แพ้เสียงในหัว
ภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยสีคุมโทน ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ดูกลมกลืนมีสไตล์น่าสนใจ อบอุ่นเรียบง่ายสบายตาสะท้อนถึงตัวตนของผู้อยู่อาศัย ชายหนุ่มเปลี่ยนจากห้องทำงาน เพื่อมาดูแลเอาใจใส่คนเมา เขาถือโน้ตบุ๊กเข้ามานั่งทำงานในห้องนอน พลางเหลือบมองไปที่หญิงสาวเป็นระยะ ริมฝีปากยกยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย แต่กลับบ่งบอกถึงความรู้สึกดี ที่คืนนี้มีหญิงสาวร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ที่เขาหวงนักหวงหนา
Rrrr!!! เสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของรามเกียรติ์ดังขึ้น ซึ่งทำให้ชายหนุ่มชะงัก
“เดี๋ยวคนนั้นโทรมาคนนี้โทรหา คืนนี้จะได้นอนไหมว่ะ!” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรกดรับดีไหม เพราะคนที่โทรเข้ามาคือแม่เลี้ยงที่เขาจงใจเกลียด นั่นก็คือโมรามารดาของเมรี เขาชั่งใจอยู่สักพักก่อนตัดสินใจกดรับสาย
‘คุณรามยัยเมย์ล่ะคะ คุณได้ไปรับยัยเมย์หรือเปล่า... พอดีน้าไม่มีเบอร์คุณหมอชินดนัย เมื่อกี้โทรไปที่บ้านป้าจันทร์บอกว่ายัยเมย์ยังไม่กลับ’ โมราเอ่ยถามออกมาด้วยความเกรงใจ แต่ภายใต้น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความห่วงใยลูกสาว
“ผมเป็นใครเหรอครับ เป็นพี่เลี้ยงเธอหรือไง” น้ำเสียงของรามเกียรติ์ฟังดูเข้ม แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างเฉกเช่นทุกครั้ง เพราะอย่างน้องโมรีก็ไว้ใจขอให้เขาไปรับเมรีกลับบ้าน เนื่องจากนางเริ่มไม่ไว้ใจนายแพทย์ชินดนัย หลังจากที่ได้ยินบทสนทาของอีกฝ่ายกับทศกัณฐ์
‘ขอโทษนะคะ ถ้าคำพูดของน้าทำให้คุณรามคิดแบบนั้น แต่เรื่องของน้ากับพ่อของคุณไม่เกี่ยวกับเมรีถ้าคุณรามจะโกรธก็ให้มาลงที่น้า คุณรามช่วยปกป้องเมรีด้วยนะคะ ถือว่าน้าขอร้อง”
ครั้งแรกที่โมราแอบออกมาโทรหารามเกียรติ์ เพราะวันนี้เธอแอบได้ยินบิดาของนายแพทย์หนุ่มพูดถึงธุรกิจอาหารเสริมตัวใหม่ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเมรี เพราะเธอกำลังจะเข้าไปทำงานที่บริษัท ในฐานะรองประธานควบคู่กับตำแหน่งนักวิชาการอาหารและยา
“คุณน้าเข้าใจอะไรผิดหรือไปหรือเปล่าครับ หน้าที่ปกป้องประชาชนเป็นของตำรวจ ส่วนผมเป็นแค่เด็กกำพร้าคงไม่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ใคร ตอนนี้เมรีเมาและหลับไปแล้ว ถ้าคุณน้าไม่มีธุระอะไรแล้วแค่นี้นะครับ” แค่ได้ยินประโยคท้ายก็ทำให้โมราอุ่นใจ
‘ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณราม’ ถึงแม้จะได้ยินถ้อยคำประชดประชันจากรามเกียรติ์ ทว่าโมรากลับรีบกุลีกุจอขอบคุณเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะกดวางสายไป
ดวงตาคมฉายแววเย็นเยียบชวนให้หนาวสะท้านดุจน้ำค้างแข็ง เขาจ้องหน้าหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเย้ยหยันตนเองอีกครั้ง ที่ไม่สามารถเกลียดเธอได้สักที
เวลานี้รามเกียรติ์ไม่เป็นอันทำการทำงาน เขาเดินไปที่ระเบียงแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนจะพ่นควันออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มขบคิดถึงคำพูดของโมรา ถ้าหากสิ่งที่แม่เลี้ยงของเขาพูดมานั้นมันคือความจริง คนที่ทำร้ายเมรีได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
บุหรี่ในมือถูกกดลงไปยังที่เขี่ยบุหรี่ ในที่สุดรามเกียรติ์ก็แพ้เสียงในหัวของตัวเองอีกครั้ง เขาตัดสินใจหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องแพงขึ้นมาโทรหาเหมันต์ หลังจากได้ฟังเรื่องที่โมราเล่ามา เขาเชื่อว่าเบื้องหลังของบริษัทดานัยบิวตี้กรุ๊ป เครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน
‘ไอ้เชี้ยรามมึงจะโทรมาทำไม กูกำลังหลับได้ที่เลย!’
“กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”
‘เวลานี้เนี่ยนะ! กูไม่ใช่หน่วยกู้ชีพกู้ภัยนะโว้ย! รอให้เช้าก่อนค่อยโทรมามึงจะตายรึไง” น้ำเสียงของเหมันต์เริ่มมีอารมณ์ เขาหัวเสียที่ถูกอีกฝ่ายโทรมาปลุกกลางดึก
“กูก็ยังไม่ได้นอน ทำงานยังไม่เสร็จเลยหรือมึงจะเอาไปทำต่อดีไหม”
‘ไม่ดีกว่า มีอะไรก็ว่ามาเลยครับท่านประธาน’ คำถามของรามเกียรติ์ทำเอาเหมันต์ถึงกับตาสว่าง
“เรื่องหมอชินดนัย”
‘ทำไม’
“กูอยากรูว่าเขามีเป้าหมายอะไร จุดประสงค์หลักของสองพ่อลูกคืออะไรกันแน่ ทำไมต้องพยายามดึงเมรีเข้าไปช่วยงานบริษัทดานัยบิวตี้กรุ๊ปด้วย”
‘มึงจะอยากรู้ไปทำไม’
“แล้วมึงจะย้อนถามทำไม กูให้มึงไปสืบมา กูไม่สนว่ามึงจะใช้วิธีไหน ถ้ามันคิดแตะต้องคนของกูรับรองเจอนี่แน่” ครั้งแรกที่รามเกียรติ์แสดงความเป็นเจ้าของเมรี แน่นอนว่าคนที่ทำร้ายเธอได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
‘คนของมึง’ เหมันต์แสร้งทำเป็นสงสัย ทั้งที่เขารู้แก่ใจว่าใครคือคนของรามเกียรติ์
“ใช่! เมรีคือคนของกู กูคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำให้เธอเจ็บ”
‘โอเค... ถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวรายงานครับเจ้านาย’ เหมันต์แสร้งทำเป็นพูดเสียงอ่อน เขาอยากล้ออีกฝ่าย เมื่อน้ำเสียงของเพื่อนรักกำลังเป็นห่วงเมรีออกนอกหน้า
“แค่นี้แหละ โปรเจ็กต์ใหม่ของบริษัทดานัยบิวตี้กรุ๊ปเดี๋ยวกูจัดการเอง”
‘ขอบคุณครับท่านประธาน’ คราวนี้เหมันได้กดวางสายด้วยความรู้สึกโล่งอก เมื่อโปรเจ็กต์ใหม่ที่เพิ่งรับมานั้นมันซับซ้อน แต่พอเป็นรามเกียรติ์มันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเสียอีก
