4
แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี มหาเทพในวัยฉกรรจ์ที่ใจร้อนได้เปลี่ยนเป็นวัยชรา มองเห็นความสงบสุขของทุกเผ่าพันธุ์สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เริ่มนึกกังวลต่อเวทมนตร์ที่ตนเองได้ร่ายเอาไว้ กลัวว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นจะเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ก่อสงครามยึดครองทุกดินแดน ทำให้แผ่นดินที่สงบสุขมาตลอดพัน ๆ ปีลุกเป็นไฟ
“เพราะอารมณ์ของข้าแท้ ๆ ถึงได้เกิดเรื่อง แม้ตอนนี้เด็กคนนั้นยังไม่มีทีท่าต่อต้านใด ๆ ยังพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ แต่ข้าก็กลัวว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะหมดความอดทน เพราะผู้นำอย่างพวกข้านี่แหละที่วุ่นวายกับเขามากเกินไป และถ้าเวลานั้นมาถึง เขาก่อกบฏขึ้นมาจริง ๆ เกรงว่าคงไม่มีใครกำราบเขาได้ ดินแดนทั้งแปดภูมิคงตกอยู่ในมือเขา แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราจะต้องสูญเสียไปอีกเท่าไหร่..”
“มหาเทพห่วงใยทุกเผ่าพันธุ์มากขนาดนี้ เตรียมหาทางแก้ไขไว้ก่อนเป็นร้อย ๆ ปี ทุกอย่างต้องราบรื่นแน่ อย่าได้กังวลเกินเหตุไปเลยขอรับ และข้ามั่นใจว่าเหม่ยลี่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี”
มหาเทพมองคนสนิทด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“เจ้าบอกว่านิสัยของนางแตกต่างจากแฝดพี่มากไม่ใช่หรือ”
“ขอรับ ถึงแม้เหม่ยลี่จะขาดความอ่อนหวาน ไม่เฉลียวฉลาดเหมือนแฝดพี่ แต่ในความแข็งกระด้างนางก็เป็นเด็กสาวที่จิตใจดี มีเมตตา เป็นมิตรกับผู้อื่นกว่าแฝดพี่มาก ในความคิดของข้า นางนี่แหละคือคนที่เหมาะสมจะเคียงข้างทายาทครึ่งสวรรค์ผู้นั้น พลังของนางจะข่มพลังปีศาจในตัวทายาทได้แน่”
“ถ้านางมีนิสัยแบบนั้น แล้วนางจะยอมทำตามง่าย ๆ หรือ”
“เรื่องนั้นท่านมหาเทพวางใจข้าเถิด ข้าดูแลนางอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่นางเป็นทารก นิสัยใจคอของนางข้ารู้ดีที่สุด ข้าจะคุยกับนางให้เข้าใจเอง”
“..ในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าจัดการ แต่เจ้ามีเวลาถึงวันที่แปดเดือนแปดนี้เท่านั้น ตอนนี้เด็กคนนั้นอายุยี่สิบสามแล้ว สามปีมานี้ร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะพยายามข่มพลังปีศาจเอาไว้ แต่ถ้าวันหนึ่งเขาข่มกลั้นเอาไว้ไม่ไหว เขาจะกลายเป็นปีศาจที่มีพลังเทพอยู่ในตัว และเทพสวรรค์อย่างพวกเราจะเดือดร้อนเป็นเผ่าพันธุ์แรกแน่”
“ยังมีเวลาอีกหลายเดือน ข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อยขอรับ”
“ได้ เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะแอบเปิดประตูผ่านมิติที่จุดเดิม เวลาเดิมที่เคยมาส่งเจ้า เจ้ามีเวลาแค่สองเค่อเท่านั้นอย่าลืมเสียเล่า”
“ไม่ลืมขอรับ..แต่ข้ายังมีอีกเรื่องที่อยากขอร้องมหาเทพ”
“เรื่องอะไร”
“..เรื่องเด็กน้อยที่เกิดจากเหม่ยฮวาขอรับ” หยวนตงก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายเล็กน้อย “ถึงแม้ฝาแฝดทั้งสองจะไม่ใช่สายเลือดของข้า แต่ข้าก็เลี้ยงดูฟูมฟักพวกนางมาตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ ย่อมมีความรักความผูกพันกันมาก ถ้าพวกข้าจากไปแล้วเด็กคนนั้นก็จะไม่มีใครดูแล”
“เอาเถิด ๆ เจ้าไม่ต้องพูดข้าก็เข้าใจ พาเขาไปด้วยก็แล้วกัน เมื่อกลับถึงแดนสวรรค์แล้วข้าจะแต่งตั้งให้เขาเป็นเหรินเซียน เป็นบุตรบุญธรรมของพวกเจ้า”
หยวนตงรีบคุกเข่า ยกมือประสานแตะหน้าผาก “ขอบคุณท่านมหาเทพที่เมตตา”
“อือ หมดธุระแล้ว ข้าคงต้องกลับสักที”
“หยวนตงน้อมส่งมหาเทพ”
………………
ค่ายมวย
“สวัสดีครับครู”
“อ้าวขาว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อคืนกลางดึกครับ”
“อ้อ แล้วเป็นอย่างไรบ้างที่ญี่ปุ่น สวยมากไหม”
“ช่วงนี้เริ่มร้อนแล้วก็มีฝนตกบ้างครับครู”
“ครูไม่ได้หมายถึงอากาศ สาว ๆ น่ะ สาว ๆ เป็นไงบ้าง ขาวผ่องเหมือนในเอวีไหมวะ” ครูมวยเย้าแหย่อดีตลูกศิษย์ที่เป็นเจ้าของค่ายแห่งนี้ ที่ตอนนี้ไปได้ดีมีชื่อเสียงอยู่ในต่างแดน และเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ แดนอาทิตย์อุทัย
หนุ่มผิวเข้มผิดกับชื่อยกมือเกาศีรษะเบา ๆ หัวเราะอย่างขัดเขิน
“ผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกครับครู แต่เท่าที่เห็นก็ขาวผ่องดีครับ”
“แล้วไม่สนใจใครเป็นพิเศษบ้างเหรอ ได้ข่าวว่าเนื้อหอมน่าดูนี่”
“ไม่สนหรอกครับ” รีบส่ายหน้าจริงจัง “ผมชอบสาวไทยหน้าหวานมากกว่า”
“ก็จริงแหละ สาวไทยผิวพม่า นัยน์ตาแขก หุ่นทรงก็ดูสมส่วนกว่าสาวญี่ปุ่นเยอะ”
“จริง ๆ ผมก็ชอบขาว ๆ นั่นแหละครับครู แต่ชอบขาว ๆ หมวย ๆ แบบไทยมากกว่าครับ” ปากพูดกับครูแต่สายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ห้อยหัวลงพื้น ใบหน้าแดงเพราะเลือดลงหัวไม่วางตา
สายตาของศิษย์เอกทำให้ครูฝึกหันไปมองตาม.. แล้วยิ้มกว้างพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะ ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าขาว ๆ หมวย ๆ แบบไทยที่เขาว่านั้นหมายถึงใคร
แต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกศิษย์คนนี้ตาถึงทีเดียว เพราะสาวหมวยคนนี้รูปร่างหน้าตาจัดได้ว่าสวยพิฆาตจริง ๆ ไม่มีเค้าความหมวยแบบสาวจีนขนานแท้สักนิด ทั้งที่เธอเป็นสาวจีนแผ่นดินใหญ่เต็มร้อย
“เห็นสวย ๆ สะโอดสะองแบบนั้นแต่ถึกใช่เล่นนะ ตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นคู่ซ้อมด้วยแล้ว ทนมือทนตีนเธอไม่ไหวน่ะ”
“จริงเหรอครับครู หลายเดือนก่อนที่ผมเคยเป็นคู่ซ้อมให้ ก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่นะ” ขาวไม่เชื่อเสียงกระซิบท้ายประโยคของครูฝึก
“นั่นมันเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้ถ้าเอ็งอยากรู้ก็ลองไปท้าต่อยสักยกสิ”
“จะดีเหรอครับครู”
“ไม่ทำแล้วจะได้เข้าใกล้เหรอวะไอ้ขาว แต่ระวังถูกเตะกระดูกร้าวนะเอ็ง..ไปสิวะ” ครูฝึกผลักศิษย์เอกที่ทำท่าเคอะเขินให้เดินไปหาหญิงสาว แล้วหันไปให้ความสนใจกับการฝึกซ้อมของลูกศิษย์คนอื่นต่อ
