บท
ตั้งค่า

ตัวไร้ค่าผู้มากพรสวรรค์ 2

วันเวลาไม่คอยท่า ในเมื่อมีหนทางเปิดให้นางเดินแล้วมีหรือคนอย่างนางจะไม่เลือกเดิน หลี่หลิงเฟิ่งกัดผลจิตวิญญาณพร้อมกับวักน้ำทิพย์ในแอ่งขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก

จู่ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายก็ถาโถมเข้ามาใส่ร่างของนางราวกับมีดนับพันเล่มเฉือนเนื้อนางออกเป็นชิ้นๆ กระดูกของนางราวกับถูกค้อนทุบจนแหลกละเอียด นอกจากความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านี้แล้ว นางยังรู้สึกถึงพลังรุนแรงสองขุมต้องการจะทะลักทะลวงออกมาจากอก ทั้งร้อนรุ่มทั้งเย็นสบาย

ช่างทุกข์ทรมานจริงหนอ นางอยากละทิ้งความตั้งใจที่มีแต่เดิม แต่ก็รู้ถึงผลแห่งความล้มเหลวว่าจะเป็นอย่างไร

หลี่หลิงเฟิ่งรู้ดี ถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้นางก็คงเป็นได้แค่เศษสวะไปชั่วชีวิต ในเมื่อนางเลือกแล้วว่าจะไม่ยอมเป็นตัวไร้ค่าอีกต่อไป ก็ได้แต่กัดฟันทนสู้กับมัน

“จะอย่างไรข้าก็ต้องทน เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ อยากจะไปจะอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครขวางข้าได้ทั้งนั้น” หลี่หลิงเฟิ่งตัดสินใจนั่งสมาธิทันที เหงื่อกาฬผุดขึ้นทั่วทั้งร่าง ทั้งยังรู้สึกเหมือนธาตุไฟเข้าแทรก พลังสองขุมนั้นกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดภายในกายของนาง นิ้วทั้งสิบจิกลงบนฝ่ามือจนเลือดซิบ นางพยายามประคองสติตนเอง กดขุมพลังที่ร้อนรุ่มไปยังจุดตันเถียน

บ้าจริง เสี่ยวมู่ไม่ได้บอกข้าว่าจะมีผลข้างเคียงที่ทรมานเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นข้าคงกลับไปเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ก่อน

“ไม่รู้ว่าร่างนี้จะสามารถทนรับความเจ็บปวดเจียนตายได้นานแค่ไหน ถ้าเกิดข้าหมดสติไปก่อนที่จะสำเร็จ แล้วข้าจะทำอย่างไร” หลี่หลิงเฟิ่งหงุดหงิดที่นางทำอะไรมากไม่ได้ คงได้แต่ต้องทนไปอย่างนี้แล้ว

ความสามารถอย่างเดียวในชาติก่อนที่นางภาคภูมิใจที่สุดก็คือความอดทนที่มากกว่าคนอื่น ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องแพ้พ่ายให้กับความอุตสาหะของนาง

ร่างกายที่เดิมทีไม่ได้สมบูรณ์นักค่อยๆ หมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นดังนั้น มือของนางวักน้ำทิพย์ที่อยู่ในแอ่งขึ้นมาดื่มเพื่อยันร่างกายนางให้ยังรับไหว ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเกรงว่าคงจะหมดสติไปนานแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร คนทุกคนย่อมมีขีดจำกัด ผ่านไปหลายชั่วยามแล้วยังไม่มีวี่แววว่าขุมพลังที่ส่งเข้ามาจะกดทับพลังในกายนางได้หรือไม่ สติของหลี่หลิงเฟิ่งค่อยๆ เลือนราง

ทว่าในจังหวะนั้นเองความเจ็บปวดรุนแรงตรงศีรษะแทบจะระเบิดออกมา กระตุ้นให้สติของนางแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง ภาพเคลื่อนไหวหลากหลายพรั่งพรูเข้ามาในสมองของนางราวกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ กระท่อนกระแท่น กลับไปกลับมา ไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“เจ้าเป็นใคร เจ้าเห็นสิ่งใดหรือไม่”

“ในเมื่อข้ามอบมันให้ท่านแล้ว มันย่อมเป็นของท่าน ไม่รับหรือ อย่างนั้นข้าฝากเอาไว้ก่อนละกัน ถ้าข้าต้องการจะใช้ ข้าจะมาเอากับท่าน”

“เจ้าไม่ควรมา ที่นี่มีที่ให้ยืนกับคนไม่มีคุณสมบัติอย่างเจ้าด้วยหรือ กลับไปซะ”

“นางมารน้อย เจ้าควรรู้ว่าข้าให้โอกาสแก่เจ้าแล้ว แต่เจ้าเลือกผิดเอง”

“เจ้าเป็นใคร...ข้าไม่ไป...เจ้าเป็นใคร...ข้าเป็นใคร”

“อย่าไป!”

หลี่หลิงเฟิ่งไม่อาจควบคุมร่างกายตนเองได้ ปากของนางพึมพำไม่ได้ศัพท์ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดน้ำตาหลั่งรินเป็นสายน้ำออกมาจากนัยน์ตาที่กำลังหลับอยู่ทั้งสองข้าง หัวใจพลันบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เจ็บปวดทรมานราวกับนางได้สูญเสียสิ่งสำคัญไป

“ข้าชื่อ...”

เฮือก!

โพล๊ะ

หลี่หลิงเฟิ่งสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมา ตามลำตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ ดวงนางของนางฉายแววสับสนอย่างหนัก หัวใจประหวั่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหัว ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสยังคงหลงเหลืออยู่ นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าพบว่ามันเปียกโชกไปด้วยคราบน้ำตา

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงเห็นภาพพวกนั้นได้ แล้วคนพวกนั้นเป็นใครกัน หรือว่าจะเป็นความทรงจำของร่างเดิมงั้นหรือ

จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ความทรงจำของร่างนี้ถูกผนึกเอาไว้เหมือนกับที่ผนึกพลังยุทธ์

แต่เมื่อขบคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วนางพลันส่ายศีรษะ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม เด็กสาวผู้ไม่เคยย่างเท้าออกจากจวนเลยสักครั้ง จะรู้จักกับคนมากมายเหล่านั้นได้ยังไง

แล้วมันเป็นของใครกัน

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว คิดไปก็ไม่มีคำตอบ ก็หยุดคิดมันซะเลย ยิ่งตอนนี้นางรู้สึกถึงกระแสพลังทั้งสองขุมภายในร่างกายของนางรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว นางก็รีบโคจรพลังยุทธ์ให้กระจายไปทั่วร่าง ยังจะมีเวลาอะไรเหลือให้นางขบคิดเรื่องอื่นอีกเล่า

ตอนนี้พลังยุทธ์ของนางถูกปลดผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว มุมปากหลี่หลิงเฟิ่งยกยิ้ม

หลังจากนั้นไม่นานพลันมีกระแสพลังใหม่ทะลักเข้ามาอีกระลอก แต่ไม่ได้เจ็บเจียนตายเหมือนครั้งก่อน กระแสพลังนี้ออกจะทำให้นางหายใจไม่ออกอยู่บ้าง นางรีบโคจรลมปราณให้คงที่ ค่อยๆ ซึมซับพลังทีละน้อย เมื่อครั้งรู้สึกหมดเรี่ยวแรง มือของนางก็จะวักน้ำในบ่อดื่มโดยอัตโนมัติ

การมีน้ำทิพย์มันช่างวิเศษจริงๆ!

เวลาหมุนผ่านไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว หลี่หลิงเฟิ่งลืมตาขึ้นมาช้าๆ ผลไม้จิตวิญญาณที่นางกินเข้าไปนั้นทำให้นางมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นกำเนิดใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นผลจากการดื่มน้ำทิพย์ตลอดทั้งวันร่วมกับการค่อยๆดูดซับพลังยุทธ์ ประสิทธิภาพที่ได้รับ ทำให้ระดับความแข็งแกร่งก้าวกระโดดขึ้นพรวดพราดจนนางเองก็อดตกใจไม่ได้

หลี่หลิงเฟิ่งไม่ใช่ตัวไร้ค่าอีกต่อไป นางในตอนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลาง

นอกจากนี้ไม่เพียงแค่นางเป็นผู้ครอบครองธาตุมิติมายา แต่นางยังครอบครองธาตุไฟอีกด้วย ในแคว้นหลิวอวิ๋นผู้ครอบครองสองธาตุนั้นมีน้อยเท่าหยิบมือ และไม่มีใครที่เป็นผู้ครอบครองธาตุมิติมายาแบบนางเลยสักคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel