้องรองมากกว่านางจนกระทั่งได้รับรู้ความจริงว่านางนั้นไม่ได้เป็นบุตรสาวที่เกิดจากจางซื่อ แต่นางเป็นบุตรที่เกิดจากอนุเหวิน ด้วยความที่จางซื่อแต่งงานมาหลายปีแล้วยังไม่มีบุตร พออนุเหวินท้องคลอดซูเซียวออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าหรือก็คือท่านย่าก็ยกนางให้กับจางซื่อไปเลี้ยงดู แต่ไม่นานจางซื่อก็ดันตั้งครรภ์บุตรของตนเอง ทำให้ซูเซียวมักจะถูกละเลยอยู่เสมอ

หลังจากพูดคุยกันเสร็จสิ้นทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องแต่ก่อนจะไปซูเฉินไม่ลืมที่กำชับให้สาวรับใช้ดูแลซูเซียวให้ดี อ้ายเสินรีบออกไปต้มยาให้กับผู้เป็นนายทันที ส่วนอ้ายเหม่ยก็อยู่เฝ้าซูเซียวไม่ห่างเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหนูของตนเองอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel